Meshes of the Afternoon

Meshes of the Afternoon (1943) hollywood : Maya Deren, Alexander Hammid ♥♥♥♥

โคตรหนังแนวทดลอง (Experimental Film) นำเสนอสภาพจิตใจของหญิงสาว ก็ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นถึงเต็มไปด้วยความคลุ้มคลั่งเสียสติแตก กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้กำกับ David Lynch สรรค์สร้าง Lost Highway และ Mulholland Drive

คือผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเกิดบ้าบอคอแตกอะไรขึ้นกับตัวละคร! แต่จุดเริ่มต้นที่มาที่ไปหาใช่เนื้อหาสาระสำคัญของหนังไม่ เพราะความตั้งใจของสองผู้สร้างสามี-ภรรยา Maya Deren และ Alexander Hammid จุดประสงค์เพื่อเคารพคารวะ Luis Buñuel และ Salvador Dalí จากสองผลงานเรื่อง Un Chien Andalou (1929) และ L’Age d’Or (1930) จึงเต็มไปด้วย’ภาพ’การทดลองอันแปลกประหลาด พิลึกพิลั่น ตื่นตระการตา แฝงนัยยะความหมายซ่อนเร้นอย่างลุ่มลึกล้ำ

Meshes of the Afternoon ที่ถูกสมควรเรียกว่าภาพยนตร์แนว Surrealist แต่เพราะในสหรัฐอเมริกายังไม่เคยมีผู้บุกเบิกแนวนี้อย่างจริงจังเสียที (คือก็มีแต่หนังสไตล์ Hollywood นะครับ!) ด้วยเหตุนี้จึงสามารถเหมาเรียกได้ว่าการทดลอง Experimental Film และ/หรือ Avant-Garde ซึ่งพอออกฉายก็ได้รับเสียงฮือฮา … ว่าดูไม่รู้เรื่อง!

หนังถือว่าดูยากมากๆสำหรับผู้ชมทั่วไป แต่ถ้าใครเคยพานผ่านสามารถเข้าใจผลงานของ David Lynch เชื่อว่าก็น่าจะเอาตัวรอดได้เลยนะ! คำแนะนำคือ ไม่จำเป็นต้องครุ่นคิดวิเคราะห์ทุกสิ่งอย่าง เมื่อถึงจุดๆหนึ่งอาจให้ภาพ/เรื่องราว ซึมซับเข้าไปในจิตวิญญาณของเราเอง ก็สามารถบรรลุถึงแก่นสาระภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ยากเท่าไหร่


Maya Deren ชื่อจริง Eleonora Derenkowska (1917 – 1961) ผู้กำกับสร้างภาพยนตร์สัญชาติอเมริกัน เกิดที่ Kiev, Russian Republic (ปัจจุบันคือประเทศยูเครน) ครอบครัวมีเชื้อสาย Jews อพยพย้ายสู่ New York City เมื่อปี 1922, พ่อเป็นนักจิตวิทยา ทำงานยัง State Institute for the Feeble-Minded, Syracuse ตัวเธอโตขึ้นเข้าเรียนสาขานักข่าว Syracuse University ต่อด้วยคณะอักษรศาสตร์ New York University และปริญญาโทวรรณกรรมภาษาอังกฤษ ณ Smith College, ทำงานฟรีแลนซ์เขียนบทความ/บทกวี ลงหนังสือพิมพ์ ช่างภาพถ่ายรูป เข้าร่วมกลุ่มนักเต้น กลายเป็นนักแสดงละครเพลง กระทั่งมาถึง Hollywood พบเจอกับ Alexandr Hackenschmied ตกหลุมรักแต่งงาน

Alexandr Hackenschmied ชื่อเกิด Alexander Siegried George Smahel (1907 – 2004) ผู้กำกับภาพยนตร์ สัญชาติ Czech เกิดที่ Linz, Austria-Hungary โตขึ้นเริ่มต้นทำงานเป็นช่างภาพ กำกับหนังเรื่องแรก Bezúčelná procházka (1930) ชื่นชอบการทดลองและถ่ายทำสารคดี จนกระทั่งการรุกรานของ Nazi, Germany เมื่อปี 1938 ตัดสินใจอพยพย้ายสู่สหรัฐอเมริกา พบเจอตกหลุมรักแต่งงานกับ Maya Deren

ปี 1943, เมื่อพ่อของ Deren เสียชีวิต เธอนำเงินประกันที่ได้ไปซื้อกล้อง 16mm Bolex เพื่อนำมาทดลองสรรค์สร้างภาพยนตร์เรื่องแรก Meshes of the Afternoon เล่นเอง ถ่ายเอง ตัดต่อเอง ที่บ้านพวกเขาเอง ด้วยงบประมาณเพียง $250 เหรียญ

หญิงสาวพบเห็นใครบางคนระหว่างกำลังกลับบ้าน เก็บดอกกุหลาบแล้วเดินเข้าห้อง พบเห็นข้าวของกระจัดกระจาย ขึ้นบันไดไปชั่นสองทิ้งตัวลงหลับนอนบนเก้าอี้โซฟา จากนั้นความฝันซ้ำๆ Déjà-Vu ก็บังเกิดขึ้น


โครงสร้างของหนังสามารถแบ่งออกเป็น 4 ส่วน
1) อารัมบท, จงใจไม่ให้เห็นใบหน้านักแสดงตรงๆ ถ่ายภาพเงา ก้าวเท้าเคลื่อนไหว มือหยิบกุญแจไขประตู มุมมองสายตาต่อสิ่งที่พบเห็น และจบสิ้นระยะ Extreme Close-Up ดวงตากำลังค่อยๆปิดลง (เพื่อบ่งบอกว่า ต่อจากนี้เป็นเรื่องของความเพ้อฝัน)

สิ่งของซ้ำๆที่พบเห็น พอจะสามารถให้ความหมายเชิงสัญลักษณ์ได้ดังนี้
– ดอกไม้ สิ่งสวยงามที่ถูกวางทิ้งขว้างไว้บนถนน ไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่
– กุญแจ เปิดประตู เพื่อเข้าสู่ห้องหับภายในจิตใจ/จิตวิญญาณของหญิงสาว
– มีดบนเศษขนมปัง ประมาณว่าแฟนหนุ่มทอดทิ้งอีกครึ่งหนึ่งไว้ให้เธอ
– โทรศัพท์ไม่วางหู คือการไม่รับสายเข้า ไม่ยินยอมรับรู้รับฟังอีกฝั่งฝ่าย
– เครื่องเล่นเพลงเปิดทิ้งไว้ไม่ปิด เอาแต่พูดพร่ำไม่สนใจอะไร
ฯลฯ

คร่าวๆเท่านั้นก็พอครุ่นคิดเข้าใจเหตุผลที่หญิงสาว เพ้อฝันถึงความคลุ้มคลั่งเสียสติแตก เพราะแฟนหนุ่มช่างเต็มไปด้วยความเห็นแก่ตัวเอาแต่ใจ ไม่เคยรับฟังคำคิดเห็นของเธอ เอาแต่พูดพร่ำเรื่องของตนเอง แถมยังทอดทิ้งขว้างไม่เคยเอาอกเอาใจ

2) เรื่องราวของความฝัน, ทุกสิ่งอย่างที่พบเห็นตอนอารัมบท จะหวนกลับมาปรากฎซ้ำๆซ้อนทับกัน หญิงสาวคนที่ 1-2-3-4-5 บุคคลแปลกหน้าสวมผ้าคลุมสีดำ (ดูเหมือนยมทูต) หยิบกุญแจใส่กระเป๋าแล้วปรากฎขึ้นมาใหม่ ไปๆมาๆสลับสับเปลี่ยนกลายเป็นมีด อยู่ดีๆสามารถเดินเกาะบนผนังเพดานห้อง ฯ จนเมื่อถึงจุดๆหนึ่งหญิงสาวสวมแว่นตา ทิ่มแทงมีดไปที่ตัวจริงปลุกให้ตื่นขึ้นมา

ความฝันของหญิงสาวสะท้อนสภาวะทางจิตใจของเธอ อันเป็นผลสืบเนื่องจากความเก็บกดที่สะสมอัดแน่นอยู่ภายใน
– การฉายภาพวนไปวนมา และพบเห็นหญิงสาวปรากฎขึ้นหลายคน สะท้อนได้ถึงชีวิตในแต่ละวัน ทุกสิ่งอยางเกิดขึ้นซ้ำๆ ว่ายเวียนวนไม่รู้จักจบสิ้น
– มุมกล้องแปลกๆ หญิงสาวหนึ่งดูเหมือนเดินเกาะผนัง ปีนป่ายตะเกียกตะกายขึ้นบนเพดานบ้าน, เมื่อสิ่งต่างๆเกิดขึ้นซ้ำๆทุกวี่ทุกวันย่อมสร้างความน่าเบื่อหน่าย เมื่อถึงจุดๆหนึ่งจึงอยากทดลองทำอะไรใหม่ๆ มองโลกในมุมแตกต่าง นั่นคือการเริ่มต้นครุ่นคิดนอกกรอบ กลับหัวกลับหาง ทำไมฉันยังต้องอดรนทนฝืนแฟนหนุ่มที่ไม่เคยสนหัวฉันเลยสักนิด!
– บุคคลแปลกหน้าสวมผ้าคลุมสีดำ แลดูคล้ายยมทูตที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความตาย ซึ่งกระจกแทนใบหน้าอาจต้องการสื่อว่า ความเป็น-ตายล้วนขึ้นอยู่กับตัวเธอจะเป็นผู้ครุ่นคิดตัดสินใจ
– สาวๆเลือกตัวแทนด้วยการหยิบกุญแจวางอยู่กลางโต๊ะ ของใครที่สามารถแปรสภาพเป็นมีดจักคือผู้ปลุกตัวจริงให้ตื่น ซึ่งคนที่จับได้ฝ่ามือสีดำ (กลับตารปัตรขาวดำ) จากนั้นออกเดินเหยียบย่ำทุกสิ่งสรรพอย่าง
– สาวสวมแว่นตาหนาเตอะ สะท้อนถึงผู้มีวิสัยทัศน์ผิดแผกแปลกจากคนอื่นๆ จ้วงทิ้มแทงตัวจริงที่กำลังหลับปลุกให้ตื่น เพื่อพบเห็น/มองโลกในมุมแตกต่างออกไป

3) การตื่นขึ้นของหญิงสาว ทำให้เธอตกอยู่ระหว่างโลกความจริง+เพ้อฝัน, เริ่มต้นเหมือนว่าคือแฟนหนุ่มปลุกเธอลืมตาตื่นขึ้น แต่ดอกไม้ข้างเตียงอยู่ดีๆกลับกลายเป็นมีด หยิบขึ้นมาทิ่มแทงชายคนรัก จากนั้นตัดไปภาพท้องทะเล และบานกระจกแตกร้าว

เมื่อบางสิ่งอย่างภายในจิตวิญญาณได้ปรับเปลี่ยนแปลงไป ทำให้มุมมองของหญิงสาวผิดแผกแตกต่างจากเดิม ซึ่งการพบเห็นภาพของแฟนหนุ่ม แท้จริงแล้วก็คือตัวตนเองนะแหละ (มองว่าเป็นภาพหลอนก็ยังได้!) ซึ่งการหยิบดอกไม้กลายเป็นมีดขึ้นมาทิ่มแทง ก็คือกระทำลายตนเอง อัตวินิบาต!

ดอกไม้สิ่งสวยงาม กลายมาเป็นมีดสิ่งอันตรายเลวร้าย ถือว่าเป็นการกลับตารปัตรมุมมอง ดี-ชั่ว ถูก-ผิด ความจริง-เพ้อฝัน เป็น-ตาย ชาย-หญิง รักมาก-โกรธเกลียด ฯลฯ

ภาพท้องทะเลและบานกระจกที่แตกร้าว สื่อได้ถึงความตาย/การสูญเสียชีวิต จิตวิญญาณกำลังออกเดินทางสู่โลกใหม่ ดินแดนที่อยู่สุดหล้าฟ้าไกลโพ้น

4) ปัจฉิมบท, แฟนหนุ่มเดินทางกลับบ้าน พบเห็นข้าวของเรียงรายกระจัดกระจาย และที่สุดเมื่อมาถึงชั้นบนจึงพบเห็นหญิงสาวสุดที่รักร่ำลาจากโลกนี้ไปชั่วนิรันดร์


Meshes of the Afternoon นำเสนอ ‘ภาพ’ ที่สะท้อนสภาวะทางจิตใจของหญิงสาว เมื่อมีบางสิ่งอย่างเป็นสิ่งกระตุ้นเร้าทำให้เกิดความครุ่นคิดเห็นผิดแผกแตกต่าง ซึ่งส่งผลกระทบต่อมุมมองทั้งภายนอกและภายในจิตใจ ให้เกิดการปรับเปลี่ยนแปลงแสดงออกไม่เหมือนเหมือนเดิม

“This film is concerned with the interior experiences of an individual. It does not record an event which could be witnessed by other persons. Rather, it reproduces the way in which the subconscious of an individual will develop, interpret, and elaborate an apparently simple and casual incident into a critical emotional experience”.

–  Maya Deren

มีนักวิจารณ์แสดงความเห็นว่า หนังมีลักษณะของ Film Noir อยู่ไม่น้อย, เพราะการนำเสนอที่สะท้อนด้านมืดภายในจิตใจตัวละคร ถ่ายทอดออกมาผ่านการมุมกล้องประหลาดๆ การใช้แสง-เงา และตัวละครปรากฎอยู่ทุกฉาก (ถือว่าครบสูตรหนังนัวร์)

ขณะเดียวกันปีที่สร้างเสร็จออกฉาย คาบเกี่ยวช่วงระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งเราสามารถเชื่อมโยงหายนะดังกล่าวเข้ากับสภาวะทางจิตใจของตัวละคร อันเต็มไปด้วยความสับสน ว้าวุ่นวาย ถ้าไม่สามารถอดรนทนฝืนกลั้น สุดท้ายก็มีหนทางออกเพียงอย่างเดียวเท่านั้นเอง

รับชมในปัจจุบัน หลากหลายความคิดเห็นเปรียบเทียบหนังว่ามีลักษณะคล้ายคนเสพยา จนเกิดอาการประสาทหลอน [คล้ายๆ Requiem for a Dream (2000)] คือมันก็ตีความไปลักษณะนั้นได้เช่นกันนะครับ เพราะความมึนเมาที่เกิดขึ้นภายในจิตใจ ไม่ว่าจะด้วยอะไรสามารถสื่อออกมาได้เหมือนกันหมด

ท้ายที่สุดสำหรับ Maya Deren และ Alexander Hammid มันไม่ใช่ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้คือจุดเริ่มต้นความขัดแย้งเลิกร้างรา แม้ว่าทั้งสองจะเลิกกันอยู่ดีแต่ก็ยังอีกหลายปีต่อจากนี้ มันคือความคิดสร้างสรรค์ของ Deren นำเสนอผ่านมุมมอง Hammid เสียมากกว่า


ดั้งเดิมนั้น Meshes of the Afternoon ถูกสร้างให้เป็นหนังเงียบ แต่หลังจาก Maya Deren แต่งงานใหม่กับนักดนตรี Teiji Ito เลยขอให้เขาเขียนเพลงประกอบให้ ในลักษณะของ Classical Japanese ใครสามารถหารับชม/ฟังได้ น่าจะใกล้เคียงความตั้งใจของผู้สร้างมากสุดแล้ว

ส่วนตัวค่อนข้างชื่นชอบหนังเรื่องนี้ เต็มไปด้วยความท้าทายชักชวนให้ครุ่นคิดติดตาม ตื่นตระการตาหลากเทคนิคน่าหลงใหล แม้ดูจบจะไม่ได้รับสาระอะไร แต่ถือเป็น High-Art ทรงคุณค่ายิ่งใหญ่เทางศิลปะภาพยนตร์

แนะนำเฉพาะผู้สนใจหนังแนวทดลอง Surrealist, Avant-Gard ภาพสะท้อนจิตวิทยาตัวละคร, นักเรียนภาพยนตร์ กำลังฝึกหัดการครุ่นคิดวิเคราะห์ และเปิดโลกทัศน์ภาษาภาพยนตร์แบบพิศดารแปลกตา

จัดเรต 18+ กับภาพความคลุ้มคลั่งเสียสติแตกของหญิงสาว

คำโปรย | Meshes of the Afternoon คือความโกลาหลที่เหนือความคาดหมาย
คุณภาพ | นื
ส่วนตัว | ชื่นชอบ

Leave a Reply

avatar

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.

  Subscribe  
Notify of
%d bloggers like this: