J. S. BACH: Toccata and Fugue in D Minor
วันก่อนได้ดู La Dolce Vita แล้วได้ยินเพลงนี้บรรเลงในหนัง ก็เลยว่าจะเอามาเล่าสู่กันฟังเสียหน่อย
ใครชอบเพลงนี้ ผมว่าคุณเป็นโรคจิตแล้ว ผมเป็นคนหนึ่งละที่ไม่ชอบเพลงนี้เลย โดยเฉพาะเวอร์ชั่นที่เล่นโดย Organ ไม่รู้เหมือนกันว่า Bach แต่งเพลงนี้ได้ยังไง เชื่อว่าคนที่เข้าโบสถ์ น่าจะอย่างน้อยเคยได้ยินเพลงนี้ เครื่องดนตรี Organ ในสมัยก่อนแทบจะหานอกโบสถ์ไม่ได้เลย เป็นเหมือนเครื่องดนตรีประจำโบสถ์ของศาสนาคริสต์ เป็นที่ถกเถียงกันนะครับว่า เพลงนี้จริงๆแล้ว Bach เป็นผู้ประพันธ์หรือเปล่า เพราะต้นฉบับที่มีลายเซ็นต์ของเขานั้นหายไปแล้ว โน๊ตฉบับที่เก่าสุดของเพลงนี้เขียนก็อปปี้ไว้โดย Johannes Ringk ซึ่ง Ringk เองก็เป็นนักเรียนของ Bach ด้วยเหตุนี้ใครๆก็คิดไปว่าเพลงนี้ประพันธ์โดย Bach
Toccata เป็นภาษาอิตาเลี่ยน แปลว่า “to touch” ความหมายทางดนตรีคือการกดหรือแตะ ใช้กับเครื่องดนตรีประเภทกดและเครื่องสายที่มีการเล่นไต่เสียงขึ้นลงอย่างรวดเร็ว ส่วน Fugue (ฟิวก์) นั้นตีความได้หลายความหมาย บ้างว่า to flee, to chase, ในเพลงคือการเล่นทำนองซ้ำๆ วนไปวนมาหลายรอบ ว่ากันว่าคนที่แต่งเพลงนี้อารมณ์คงประมาณว่าเบื่อๆ และนั่งอยู่หน้า Organ ทีดี ก็เล่นบรรเลงลงไปเลย ระบายความเบื่อออกมา
เพลงนี้เป็นเพลงที่ไม่มีอารมณ์ใดๆนะครับ แต่มีความรู้สึก หนังเรื่อง Phantom of Opera เอาเพลงนี้มาใส่ในจังหวะที่ทำให้คนหลอน กลายเป็นว่าเพลงนี้สร้างความรู้สึกหลอนๆให้กับคนได้ยิน กับผมนั้นรู้สึกต่างกันไป ตอนที่ฟังเวอร์ชั่น Organ เพลงนี้ทำให้ผมคลั่งครับ ผมไม่เคยฟังจนจบนะ มันหดหู่ เว้งว้าง ราวกับวิญญาณกำลังจะออกจากร่าง รู้สึกว่าถ้าฟังต่อไปฉันคงไม่มีชีวิตอยู่ในโลกนี้แล้ว ไม่ใช่ว่ากลัว แต่มันหวิวๆ ราวกลับกำลังปลิวไปกับสายลม ผมคิดนะถ้าผมเดินเข้าโบสถ์ บรรยากาศแบบ Baroque แล้วได้ยินเพลงนี้ ผมคิดว่าตัวเองคงเห็นภาพคนสมัยนั้น เดินไปมาในโบสถ์เป็นแน่ กลิ่นไอของเพลงนี้เหมือนมันสร้างภาพหลอนให้กับคนที่ฟัง ราวกลับว่าอยู่ในยุคสมัยนั้นจริงๆ
โชคดีครับ เพลงนี้มีคนนำไป Cover ให้ฟังง่ายขึ้นเยอะ ผมไม่เคยฟังเพลงนี้เวอร์ชั่น Organ เล่นจนจบ แต่ถ้าเป็นเวอร์ชั่นของ Vanessa Mae ลองฟังดูก่อนนะครับ
เพลงนี้เห็นว่าติด Billboard ด้วย ใครจะไปเชื่อครับว่า เพลงที่ผมทนฟังไม่ได้ แต่เมื่อ cover ใหม่ใส่ความเป็น rock เข้าไป มันช่างลงตัว ไพเราะ ฟังสบาย รื่นหูขนาดนี้
เวอร์ชั่นของ Vanessa Mae นี้ มีทั้งคนชอบและไม่ชอบก็ปกตินะครับ คนที่ไม่ชอบส่วนมากคือ นี่เพลงของ Bach นะ เพลงเล่นในโบสถ์ มา cover แบบนี้ใจความของเพลงเปลี่ยนเลย ไม่ใช่ Bach แล้ว ถูกต้องคำ คำวิจารณ์นี้ถูกเปะๆเลย เพลงนี้เวอร์ชั่นนี้ไม่ใช่เพลงของ Bach แล้วเห็นด้วยร้อยเปอร์เซนต์ เพราะเพลงของ Bach ผมทนฟังไม่ได้ แต่เพลงนี้ เปิดวนเป็นสิบๆรอบก็ยังเพราะอยู่ มันจะเรียกว่าเพลงเดียวกันได้ยังไง
Vanessa Mae เธอเป็นลูกครึ่งคนไทยนะครับ งานอดิเรกของเธอคือแข่งสกี เห็นว่าเธอส่งตัวเองไปแข่งโอลิมปิคฤดูหนาวในนามทีมชาติไทยด้วย ทั้งๆที่เมือไทยเองชมรมสกีก็หามีไม่ เป็นเด็กที่เส้นใหญ่และเห็นแก่ตัวมากๆเลย ดูแล้วไม่มีความเป็น “ไทย” แม้แต่น้อย
กับเพลงของเธอเอง ใครฟังหลายๆเพลงก็จะรู้ว่าเธอก็เป็นนักดนตรีทั่วๆไปไม่ได้หวือหวาอะไร เพียงแต่มีแนวทาง ความคิดที่เป็นของตัวเองมาก แบบไม่สนใครจะว่าอะไรฉันทั้งนั้น คนแบบนี้แหละครับที่จะทนคำครหาที่ว่าเอาเพลงของ Bach มาปู้ยี่ปู้ยำแบบนี้ได้ ผมนับถือความกล้าของเธอนะครับ ในบรรดาเพลงของเธอที่ออกอัลบัมมา จะมีก็แค่ Toccata and Fugue นี้เท่านั้นแหละที่ผมทนฟังได้ เพลงคลาสสิคที่ถูก cover ร่วมสมัย มันคือ adaptation ไม่ใช่ innovation นะครับ
Toccata and Fugue ถูกดัดแปลงหลายเวอร์ชั่นให้เครื่องดนตรีประเภทต่างๆเล่นได้ ผมเจอทั้งที่เป็น Harp, Violin Solo, Guitar, เครื่องเป่า หรือแม้แต่คนที่ใช้แก้วกับน้ำ เล่นเป็นเพลงได้ ลองฟังเวอร์ชั่นนี้ดูนะครับ
ใครที่เคยดูหนังอนิเมะเรื่อง Fantasy ของ Disney ก็น่าจะจำเพลงนี้ได้ด้วย มีหนังเก่าๆหลายเรื่องที่ใช้เพลงนี้ เช่น Dr. Jekyll and Mr. Hyde(1931), Sunset Blvd (1950) หนังสมัยใหม่อาจจะไม่ค่อยนิยมใช้เพลงนี้เท่าไหร่ แนะนำให้รู้จักกันไว้นะครับ
คำโปรย : “J.S. Bach กับเพลง Toccata and Fugue in D Minor ที่สุดหลอน ถ้าฟังจบแล้วชอบเพลงนี้ แสดงว่าคุณต้องเข้าขั้นโรคจิตหรือจิตหลอนแล้วละ”
คุณภาพ : SUPERB
ความชอบ : LIKE
ฉันชอบเพลงนี้นะคะ ฟังจบหลายรอบมาก ฉันไม่ค่อยเห็นด้วยที่คุณบอกว่าใครชอบเพลงนี้ก็เป็นโรคจิต ความชอบของแต่ละคนเราตัดสินกันไม่ได้หรอกค่ะ