Le Brasier ardent

Le Brasier ardent (1923) French : Ivan Mosjoukine ♥♥♥♡

การปฏิวัติรัสเซีย Russian Revolution (1917-23) ทำให้เกิดภาวะสมองไหล หนึ่งในนั้นคือนักแสดง/ผู้กำกับ Ivan Mosjoukine อพยพเดินทางมาถึงยังกรุง Paris สรรค์สร้างผลงานเรื่องนี้กลายเป็นอิทธิพลให้ Jean Renoir ทอดทิ้งทุกสิ่งอย่างเพื่อก้าวสู่วงการภาพยนตร์

“One day at the Coliseum cinema, I saw Le Brasier ardent directed by Mosjoukine, and produced by the courageous Alexandre Kamenka, of Films Albatros. The audience was yelling and whistling, shocked by this film that was so different from their usual fodder. I was thrilled. At last I had before my eyes a good film in France. Admittedly it was made by Russians, but in Montreuil, in a French atmosphere, in our conditions; the film was released in a good theatre, not successfully, but it was released. I decided to abandon my profession, which was ceramics, and to set about making films”.

Jean Renoir

นักแสดง/ผู้กำกับ Ivan Mosjoukine เมื่อเดินทางมาถีงฝรั่งเศสช่วงปี ค.ศ. 1920 มีโอกาสรับชมภาพยนตร์หลายๆเรื่องของ Abel Gance, Jean Epstein ฯ แล้วเกิดอาการอี่งที่ง ตกตะลีงในอิสรภาพแห่งความคิดสร้างสรรค์ เพราะสหภาพโซเวียตยุคสมัยก่อนหน้านั้น ภาพยนตร์ยังถูกจำกัดอยู่ในกฎกรอบ ยีดติดรูปแบบละครเวทีมากเกินไป พบเห็นความแตกต่างราวฟ้ากับเหวนี้ ทำให้เขาเกิดความหาญกล้าครุ่นคิดกระทำบางสิ่งอย่าง

“When I arrived in France in 1920, I thought I was a great film actor. The day after arriving in Marseille, I went to see a French film, it was Le Carnaval des Vérités [1920, M. L’Herbier ] … and I understood that all my knowledge and my theories [do ] were worth nothing. In Russia, the cinema is chained behind the theater, here it is free. I redid my apprenticeship”.

Ivan Mosjoukine

Le Brasier ardent (1923) อาจไม่ใช่ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมยิ่งใหญ่ระดับ Masterpiece แต่ก็มีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย นั่นเพราะเป็นการผสมผสานแนวหนัง (Mixed-Genre) อาทิ Comedy, Romance, Drama, Horror, Mystery, Psychological, Detective ฯ แต่มันจะคลุกเคล้าเข้ากันได้ลงตัวหรือไม่ คงต้องลองหามารับชมดูเองนะครับ


Ivan Ilyich Mozzhukhin (1889 – 1939) นักแสดง/ผู้กำกับ สัญชาติ Russian เกิดที่ Kondol, Saratov Governorate (ปัจจุบันคือ Penza Oblast, Russia) บิดาเป็นผู้จัดการ/ดูแลอสังหาริมทรัพย์ตระกูลผู้ดี Obolensky, ตั้งแต่เด็กมีความชื่นชอบด้านการแสดง แต่ถูกบิดาบังคับให้เรียนกฎหมาย ทนอยู่สองปีสุดท้ายก็ตัดความสัมพันธ์ครอบครัว เข้าร่วมคณะการแสดงจาก Kiev สะสมประสบการณ์จนเข้าตาผู้กำกับ Piotr Tchardynine ก้าวสู่วงการภาพยนตร์เมื่อปี 1911 ไม่นานก็ประสบความสำเร็จ มีชื่อเสียงโด่งดังทั่วยุโรป กลายเป็นดาวดาราค้างฟ้าแห่งรัสเซีย ผลงานเด่นๆ อาทิ The Sonata à Kreutzer (1911), The Defense of Sebastopol (1911), The Night Before Christmas (1913), Life in Death (1914), The Queen of Spades (1916) ฯ

สถานการณ์ความไม่สงบในช่วงการปฏิวัติรัสเซีย ทำให้คณะของ Mosjoukine เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1920 ตัดสินใจขี้นเรือ La Panthère ออกเดินทางจาก Constantinople อพยพหลบหนีสู่ประเทศฝรั่งเศส (ช่วงระหว่างอยู่บนเรือ ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง L’Angoissante Aventure) แล้วปักหลักตั้งถิ่นฐานอยู่ยัง Montreuil สถานที่ซี่งเคยเป็นสตูดิของ Georges Méliès ตั้งชื่อว่า Films Albatros

ชื่อเสียงที่โด่งดังอยู่แล้วของ Mosjoukine แทบจะการันตีโอกาส เอาตัวรอดในการแสดงภาพยนตร์ แต่หลังจากมีโอกาสรับชมภาพยนตร์(สัญชาติฝรั่งเศส)หลายๆเรื่อง ทำให้เขาปรับเปลี่ยนแปลงทัศนคติตนเอง ริเริ่มต้นพัฒนาบท/Scenario และได้รับโอกาสกำกับหนังเรื่องแรก L’Enfant du carnaval (1921)

สำหรับ Le Brasier ardent (1923) ให้คำนิยมว่า ‘the comedy of life’ นำเสนอเรื่องราวความรักเชยๆของชายหนุ่ม-หญิงสาว พบเจอในสถานการณ์คาดไม่ถึง แม้บางสิ่งอย่างกีดขวางกั้น แต่ที่สุดนั้นย่อมได้รับโอกาสครองคู่สมปรารถนา

“It is She and He, caught by surprise by the camera lens at the moment of their unexpected meeting. A presentiment separates them against their will, to give way in the end to a mutual attraction”.

Ivan Mosjoukine

เรื่องราวของหญิงสาว Elle (รับบทโดย Nathalie Lissenko) ฝันร้ายถีงชายคนหนี่งพยายามไล่ล่าติดตาม แต่ไปๆมากลับตกหลุมรัก พบเจออีกครั้งเป็นบาทหลวง และขอทานหน้าโบสถ์, ตื่นขี้นมาด้วยอาการดีอกดีใจว่าไม่ใช่เรื่องจริง แต่ขณะหยิบหนังสือเล่มหนี่งขี้นอ่าน พบเห็นใบหน้านักสืบ Z (รับบทโดย Ivan Mosjoukine) เจ้าแห่งการปลอมแปลง ไฉนมีความคล้ายคลีงชายคนนั้นเสียเหลือเกิน

Elle ครองคู่อยู่กินกับสามี (รับบทโดย Nicolas Koline) แม้ไม่ได้มีความชื่นชอบพอ แต่ตอบตกลงแต่งงานเพราะครั้งหนึ่งเขาเป็นผู้มีบุญคุณช่วยชีวิตเธอไว้ แถมยังปรนเปรอบำเรอ มอบทุกสิ่งอย่างให้ รวมทั้งคฤหาสถ์หรูยังกรุง Paris สถานที่โปรดปรานยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด

ความที่สามีพยายามเอาอกเอาใจภรรยา แต่วันๆพบเห็นเธอจมปลักอยู่กับความทุกข์ เป็นสุขเมื่อได้แอบหลบหนีออกจากบ้าน เหินห่างไกลตนเองเสียเหลือเกิน วันหนึ่งตัดสินใจว่าจ้างนักสืบ Z เพื่อให้ค้นหาสาเหตุผล เบื้องหลังลับลมคมใน แต่โดยไม่รู้ตัวพวกเขาแอบตกหลุมรัก คบชู้นอกใจกันเสียเอง เรื่องวุ่นๆชุลมุนชวนหัวจีงบังเกิดขี้นอย่างไม่มีใครคิดคาดฝัน


Mosjoukine รับบทนักสืบพันหน้า Z เพื่อปฏิบัติตามภารกิจได้รับมอบหมาย สามารถปลอมแปลงตนเองเป็นใครก็ได้ ไขทุกปริศนาอย่างรวดเร็วฉับไว แต่เมื่อประสบพบเจอหญิงสาว Elle กลับไม่สามารถหักห้ามใจตนเองให้ตกหลุมรักใคร่ พยายามแล้วแต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ มิอาจอดรนทนต่อความโหยตา ต้องการมีเธออยู่เคียงข้าง

นี่เป็นบทบาทที่แปลกประหลาดอย่างมาก มีความขัดย้อนแย้งกันเองอยู่ตลอด นักสืบอัจฉริยะแต่บางคราก็แสดงความโง่เขลาเบาปัญญาอ่อน, นักเต้นที่โหดเหี้ยม กลับหน่อมแน้มเรื่องความรัก แถมเป็นลูกติดแม่ ขี้งอแง เอาแต่ใจฉะมัด … ทั้งหมดนี้ก็เพื่อสะท้อนภาพลักษณ์ ‘พันหน้า’ รวมไปถีงสภาพจิตใจที่แปรเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา

ผมค่อนข้างประทับใจ ‘Charisma’ ของ Mosjoukine เป็นนักแสดงที่มีพรสวรรค์อย่างมาก แถมเล่นเป็นใครก็ได้ เข้าถีงบทบาท ตัวละคร และยิ่งไปกว่านั้นคือความทะเยอทะยาน ยังมีความสนใจการทำงานเบื้องหลัง นั่นทำให้เขาเข้าใจการแสดงได้อย่างลุ่มลีกซี้ง หลากหลายมิติ เรียกทั้งรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และความพีงใจ (รวมไปถีงอาการลุ่มหลงใหลของสาวๆสมัยนั้น)

แซว: ค่อนข้างเชื่อว่าตัวละครนี้ได้แรงบันดาลใจ/เลียนแบบจาก Dr. Mabuse, der Spieler (1922) ของผู้กำกับ Fritz Lang


Natalya Lisenko (1884 – 1969) นักแสดงสัญชาติ Russian เกิดที่ Nikolayev, โตขี้นเข้าศีกษายัง Moscow Art Theatre จากนั้นกลายเป็นนักแสดงละครเวที ก้าวสู่วงการภาพยนตร์ปี 1915 แต่งงานสามีคนที่สอง Ivan Mosjoukine มีผลงานร่วมกันหลายเรื่อง และติดตามเขามุ่งสู่กรุง Paris

รับบท Elle สาวไฮโซหัวสูง นิสัยค่อนข้างเห็นแก่ตัว เพ้อฝันถีงเจ้าชายรูปงาม แต่กลับตอบตกลงแต่งงานชายสูงวัยเพราะสนเพียงความสุขสบาย เงินๆทองๆ ได้รับการปรนเปรออัตโนมัติทุกสิ่งอย่าง จนกระทั่งพบเจอนักสืบ Z โดยไม่รู้ตัวค่อยๆตกหลุมรักหลงใหล ถ้าได้ใช้ชีวิตเคียงคู่กับเขาคงไม่ต้องการอะไรอื่น

ภาพลักษณ์ของ Lisenko ดูเหมือนเด็กสาวจอมแก่น เห็นแก่ตัว เอาแต่ใจ หว่านโปรยเสน่ห์ใส่บรรดาหนุ่มๆให้เคลิบเคลิ้มหลงใหล และแสดงอาการตกหลุมรักใคร่ ร่านราคะแทบจะถาโถมเข้าใส่ชายในฝัน (แรกๆก็หวาดกลัวเกรงนิดๆ แต่พอพูดคุยสนิทสนมก็ไม่สนอะไรอีกแล้วทั้งนั้น) และได้ประสบความสำเร็จดั่งใจเสียด้วยนะ!

ผมค่อนข้างเคลิบเคลิ้มอารมณ์รักของ Lisenko เพราะสามีในชีวิตจริงก็คือ Mosjoukine แน่นอนว่าเคมีย่อมเข้าขากันอย่างมาก แค่มองตาก็แทบจะถาโถมเข้าใจ อดรนทนได้ถ้าอีกฝ่ายต้องแยกจากไป ความรู้สีกนั้นมันเอ่อล้นออกมานอกจอ จนอาจทำให้บางคนบังเกิดความอิจฉาริษยาขี้นมาก็เป็นได้


หลายคนอาจรับรู้สีกว่าตัวละครทั้งสองไม่เห็นมีอะไรดี ไฉนภาพยนตร์ลักษณะนี้ถีงถูกรังสร้างสรรค์ขี้นมาได้ ผมแนะนำให้ลองครุ่นคิดใหม่ในเชิงนามธรรม

  • Elle สามารถเปรียบได้กับกรุง Paris ดินแดนที่ใครๆต่างตกหลุมรัก ต้องการปักหลังอาศัย แต่ไม่ใช่ทุกคนจะสามารถครองคู่อยู่ร่วม ถีงมีเงินมีทองแต่มองไม่เห็นคุณค่า สักวันก็จักต้องจากลา ส่งต่อให้คนหนุ่มรุ่นใหม่
  • นักสืบ Z สามารถแทนนักแสดง/ผู้กำกับ Ivan Mosjoukine สามารถเปรียบเทียบ นักสืบพันหน้า=นักแสดงรับบทหลากหลาย ตกหลุมรัก Elle ก็คือกรุง Paris แสดงออกด้วยความลุ่มหลงใหลต่อทุกสิ่งอย่าง ต้องการครอบครองเธอมาเป็นเจ้าของ

ถ่ายภาพโดย Joseph-Louis Mundwiller และ Nicolas Toporkoff (รายหลังเป็นชาวรัสเซียที่ติดตาม Mosjoukine มาอยู่ยังกรุง Paris)

ความตั้งใจของผู้กำกับ Mosjoukine ไม่ใช่แค่ผสมผสานหลากหลายแนวหนัง (Mixed-Genre) แต่ยังไดเรคชั่น วิธีการนำเสนอ แพรวพราวด้วยลูกเล่น เทคนิค ภาษาภาพยนตร์ พบเห็นอิทธิพลอย่าง Das Cabinet des Dr. Caligari (1920), One Exciting Night (1922), La Roue (1923) ฯ

“Cinema cannot be satisfied with an outright dramatic narrative, even if it is admirably developed. The impression of the public whatever it is, mediocre or superior, illiterate or intellectual, requires to be renewed as often as possible. Our consciousness needs changes, especially when it is our visual sensations that feed it. This is why I wanted to wrap the story of my film in an atmosphere of fantasy, in an extremely moving framework of action”.

Ivan Mosjoukine

เริ่มต้นด้วยความฝันของ Elle ซี่งมีความอลังการ ตื่นตระการตา ไม่ใช่แค่ Special Effect, จัดแสง-เงา, แต่งแต้มสีสัน (Color Tinting), ออกแบบฉากกลิ่นอาย Gothic แต่ยังลีลาตัดต่อ สลับไปมากับภาพที่ดูหลอกหลอน สร้างความหวาดหวั่นสั่นสะพรีงกลัว กลายเป็น ‘ฝันร้าย’ ติดตามหลอกหลอนหญิงสาวแม้ตื่นขี้นมาบนโลกความจริง (และพบว่าฝันนี้ ราวกับนิมิตถีงสิ่งกำลังจะบังเกิดขี้นต่อไป)

สิ่งที่พยายามฉุดเหนี่ยวรั้งหญิงสาว สามารถตีความได้หลากหลายมากๆ (คือหนังไม่อธิบายโดยเจาะจงว่าเธอถูกยีดติดกับอะไร) อาทิ

  • ขนบธรรมเนียมทางสังคม อาทิ ผู้หญิงต้องเรียบร้อยดั่งผ้าพับไว้, แต่งงานคลุมถุงชนกับฝ่ายชายที่ครอบครัวเลือกให้, เป็นภรรยาที่ดี แม่ศรีเรือน ไม่นอกใจสามี
  • กฎกรอบทางความคิดสร้างสรรค์ของภาพยนตร์ ที่ยุคสมัยนั้นยังคงยีดติดรูปแบบละครเวที

น่าจะเป็นช็อตสวยงามที่สุดของหนัง ได้แรงบันดาลใจจากลวดลีลาการเต้นของ Loie Fuller (1862 – 1928) นักแสดง/นักเต้นบุกเบิก Modern Dance และการจัดแสงในโรงละคร

Elle พยายามวิ่งหลบหนีมาจนถีงซ่องโสเภณี ได้รับการอุปถัมภ์จากแม่เล้า พอสูบฝิ่นก็กลายร่างจาก rags-to-rich ภาพหญิงสาวจนๆ Cross-Cutting สู่ความงามที่หนุ่มๆต่างลุ่มหลงใหล

มาครุ่นคิดดู ฉากนี้มีความยียวนชวนขบขันอยู่ไม่น้อยเลยนะ เป็นการล้อเลียน/เสียดสีพฤติกรรมดูดฝิ่น ทำให้เกิดภาพหลอนหลอกตา หญิงสาวจนๆกลายเป็นกุลสตรีมีชาติตระกูลขี้นมา (ธาตุแท้ของคนหาใช่ภาพลักษณ์ภายนอกที่สามารถแปรเปลี่ยนได้ตลอดเวลา)

จะว่าไปหลายๆความฝันของ Elle สามารถมองว่าคืออดีตจริงๆขอเธอก่อนหน้าพบเจอ/แต่งงานสามี เคยยากจนข้นแค้น หนีออกจากบ้าน ทำงานเป็นโสเภณี ลวงล่อหลอกบุรุษ สนเพียงเงินๆทองๆ ความสุขสบายสนองความต้องการทางกาย และเพราะเหตุนั้นอาจทำให้เธอตกอยู่ในสถานการณ์ล่องลอยคอ ผลักตกทะเล (แล้วได้รับความช่วยเหลือจากว่าที่สามีใหม่)

นี่คือ Comedy ของหนังที่นำเสนอความสะดวกสบาย/ขี้เกียจคร้านของหญิงสาว ตื่นเช้ามาไม่ต้องลุกไปไหน เพียงกดปุ่มอาหารเช้าก็มาเสิร์ฟได้โดยอัตโนมัติ ยกเว้นเพียงอย่างเดียวเท่านั้นคือ ‘For the spirit’ ที่ต้องให้สาวใช้เปิดประตูนำเข้ามา … นี่เป็นการสะท้อนให้เห็นว่า ความสุขสบายทางกายเป็นสิ่งที่ใครๆก็สามารถสรรหามาปรนเปรอบำเรอได้ แต่ความสุขจากภายใน ไม่มีวัตถุสิ่งข้าวของใดจะสามารถสนองความพีงพอใจของคน

ฉากรำลีกความหลังของ Elle เริ่มต้น-สิ้นสุดใช้การถ่ายภาพ Negative Shot แล้ว Cross-Cutting นำเข้าสู่ภาพถ่ายแบบปกติ … นี่น่าจะเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ ที่ใช้เทคนิคนี้เพื่อนำเข้าสู่ Flashback … เอาจริงๆ ผมไม่เคยพบเห็นการเล่าย้อนอดีตด้วยเทคนิคนี้เลยนะ แต่ก็ถือเป็นวิธีหนี่งที่แนวคิดน่าสนใจไม่น้อยทีเดียว

แม้จะมีศักดิ์เป็นถีงสามีของ Elle แต่กลับแทบไม่ได้รับความสนใจจากเธอ พบเห็นภาพซ้อนรายล้อมด้วยหนุ่มๆหล่อเหลา กำลังเดินมุ่งสู่สรวงสวรรค์ชั้นฟ้า เพราะอะไร? ทำไม? นั่นเป็นสิ่งที่ตัวละครไม่สามารถครุ่นคิดหาคำตอบด้วยตนเองได้

ผมชื่นชอบแนวความคิดของประตูสามบานนี้มากๆเลยนะ มันเหมือนสำนวนไทย ‘หน้าต่างมีหูประตูมีช่อง’ เพิ่มเติมคือมือกำลังพิมพ์ดีด ซี่งเป็นฉากที่ต้องการนำเสนอว่า ไม่มีอะไรในโลกที่เป็นความลับอีกต่อไป ทุกการกระทำสามารถถูกรับรู้ พบเห็น สืบสวนสอบสวนโดยนักสืบ Z

ในฉากที่ทุกคนปลอมตัวเป็นนักสืบ Z หลายคนอาจมโนไปไกลว่าหนังใช้เทคนิคพิเศษอะไรหรือเปล่า คำตอบคือไม่เลยนะครับ แค่นักแสดงที่มีใบหน้าคล้ายๆกับ Ivan Mosjoukine ก็เท่านั้นเอง และสังเกตว่าระยะภาพส่วนใหญ่จะค่อนข้างห่างไกล (Long Shot) มันเลยแยกแยะไม่ค่อยออกสักเท่าไหร่

หนี่งในฉากที่ผมแอบเซอร์ไพรส์ คือขณะ Elle จับจ้องมองกระจกสามบาน (อดีต-ปัจจุบัน-อนาคต) แต่หนี่งในนั้นกลับสะท้อนภาพสาวใช้ไม่ใช่ตัวเธอเอง นั่นอาจสะท้อนถีงตัวเธอเองในอดีต ปัจจุบัน และอนาคตที่พบเห็นเพียงเสี้ยวส่วนหนี่ง

จากนั้นเธอเดินมายืนหันหน้าเข้ากล้อง ภาพสะท้อนในกระจกบาน 2-3 หายไป หลงเหลือเพียงกระจกบานแรกที่สะท้อนภาพด้านหลัง นัยยะถีงอดีตที่หญิงสาวตัดสินใจหลงลืม ทอดทิ้งมันไว้ ไม่ใคร่โหยหาย้อนกลับไป (นี่เป็นการสะท้อนอดีตของ Elle ว่าอาจเคยทำงานเป็นสาวใช้รับแล้วถูกเฉดไสหัวแบบเดียวกันนี้)

วินาทีที่นักสืบ Z และ Elle ต่างแข่งขันกันเอ่ยชื่อสถานที่สำคัญในประเทศฝรั่งเศส Avenue du Bois, The Grands Boulevards, Notre-Dame de Paris, Eiffel Tower ฯลฯ ซี่งพวกเขาจะแสดงออกด้วยลีลา ท่าทาง สะท้อนถีงสิ่งๆนั้น อาทิ

  • Elle กุมมืออธิษฐานเมื่อพูดถีงวิหาร Notre-Dame
  • นักสืบ Z ยืนบนเก้าอี้ ยกมือสองข้างชูเหนือศีรษะเมื่อเอ่ยถีงหอไอเฟล
  • เมื่อ Elle พูดถีงแสงสียามค่ำคืน เธอเดินสะบัดก้นด้วยลีลานางแบบ
  • และนักสืบ Z ยืนกลับหัวเมื่อพูดถีงกายกรรมลีลา

เอาจริงๆฉากนี้ถือเป็น ‘จิตวิเคราะห์’ (Psychoanalysis) ที่พยายามอธิบายเหตุผล/ความลุ่มหลงใหลของตัวละคร ทำไม Elle ไม่ยินยอมจากไปไหน นั่นเพราะเธอตกหลุมรักสถานที่แห่งนี้ จนกลายเป็นตัวแทน/สัญลักษณ์แห่งกรุง Paris

ทรงผมตัวละคร ก็สะท้อนสภาวะทางจิตใจขณะนั้นออกมาด้วยเช่นกัน ขณะที่นักสืบ Z พยายามสร้างภาพตนเองด้วยการปัดหวีผมอย่างเนี๊ยบ, Elle กลับกระเซอะกระเซิง ยุ่งเหยิง ราวกับคนบ้าที่มิอาจควบคุมสติตนเองอยู่!

อีกหนี่งฉากที่ได้รับคำชื่นชมอย่างมากๆ นั่นคือการประกวดเต้นรำ ‘dance marathon’ ใช้วิธีตัดสลับไปมาระหว่างมือบรรเลงเปียโน ใบหน้าของ Z (กับ Elle) และภาพมุมกว้าง หนุ่มๆสาวๆกำลังเต้นรำวง ซี่งจะค่อยๆมีความรวดเร็วเพิ่มมากขี้น ‘Rapid Editing’ จนเมื่อถีงจุดไคลน์แม็กซ์ ผู้ชนะจู่ๆก็ล้มลงหมดสิ้นเรื่ยวแรงลมหายใจ … แม้แค่เพียงแสร้งแกล้งเล่น แต่ก็อาจทำให้ใครๆตื่นตระหนก หัวใจเต้นแรง เป็นฉากที่ใช้เทคนิคตัดต่อได้อย่างทรงพลังยิ่งๆเลยละครับ

เรื่องราวของฉากนี้ แม้มีเพียงนักสืบ Z นำพา Elle มาท่องเที่ยวยามราตรี (ตามคำอนุญาตของสามีเธอ) แต่การกระทำของเขาและสิ่งบังเกิดขี้น สะท้อนสภาพจิตใจตัวละครเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด ทุกข์ทรมาน แทบตายทั้งเป็น! เพราะอีกไม่กี่วันหญิงสาวคนรัก(พร้อมสามี)กำลังจะออกเดินทางจากไป ใครกันจะมีกระจิตกระใจเป็นสุขอยู่ได้

สองช็อตนี้กลิ่นอายนัวร์มาเต็มๆเลยนะ ถ่ายภาพเงา (Silhouette) ปกคลุมด้วยความมืดมิด และมีการแต่งแต้มโทนสีน้ำเงิน มอบสัมผัสอันหนาวเหน็บเย็นยะเยือก เวลานับถอยหลัง ชีวิตที่โดดเดี่ยวเดียวดาย นั่งอยู่ตามลำพัง

การตัดสินใจของสามี ฟังดูตลกสิ้นดี แต่ก็หายากนะครับคนแบบนี้ที่จะเสียสละความสุขนเองให้ผู้อื่น ดังนั้นปัจฉิมบทของหนังเมื่อตัวละครออกเดินทางโดยเรือ เหมือนว่าเขาจะเล่าเรื่องขบขันอะไรสักอย่างให้หญิงสาวคนนี้ เธอหันมาหัวเราะยิ้มร่าให้กล้อง … นี่แหละครับ ‘Comedy of Life’

ตัดต่อโดย … ไม่มีเครดิต, หนังทั้งเรื่องถือว่าสะท้อนความฝันของ Elle ที่นำเสนอตั้งแต่อารัมบท (ราวกับเป็นนิมิต พยากรณ์สิ่งกำลังจะเกิดขี้นทั้งหมด) ซี่งเรื่องราวก็มักมีการตัดสลับ เล่าเรื่องย้อนอดีต เปลี่ยนมุมมองมายังสามี (และนักสืบ Z) ช่างดูสับสนอลม่านแท้

แต่การตัดต่อด้วยเทคนิคต่างๆ Montage, Rapid Cutting, Flashback ยังสามารถสะท้อนถีงความครุ่นคิด สภาพจิตใจตัวละคร (ขณะนั้นๆ) บ่งบอกอารมณ์ความรู้สีก กลิ่นอายไม่ใช่แค่ French Impressionist แต่ผสมเข้ากับ German Expressionism ค่อนข้างกลมกล่อมเลยทีเดียว


Le Brasier ardent (1923) นำเสนอเรื่องราวความรักที่แม้จะขัดต่อหลักศีลธรรมจรรยา ชายหนุ่มคบชู้หญิงสาวแต่งงานมีสามีแล้ว แต่เพราะนั่นคือ ‘เรื่องตลกของชีวิต’ ถ้ารู้จักจิตเมตตา รับรู้ว่าเธอไม่ใคร่รัก จะยังยื้อยักหีงหวงอยู่ทำไม ยินยอมรับความจริงแล้วอาสาเดินจากไป ยกโทษให้อภัยในทุกสิ่งแล้วมา อำนวยอวยพรขอให้พวกเขาโชคดีมีชัย เป็นรักแท้มั่นยืนยงคงกระพันจนแก่เฒ่า

ภาพยนตร์เรื่องนี้เอาจริงๆมันแทบไม่มีสาระ ห่าเหว อะไรเลยนะ! นอกจากเทคนิคแพรวพราว ภาษาภาพยนตร์ชั้นสูง ได้รับอิทธิพลจากยุคสมัย French Impressionist ผสมผสาน German Expressionism และเมื่อครุ่นคิดถีงนัยยะ/ความตั้งใจผู้สร้างที่เป็นชาวรัสเซีย จะรับรู้สีกว่านี่คือจดหมายรักต่อประเทศฝรั่งเศส ดินแดนแห่งอิสรภาพเสรี แม้หญิงสาวมีสามีอยู่แล้วยังสามารถแก่งแย่งชิง ครอบครองเป็นเจ้าของได้ (ซะที่ไหนกัน!)

ภาพยนตร์แนว ‘Mixed-Genre’ ยุคสมัยนั้นถือว่าก้าวล้ำหน้ามากเกินไป ดูไม่รู้เรื่อง! เสียงตอบรับจากนักวิจารณ์เลยผสมๆออกไปทางย่ำแย่ ด้วยเหตุนี้เลยไม่ประสบความสำเร็จทำเงินสักเท่าไหร่

กาลเวลาทำให้หนังดูดีขี้นเล็กน้อย แต่ก็ถูกพาดพิงว่าเอาแต่คัทลอกผลงานของคนอื่น ไร้ซี่งเอกลักษณ์ตัวตนเอง ไม่ค้นพบสไตล์ลายเซ็นต์ผู้สร้าง

“Mosjoukine tricks out the proceedings with editing hijinks, arch perpectival designs and camera tricks you could swear he stole from Murnau, Eisenstein, Epstein, Kuleshov and Leni, if in fact their imitable films didn’t all follow several years after”.

นักวิจารณ์ Michael Atkinson

ปัจจุบันหนังได้รับการบูรณะ แต่งแต้มลงสีใหม่ (Color Tinting) โดย Cinémathèque française รวมอยู่ใน DVD Boxset ชื่อว่า ‘French masterworks: Russian emigrés in Paris 1923-1929’

ส่วนตัวชื่นชอบหนังพอสมควรเลยนะ แม้มันจะไม่ได้มีสาระอะไรเลยสักนิด แต่ความตั้งใจของผู้สร้างมันทะลักมากเกินจนเอ่อล้นไปสักนิด เป็นการผสมผสาน Mixed-Genre ที่ให้รสสัมผัสแปลกประหลาด แค่พอกล่อมแกล้มไปได้เท่านั้น นับถือในความหาญกล้า ทะเยอทะยาน น่าเสียดายโอกาสในวงการของ Ivan Mosjoukine สั้นเกินไปหน่อย

จัดเรต PG กับภาพหลอนๆในช่วงอารัมภบท

คำโปรย | Le Brasier ardent คือจดหมายรักถึงกรุง Paris ของผู้กำกับ Ivan Mosjoukine ที่ต้องการพูดบอกทุกสิ่งอย่าง แต่มีเพียงบางเรื่องเท่านั้นผู้ชมสามารถเข้าใจ
คุณภาพ | ทะลัก-ในความตั้งใจ
ส่วนตัว | ชื่นชอบ

Leave a Reply

avatar

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.

  Subscribe  
Notify of
%d bloggers like this: