Anand

Anand (1971)

เมื่อมนุษย์รู้ตัวเองว่ามีชีวิตเหลืออยู่ไม่กี่เดือน Ikiru คือหนังที่ทำให้คนดูตั้งคำถามกับชีวิต ส่วน Anand คือการมองชีวิตในแง่บวก แม้สุดท้ายแล้ว Anand จะไม่ได้ทำอะไรเพื่อเป็นประโยชน์นัก แต่กับคนรอบข้างของเขา Anand คือคนที่จะยังอยู่ในใจของทุกคน นำแสดงโดย Rajesh Khanna และ Amitabh Bachchan ใครเป็นแฟนของทั้งสองห้ามพลาดเลย

หนังเรื่องนี้อาจจะไม่ได้อยู่ในชาร์ทจัดอันดับระดับโลก แต่ก็การันตีด้วยรางวัล Best Feature Film in Hindi ของ National Film Awards ในขณะที่ Filmfare Awards ก็กวาดไป 6 รางวัล รวมทั้ง Best Film, Best Actor (Rajesh Khanna) และ Best Support Actor (Amitabh Bachchan) ผมไปเจอหนังเรื่องนี้เข้าในชาร์ท 10 Bollywood movie you must see before die ของ Times of india อยู่สูงถึงอันดับ 2 ว่ากันตรงๆหนังเรื่องนี้ไม่ถึงขั้นที่ว่าจะต้องดูให้ได้ก่อนตาย เพราะในเมื่อเป็นเรื่องเกี่ยวคนที่รู้ตัวเองว่ามีชีวิตอยู่ไม่มาก เป็นโรคมะเร็ง คล้ายๆกับ Ikiru ที่ผมเขียนรีวิวไปเมื่อวาน หนังเรื่องนี้ยังห่างชั้นอยู่มาก แต่กระนั้นความแตกต่างอยู่ที่บรรยากาศและการแสดง ที่ตรงข้ามกับ Ikiru โดยสิ้นเชิง

กำกับโดย Hrishikesh Mukherjee เขาเป็นผู้กำกับชื่อดังคนหนึ่ง แม้จะไม่เคยได้รางวัลในสาขาการกำกับจากสำนักไหนเลย แต่หนังของเขาก็ได้กวาดรางวัลมากมาย มีหนังถึง 4 เรื่องที่ได้ National Film Award ผมยังวิเคราะห์สไตล์ของผู้กำกับคนนี้ไม่ได้ เพิ่งเคยดูหนังของเขาเรื่องเดียวเอง กับ Anand กลิ่นไอของความเป็น bollywood ถือว่ายังอยู่ครบถ้วน โดยเฉพาะประเด็นการเล่าเรื่องที่เน้นตัวบุคคล มากกว่าเรื่องราว ซึ่งเรื่องนี้ การแสดงของนักแสดงนำทั้งสอง เด่นกว่าการกำกับและการเล่าเรื่องอีก

เขียนบทโดย Gulzar (เขียนบทพูดและเพลงประกอบ) Bimal Dutt, D.N. Mukherjee และ Hrishikesh Mukherjee ว่าไปคงมีแต่ bollywood กระมังที่มีการแยกคนเขียนบทพูด กับบทหนังออกจากกัน Gulzar เขาเป็นทั้งผู้กำกับ นักเขียนบท นักแต่งเพลงที่ชื่อดังมากๆที่สุดคนหนึ่ง เขาเขียนเนื้อร้องให้ A.R. Rahman ใน Slumdog Millionaire ทำให้เขาได้ Oscar และ Grammy Award ด้วย สำหรับ Anand นั้น Gulzar ได้รางวัล Best Dialogue จาก Filmfare Award เราจะเห็นบทพูดเยี่ยมๆในหนังมากมาย รวมถึงเพลงประกอบที่เป็นบทกวี ที่ไพเราะและแฝงความหมายอย่างลึกซึ้ง

นำแสดงโดย Rajesh Khanna ชายคนนี้ได้ชื่อว่าเป็นซุปเปอร์สตาร์คนแรกของ bollywood (first superstar) ไม่ใช่ Amitabh Bachchan ที่เป็นนักแสดงร่วมรุ่น หรือ Raj Kapoor หรือ Guru Dutt เหตุผลที่ Rajesh Khanna ได้รับการยกย่องว่าเป็น first superstar นั้นก็เพราะ เขาเล่นหนังที่ทำเงินประสบความสำเร็จ ติดต่อกันมากที่สุดเป็นคนแรก ทั้งชีวิตเล่นหนังกว่า 74 เรื่อง มีหนังของเขาที่ฉายต่อเนื่องยาวนานกว่า 50 สัปดาห์ นี่คือความยิ่งใหญ่ที่ไม่มีนักแสดงคนไหนใน bollywood สามารถทำได้ ปู่แกเสียชีวิตไปเมื่อปี 2012 ทั้งชีวิตไม่เคยได้รับรางวัลอะไรจาก National Film Award แต่ได้เข้าชิง Filmfare Award 15 ครั้ง ได้ Best Actor 3 ครั้ง จนต้องยก Filmfare Lifetime Achievement Award ให้ สำหรับ Anand การแสดงของเขาถือว่าสุดยอดมากๆ เป็นตัวละครที่มองโลกในแง่ดีสุดๆ ทุกฉากที่เขาออกมาทำให้หนังมีสีสัน มีชีวิตชีวา ทั้งๆที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับคนที่กำลังจะตาย และตัวละครของเขาก็กำลังจะตาย การแสดงของ Rajesh Khanna สร้างแรงบันดาลใจให้กับนักแสดงยุคใหม่ของ bollywood เป็นอย่างมาก และชื่อเรียกฉายา The Big B ของ Amitabh Bachchan ก็ได้มาจากคำพูดของตัวละครของ Rajesh Khanna ที่เรียกตัวละครของ Amitabh Bachchan ว่า ‘babu moshai’ (The Big B ตัว B มาจากคำว่า babu ที่แปลว่า ท่าน)

สำหรับ Amitabh Bachchan ในหนังเรื่องนี้ เขายังคงคาแรคเตอร์ที่คล้ายๆกับบทแจ้งเกิดให้เขา The Angry Man นี่เป็นตัวละครที่ดูจริงจังไปเสียทุกอย่าง จริงจังกับชีวิต จริงจังกับอาชีพการงาน ผมไม่เชิงวิเคราะห์ว่าเขาเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย แต่เขาเห็นโลกในมุมมืดมาเยอะ และด้วยบุคคลิกนิสัยที่เป็นคนจริงจัง ไม่คดงอ มันเลยดูเหมือนเขาเกลียดชังโลกนี้เหลือเกิน นี่เป็นอีกหนึ่งการแสดงที่ยอดเยี่ยมมากๆของปู่ แม้จะไม่เท่ากับ Rajesh Khana ก็เถอะ แต่กับหนังเรื่องนี้ ถ้าไม่มี Rajesh ก็ไม่มี Amitabh สองตัวละครที่ต่างกันสุดขั้ว

ถ่ายภาพโดย Jaywant Pathare บรรยากาศหนังอยู่ในยุค 60-70 ผมไม่ค่อยชอบโทนสีหนังยุคนี้เท่าไหร่ มันทำให้เสื้อผ้าขาวๆ ดูสีหม่นๆ เราจะเห็นฉากในหนังที่เซตขึ้น ดูเหมือนหนังในยุค 40-50 ของ hollywood ตัวละครก็มีใส่สูท แต่กระนั้นก็ยังคงไว้ด้วยภาพลักษณ์ของอินเดีย หนังใช้เวลาถ่ายทำ 28 วันเท่านั้น ตัดต่อโดย Hrishikesh Mukherjee ลงมือตัดเองเลย หนังเรื่องนี้ใช้การเล่าเรื่องผ่านทาง Diary ที่จดบันทึกเรื่องราวชีวิตประจำวันของหมอคนหนึ่ง ที่ได้พบกับคนไข้ที่เป็นมะเร็ง และกำลังจะตายในอีกไม่ช้า ในช่วงแรกบรรยากาศจะค่อนข้างตึงเครียด ไม่มีจังหวะให้ผ่อนคลายใดๆเลย จนกระทั่งเมื่อพบกับ Anand บรรยากาศหนังก็เปลี่ยนไปสิ้นเชิง ความเครียดยังคงมีอยู่ แต่ได้รับการผ่อนคลายจากตัวละคร การแสดงที่มีสีสัน บทพูดที่แทบไม่ได้หยุดได้ยินจากตัวละครนี้ มีตลกขบขันบ้าง หลังจากนั้นหนังทั้งเรื่องก็จะเล่าถึงแนวคิดของตัวละครนี้ และความสัมพันธ์ระหว่างเขากับคนรอบข้าง

เพลงประกอบโดย Salil Choudhury อาจจะถือว่าไม่เด่นมัก แต่ Salil ก็ถือเป็นนักเพลงชื่อดังคนหนึ่ง สไตล์ของเขามักจะมีเครื่องดนตรี flute, piano และ esraj ส่วนเนื้อร้อง บทกวีแต่งโดย Gulzar และ Yogesh ในหนังมีแค่ 4 เพลงเท่านั้น มี 2 เพลงที่เล่าถึงความรู้สึกที่อยู่ในใจของ Anand อีกเพลงหนึ่งใช้ประกอบฉากเต้นเมื่อเจอกับคณะนักแสดง ผมชอบเพลงนี้สุด Kahin Door Jab Din Dhal Jaye ร้องโดย Mukesh แต่ทำนองโดย Yogesh

สิ่งที่ Anand ต่างกับ Ikiru คือ มุมมองของตัวละครและการโต้ตอบต่อความตาย Anand ถึงจะรู้ว่าไม่นานเขาจะต้องตาย แต่เขาก็ไม่ได้เสียใจที่เกิดมา เขาเลือกที่จะใช้ชีวิตเพื่อคนอื่น แม้สุดท้ายเขาจะไม่ได้สร้างอะไรที่มีประโยชน์ให้กับคนส่วนมากแบบ Ikiru แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับคนรอบข้าง ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองมีตัวตนอยู่ในจิตใจของพวกเขา ถึงเขาจะจากไปแล้ว แต่คนรู้จักของเขาจะไม่มีใครลืมเขาอย่างแน่นอน ฟังดูตัวละครนี้เห็นแก่ตัวมากๆนะครับ แต่ความเห็นแก่ตัวนี้แหละที่ทำให้เขาเป็นคนที่มีค่ามากๆ เขาไม่เคยแสดงความเจ็บปวดออกมาให้คนเห็น ขณะเดียวกันคนรอบข้างก็ไม่อยากแสดงความเศร้าเสียใจให้เขาเห็น เราจะเห็นคนรู้จักของเขาทุกคน พยายามที่จะหาทางช่วย ไม่ว่าทางกาย ทางใจ ยื้อให้เขามีชีวิตอยู่ได้นานที่สุดและจากไปอย่างไม่ทรมาน คุณค่าของหนังเรื่องนี้จึงต่างกับ Ikiru ตรงที่หนังไม่ได้ตั้งคำถามว่า คุณจะทำอะไรเมื่อรู้ว่าตัวเองต้องตาย แต่เป็น คุณจะมีปฏิกิริยาโต้ตอบกับความตายยังไง อธิบายให้คนรอบข้างยังไง และใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ยังไง

ด้วยความที่หนังใช้การเล่าเรื่องแบบตรงไปตรงมา จึงไม่มีเทคนิคอะไรให้กล่าวถึงแบบ Ikiru กระนั้นสิ่งที่ทำให้หนังเป็นที่จดจำสุดๆคือการแสดง ของ Rajesh Khanna และ Amitabh Bachchan นี่คือจุดที่หนัง bollywood ต่างจากหนังของประเทศอื่นๆ ตรงที่หนังเน้นขายการแสดงของดารามากกว่าเนื้อเรื่อง อย่างที่ผมบอกไป หนังเรื่องนี้ นักแสดงเด่นกว่าหนังและผู้กำกับอีก เห็นว่าก่อนที่จะได้ทั้ง 2 มา ก็เคยไปทาบทาม Kishore Kumar กับ Mehmood แต่มีเรื่องเข้าใจผิดเกิดขึ้น เลยไปทาบทาม Raj Kapoor กับ Shashi Kapoor แต่ก็ไม่ได้อีก เลยมาจบที่ Rajesh และ Amitabh ทั้งสองถือเป็นหนึ่งในนักแสดงคู่หูที่เล่นกันได้เข้าขากันมากๆ (แม้จะนิสัยต่างกันสุดขั้วก็เถอะ)

ฉากสุดท้าย มันเจ๋งมากๆเลยนะ เชื่อว่าหลายคนน้ำตาซึมแน่ๆ เป็นความบังเอิญที่จงใจอย่างเปะๆ ฉากนี้และประโยคสุดท้ายของทั้ง 2 ถือเป็นหนึ่งในประโยคของหนัง bollywood ที่ดังที่สุดก็ว่าได้

ผมแนะนำหนังเรื่องนี้ให้กับแฟนหนัง bollywood แฟนๆของ Rajesh Khanna กับ Amitabh Bachchan ห้ามพลาดเลย สำหรับคนที่ชอบดูหนังดีๆ หายากๆ เรื่องนี้ก็แนะนำนะครับ มีแนวคิดที่ดีทีเดียว หาดูใน Youtube ได้เลย

คำโปรย : “Anand คุณจะใช้ชีวิตยังไงเมื่อรู้ว่าจะต้องตาย พบกับสุดยอดการแสดงที่ต้องจดจำของ Rajesh Khanna และ Amitabh Bachchan ที่แฟนหนัง bollywood ไม่ควรพลาด”
คุณภาพ : SUPERB
ความชอบ : LIKE

Leave a Reply

avatar

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.

  Subscribe  
Notify of
%d bloggers like this: