Notorious

Notorious (1946) hollywood : Alfred Hitchcock ♥♥♥♥

ในยุคที่ Hays Code ออกกฎว่าจะแบนหนังที่มีฉากจูบเกิน 3 วินาที Notorious ได้สร้างฉากจูบที่คลาสสิคที่สุดในโลก ระหว่าง Cary Grant กับ Ingrid Bergman ด้วยความยาวครั้งละไม่เกิน 3 วินาทีต่อเนื่องยาวเกือบ 3 นาที ถ้าไม่ใช่ Alfred Hitchcock คงคิดอะไรแบบนี้ไม่ได้แน่ๆ

Hays Code หรือ Production Code เป็นข้อตกลง สัญญาที่ทำร่วมกันระหว่างผู้สร้างกับผู้จัดจำหน่ายหนัง ในยุคที่ Hollywood ยังไม่มีระบบ Rating จึงต้องสร้างข้อจำกัดเพื่อเป็นบรรทัดฐานความรับผิดชอบต่อสังคม กระนั้นในยุคของ Hays Code ก็มีข้อจำกัดที่ไร้สาระอย่าง แบนหนังที่มีฉากจูบยาวนานเกิน 3 วินาที หนึ่งในวิธีที่เถไถ ซิกแซก จูบกันไม่เกิน 3 วินาทีก็ได้ แต่อีก 10 วินาทีต่อไปก็จะจูบกันอีก นับไป 3 วินาที แล้วแยกออกจากกัน มองตา พูดคุย ยิ้มหวาน แล้วจูบกันใหม่อีก 3 วิ … รวมเวลาแล้ว 2 นาทีครึ่ง ที่พระนางจูบ-หยุด-จูบ-หยุดอยู่อย่างนั้น … คิดไปก็ตลก มองเสียว่ามันหนึ่งในช่วงเวลาวิวัฒนาการของวงการภาพยนตร์นะครับ Hays Code ถูกยกเลิกเมื่อปี 1968 เปลี่ยนไปเป็นระบบจัด Rating แทน

ผมเคยดู Notorious เมื่อนานมาแล้ว จดจำรายละเอียดของหนังไม่ได้มากนัก แต่จำ 2 นักแสดงหลักได้ Cary Grant กับ Ingrid Bergman นี่เป็นหนังที่ทำให้ผมหลงรัก Ingrid Bergman มากๆ ส่วน Cary Grant มันอดไม่ได้ที่ต้องเปรียบเทียบกับ Humphrey Bogart ใน Casablanca เพราะมี Ingrid Bergman เป็นนางเอกเหมือนกัน ซึ่งโดยส่วนตัวผมชอบ passion ระหว่าง Bergman กับ Bogart มากกว่า ซึ่ง AFI: 100 Years…100 Passions ก็เห็นด้วยกับผม จัดให้ Bergman กับ Bogart ติดอันดับ 1 ส่วน Bergman กับ Grant ติดอันดับ 86 กระนั้นในนิตยสาร TIME ชาร์ท Great Performances กลับยกให้ Cary Grant เสียอย่างนั้น

David O. Selznick โปรดิวเซอร์ชื่อดังแห่งยุค เขาเป็นเจ้าของโปรเจคนี้ ขนาดในเครดิตชื่อหนังยังต้องขึ้นชื่อเขาเลย ทั้งๆที่ Selznick ขายโปรเจคนี้ให้กับ RKO ไปแล้ว แต่ต้องถือว่าเขาเป็นตัวตั้งตัวตีเริ่มต้นโปรเจคนี้, ในความตั้งใจแรกของ Selznick หนังเรื่องแรกหลังจากจบสงครามโลกครั้งที่สอง ควรเป็นเป็นหนังเกี่ยวกับนาซีและ atomic bomb คงจะฮิตมากๆ Ingrid Bergman นั้นเป็นตัวเลือกแรกที่จะให้เป็นนางเอก (เพราะเธอมีสัญญากับ Selznick อยู่ แม้ Selznick อยากได้ Vivien Leigh ก็เถอะ) เป็น Hitchcock เองก็ต้องการทำหนังกับเธออีก (เคยร่วมงานกันมาแล้วใน Spellbound-1945) ไอเดียของหนังได้มาจากเรื่องสั้นใน Saturday Evening Post ชื่อ The Song of the Dragon เขียนโดย John Taintor Foote เรื่องราวของสายลับที่ตกหลุมรักกับหัวหน้า แต่ต้องเสียตัวและแต่งงานกับคนที่ตัวเองไปสืบเพื่อล้วงข้อมูลลับออกมา ดัดแปลงเป็นบทภาพยนตร์โดย Ben Hecht

นักแสดงนำชาย Hitchcock ตั้งใจให้ Cary Grant นำแสดงตั้งแต่แรกแล้ว แต่ Selznick เหมือนจะไม่ค่อยปลื้ม Grant เท่าไหร่ อ้างว่า เขาเป็นคน ego สูงและชอบเรียกค่าตัวแพงๆ “would come with ego and salary demands,” Selznick จึงพยายามล็อบบี้ให้ Joseph Cotten ได้รับบท แต่ตอนนั้น Selznick ขายโปรเจคนี้ไปแล้ว จึงหมดสิทธิ์เลือก บทเลยมาตกที่ Grant โดยปริยาย

สำหรับบท Alexander Sebastian นำแสดงโดย Claude Rains เห็นว่า Selznick เกลี้ยกล่อมให้ Hitchcock เลือก Rains โดยบอกว่า Rains เป็นนักแสดงที่จะสร้างความโดดเด่นให้ Notorious อย่างมาก ที่ Hitchcock ยอมตกลง เพราะยอมรับในแนวคิดของ Selznick ซึ่งการได้ Rains มาสมทบต้องถือว่าเป็นนักแสดงที่มีความโดดเด่นมากๆ ผมนึกถึง Casablanca (อีกแล้ว) เพราะ Rains ก็ถือว่าไม่ธรรมดา สามารถประกบกับ Bogart ได้อย่างยอดเยี่ยม สำหรับ Notorious บทของเขาเป็นศัตรูหัวใจของ Grant การแสดงของเขาสร้างมิติในระดับที่ คนดูอาจจะเห็นใจตัวละครนี้มากกว่าพระเอกอีก

รักสามเศร้า ถือว่าเป็นประเด็นหลักของหนังก็ได้ ประเด็นอื่นๆถือเป็น sub-plot ที่ไม่มีความสำคัญอะไรเลย ด้วยความที่ Hitchcock ไม่ต้องการให้ผู้ชมให้ความสนใจกับประเด็นอื่นๆมากเกินไป เขาจึงค้น ประดิษฐ์คำว่า MacGuffin** ขึ้นมาในหนังเรื่องนี้มีถึง 3 อย่าง
1.Uranium สมัยนั้นคนส่วนใหญ่ไม่รู้กันว่า uranium เป็นสสารที่ใช้สร้าง atomic bomb จึงเข้าใจแค่ว่ามันเป็นอะไรอย่างหนึ่งที่สำคัญมากๆในหนัง (เห็นว่าตอนแรกถ้าไม่มีการทิ้งบอมลงญี่ปุ่น MacGuffin เดิมจะเป็น เพชร-diamond)

อีก 2 อย่างที่เหลือ หลายคนอาจไม่มองว่ามันเป็น MacGuffin นะครับ แต่ในความหมายของ MacGuffin จริงๆนั้น เราสามารถมองสิ่งของที่มีความสำคัญต่อพล็อตเรื่อง ว่าเป็น MacGuffin ได้ทั้งนั้น
2.กุญแจ ที่ใช้ไขเข้าห้องเก็บไวน์ใต้ดิน
3.สสารที่ใช้ดื่ม หรือ poison substance (เหล้า ตอนต้นเรื่อง, กาแฟ ในช่วงท้าย)

**MacGuffin คือ องค์ประกอบสำหรับพล็อตหนังในการดึงดูดให้ผู้ชมติดตามเนื้อเรื่อง ว่าด้วยบางสิ่งที่ตัวละครหลักของเรื่องต่างทุ่มเท ทอดกายถวายตัวเพื่อครอบครองมัน ลักษณะสำคัญของมันจึงไม่ชัดเจน บ้างต้องตีความ หรืออาจมองได้ว่าไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไรเลยเช่นกัน

ref: http://www.flickpeople.com/?p=366

หนังเรื่องนี้แทบทั้งเรื่องถ่ายกันใน RKO studio (ใน New York) นะครับ ไม่ได้ไป Rio de Janeiro ใน Brazil หรือ Miami ภาพที่เราเห็นเป็นการจัดฉากในสตูดิโอ แล้วใช้ rear projection ฉายภาพขึ้นสกรีนด้านหลัง เทคนิคที่ใช้ครั้งแรกในหนังเรื่อง King Kong (1933) ซึ่งมี Selznick เป็นโปรดิวเซอร์

ถ่ายภาพโดย Ted Tetzlaff ผมดูแล้ว Tetzlaff อาจไม่ใช่ตากล้องที่มีชื่อเสียงนัก แต่ใน Notorious มีหลายฉากที่ถ่ายภาพด้วยมุมมองแปลกใหม่ อาจเพราะ Hitchcock มักจะวาด Storyboard ด้วยตนเอง ทำให้เขามีมุมมองภาพที่ต้องการชัดเจน ตากล้องสามารถศึกษา Storyboard แล้วทำให้ได้ตามที่ผู้กำกับต้องการก็พอ ตอนต้นเรื่อง ในงานปาร์ตี้แนะนำตัวละครของ Cary Grant ใช้การถ่ายภาพจากด้านหลังตัวละคร แสดงถึงมุมมองของตัวละครที่สังเกตเห็นการกระทำ พฤติกรรมของตัวละครของ Bergman แบบชัดๆ เต็มๆ, หลังปาร์ตี้ Bergman ตื่นมา นอนกลิ้งอยู่บนเตียง กล้องใช้มุมมองจากสายตาเธอ กลิ้งตามตัวละคร เราจะเห็นภาพของตัวละครของ Grant หมุนตาม 180 องศา, ฉากไฮไลท์เลยคือตอนงานเลี้ยงปาร์ตี้หลังจากตัวละคร Bergman ขโมยกุญแจของ Rains สำเร็จ ภาพเริ่มจากชั้น 2 ในบ้าน จากนั้นกล้องค่อยๆเคลื่อนลงมาที่ชั้น 1 จบที่กุญแจในมือ Bergman นี่ถือเป็น long-shot ที่เป็นแรงบันดาลใจให้หนังเรื่อง Touch of Evil (1958) ของ Orson Welles เลยก็ว่าได้

ในหนังเราจะเห็นว่า Rains ไม่ได้เตี้ยกว่า Bergman นัก แต่ความจริง Rains เตี้ยกว่า Bergman ประมาณ 3-4 นิ้ว สังคมอเมริกาถือว่าเป็นเรื่องแปลกประหลอด ถ้าสามีจะเตี้ยกว่าภรรยามากๆ (จริงๆคือ Bergman สูงมากๆ) ในฉากที่ทั้งสองต้องเดินเคียงคู่กัน Hitchcock ให้ Rains สวม elevator shoes (เสริมส้น) เพื่อจะได้ดูสูงขึ้นในระดับที่รับได้ สร้างความทรมานให้ Rains ไม่น้อย

ตัดต่อโดย Theron Warth ช่วงเวลาในหนังจะรู้สึกกระโดดไปมา ผ่านไปไม่รู้นานเท่าไหร่ นั่นเพราะ Hitchcock ไม่ต้องการให้ผู้ชมให้ความสนใจกับเวลามากเกินไป แบบเดียวกับ MacGuffin ที่อะไรไม่สำคัญก็จะถูกลดความสำคัญลงไป เหลือแค่เนื้อแท้ของหนังคือรักสามเศร้าเท่านั้น

เพลงประกอบโดย Roy Webb ถือว่ามีรสสัมผัสที่แตกต่างจากหนังของ Hitchcock เรื่องอื่นๆ Webb ไม่ใช่ตัวเลือกแรกในการทำเพลงประกอบหนังเรื่องนี้ Max Steiner, Bernard Herrmann ต่างไม่มีเวลาว่างพอจะทำเพลงประกอบให้ ซึ่งพอ Selznick ขายโปรเจคให้ RKO ทำให้ Webb ที่เป็นคนทำเพลงให้กับ RKO เข้ามาร่วมงานในโปรเจคนี้โดยปริยาย ด้วยความที่ Webb ไม่ใช่คนที่เก่งมากนัก แต่ก็ไม่เย่อหยิ่งถือตัวทำให้สามารถสื่อสารกับ Hitchcock ได้อย่างเข้าใจ ผลลัพท์ออกมาค่อนข้างน่าทึ่ง เพลงประกอบมีความไพเราะลงตัว เสียอย่างเดียวคือไม่มีอะไรให้น่าจดทำเท่าไหร่

อย่างตอนที่คู่พระนางนั่งเครื่องบินไปลง Brazil เพลงประกอบมีการใส่เสียงเครื่องดนตรีพื้นเมืองของ Brazil เข้าไปก็จริง แต่ไม่สามารถจับอารมณ์ของสถานที่ได้เลย ไม่รู้สึกสักนิดว่าที่นั่น Brazil (นอกจากภาพถ่าย) ถ้าไม่บอกว่าเหตุการณ์เกิดใน Rio ใครๆคงคิดว่าอยู่ในอเมริกาเป็นแน่

ผมสังเกตมาหลายเรื่อง ผู้ชายในหนังของ Hitchcock มักมีความอ่อนไหวต่อบางสิ่งบางอย่าง ใน Notorious เราจะรู้สึกว่าคนที่สมควรได้รับเครดิตเป็นนักแสดงนำของหนังคือ Ingmar Bergman ไม่ใช่ Cary Grant เพราะเธอแบกหนังไว้ทั้งเรื่อง และเป็นตัวกลางเชื่อมระหว่างชายสองคนจนกลายเป็นรักสามเศร้า, ชายคนแรก ตัวละครของ Grant เขาเป็นคนที่กล้าๆกลัวๆ ขลาดเขลา ไม่มีความเชื่อมั่นในตัวเอง ไม่แน่วแน่ ไม่กล้าตัดสินใจ ผมคิดว่าตัวละครนี้มีภูมิหลังบางอย่างที่หนังไม่ได้เล่าออก เช่นปมถูกแฟนเก่าทิ้ง ฯ ที่ทำให้เขาไม่สามารถทุ่มเทใจทั้งหมดเพื่อนางเอกได้ เขาจึงลังเลไม่กล้าตัดสินใจ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ตอนจบเขาก็กล้าตัดสินใจ, สำหรับตัวละครของ Rains นี่ก็ปากกล้า ใจเด็ด ขี้อิจฉา แต่เอาจริงๆกลับขี้ขลาดตาขาว สุดท้ายก็ต้องพึ่งแม่ ปมเรื่องแม่นี่ผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ เพราะมันดูเหมือนว่า หมอนี่มันโตไม่จริงนี่หว่า พอทำอะไรไม่ได้ก็ต้องหันไปพึ่งพ่อแม่ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาอะไรได้ด้วยตัวเองได้ นี่อาจต้องโทษการเลี้ยงดูของแม่ ที่หึงหวงลูกมากๆ ไม่ให้มดไต่ผึ้งตอม ทำให้โตขึ้นมาลูกไม่สามารถพึ่งพาตัวเองได้ แม้จะมีขณะที่ตัวละคร Rains พยายามที่จะต่อสู้เอา ตัดสินใจไม่อยู่ภายใต้อิทธิพลของแม่ (ตอนขอตัวละครของ Bergman แต่งงาน) แต่สุดท้ายเมื่อเจอปัญหาที่ถึงขั้นเป็น-ตาย เขาก็กลับไปพึ่งแม่ ทีนี้แม่ก็ได้ทีใส่ไข่ บอกแล้วไม่ฟัง (แม่แบบนี้โคตรๆเห็นแก่ตัวอ่ะครับ) ทีแรกผมชอบตัวละครนี้นะ เพราะมองว่าความรักของเขาต่อนางเอกมันจริงแท้ แต่พอรู้ว่าเธอเป็นสายลับ ก็เกิดความขลาดเขลา กลัวจนขี้ขึ้นสมอง พอหันไปพึ่งแม่ก็จบกัน นี่เด็กไม่หย่านม นี่หว่า กลายเป็นเกลียดเลยละครับ

Ingrid Bergman ผมค่อนข้างชัวร์ว่า เธอกลายเป็นนักแสดงหญิงอมตะจากหนังเรื่องนี้ หลังจาก Casablanca ที่เธอยังติดภาพหญิงสาววัยรักแรกแย้ม ซึ่งพอมาใน Notorious เธอโตขึ้น ตัวละครโตขึ้น ความคิดความอ่านโตขึ้น ตัวละครหลงรักกับคนที่ไม่ยอมรักตอบ แต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก ต้นเรื่องพ่อตาย ท้ายเรื่องถูกวางยาลองฆ่า ตัวละครนี้โคตรอาภัพ ใครๆก็ต้องจะสงสารเธอ นี่แหละครับที่ทำให้เธอกลายเป็นอมตะ ผู้หญิงที่สวยขนาดนี้ ทำไม Hitchcock ทำกับเธอได้ขนาดนี้ แววตาของ Bergman ทำให้ผู้ชายทั้งโลกใจละลาย ผมก็คนหนึ่ง, Ingmar Bergman เป็นนักแสดงหญิงที่ผมชอบที่สุดนะครับ ความสวยของเธอผมเรียกว่า classic แต่ต้องกับหนังขาว-ดำเท่านั้นนะครับ ผมไม่เคยดูหนังภาพสีของเธอเลย ไม่คิดว่าจะตราตรึงเท่าหนังภาพขาว-ดำแน่ๆ ถ้าเป็นหนังภาพสี ผมยกให้ Audrey Hepburn เป็นนักแสดงคนโปรด

ฉากตอนจบถือว่าจัดเต็มมากๆ Hitchcock ใช้บันไดเป็นสื่อกลางการกระทำของตัวละคร ทั้ง 3 คนเดินลงมาพร้อมกัน 2 คนที่ขึ้นรถเอาตัวรอดไปแล้ว แต่หนึ่งต้องเดินกลับขึ้นไป “I wish to talk to you!” เป็นประโยคที่ตัวละครนั้นย่อมรู้ดีว่า ถ้าเดินกลับขึ้นไป อาจจะไม่ได้กลับออกมามีชีวิตอีกแล้ว, ต้นเรื่องงานปาร์ตี้ ตัวละคร Bergman เมา (เหล้า) กลางเรื่องก็เมา (ในรัก) ท้ายเรื่องก็เมา (เมายาพิษ) …

คำว่า Notorious มีความหมายออกไปทางลบนะครับ ฉาวโฉ่, ชื่อเสีย, ดังกระฉ่อน ชื่อหนังแสดงถึงตัวละครของ Bergman ตอนต้นเรื่อง เธอมีชื่อเสียงจากการที่พ่อถูกอเมริกันจับได้ว่าทำงานให้กับนาซี แต่นี่ยังไม่ใช่ทั้งหมดของหนัง, ช่วงกลางเรื่อง ขณะที่เจ้าหน้าที่ของอเมริกันพูดคุยกันว่า ‘เธอขึ้นชื่อเรื่องแบบนี้’ นี่เป็นการพูดเสียๆหายๆต่อการกระทำของเธอ ที่สื่อได้ถึงชื่อหนังเช่นกัน, และเมื่อถึงจุดที่เธอต้องตัดสินใจระหว่าง ความรัก กับ หน้าที่ ความ Notorious ของเธอถูกตีความได้ 2 อย่าง คือ เป็น Patriot ที่ทำเพื่อชาติและยอมเสียสละได้ทุกอย่าง หรือ คนที่ทำทุกอย่างไปในทางฉาวโฉ่ นี่เป็นชื่อหนังที่สองแง่สองง่ามมากๆ คนไทยอาจไม่รู้สึกเท่าไหร่ แต่ฝรั่งบางคนที่ได้ยินหนังชื่อนี้ จะคิดว่าเป็นหนัง rate R ด้วยซ้ำ ถ้าไม่รู้ว่าผู้กำกับคือ Alfred Hitchcock

มีหนังแนวคล้ายๆกันนี้หลายเรื่องเลย ผู้หญิงที่กลายเป็น spy และต้องเสียตัวเพื่อลวงข้อมูลลับออกมา ที่ผมจำได้ อาทิ Lust, Caution (2007) ของ Ang Lee เรื่องนี้ผมชอบมากๆ เพราะมันเน้นความ passion ของผู้หญิงที่รุนแรงมากๆ, Mission Impossible 2 เหมือนว่า John Woo สร้างเพื่อคาราวะ Hitchcock โดยเฉพาะ, The Prestige (2006) ของ Christopher Nolan ก็มีส่วนผสมเรื่องรักสามเศร้าที่คล้ายๆกับ Notorious ฯลฯ

หนังทำเงินถล่มทลายในอเมริกา ทุนสร้าง$1 ล้าน ทำรายได้จากการฉายครั้งแรกไป $4.8 ล้าน ค่าลิขสิทธิ์ตอนที่ Selznick ขายให้ RKO คือ $800,000 และ 50% จากกำไรของหนัง ทำให้ RKO ได้กำไรเน้นๆประมาณ $1 ล้าน ว่ากันว่าที่หนังฮิตขนาดนี้คงเพราะ Bergman และ Grant ที่โด่งดังราวกับ atomic bomb

ถึงหนังจะทำเงิน แต่ก็ไม่ค่อยถูกใจนักวิจารณ์ในสมัยนั้น เข้าชิง Oscar แค่ 2 สาขา Best Support Actor ของ Claude Rains และบทภาพยนตร์โดย Ben Hecht ซึ่งก็ไม่ได้รางวัลทั้งคู่ สำหรับ Alfred Hitchcock ที่ไม่เคยได้ Oscar สาขา Best Director เลย จน Academy ได้มอบ Life Achievement Award ให้ในปี 1979 คนที่มอบคือ Ingmar Bergman และเธอได้ให้กุญแจ ที่ได้จาก Cary Grant ที่เก็บกุญแจนี้ไว้หลังจากถ่าย Notorious เป็นกุญแจ MacGuffin ของหนังเรื่องนี้ สร้างความประหลาดใจและตื้นตันให้กับ Hitchcock อย่างมาก ไม่คิดว่ามันจะยังอยู่จนถึงช่วงเวลานั้น

Notorious ไม่เคยติดอันดับของ American Institute Film (AFI) ในชาร์ท Greatest American Films Of All Time สักครั้ง แต่ติดอันดับ 171 ของนิตยสาร Sight & Sound: Critic’s Poll, อันดับ 38 นิตยสาร Cahiers du cinéma: Top 100 of all time, และติดชาร์ท All-TIME 100 Movies กับ Top 10 Great Performances ของนิตยสาร TIME

ผมแนะนำหนังเรื่องนี้กับคนชอบหนังแนว passion, romance, thriller, spy คอหนัง Alfred Hitchcock ไม่น่าพลาดอยู่แล้ว หนังดูไม่ยากเลย คนไม่เคยดูหนังมาก่อนก็ดูได้ จัดเรต PG นะครับ เด็กดูได้แต่มีผู้ปกครองนั่งดูด้วยสักหน่อยก็ดี

TAGLINE | “ยิ่งฉาวยิ่งดัง ความฉาวโฉ่ใน Notorious คือความอมตะของ Ingrid Bergman และ Cary Grant โดยผู้กำกับ Alfred Hitchcock”
QUALITY | RARE-GENDARY
MY SCORE | LIKE

Leave a Reply

avatar

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.

  Subscribe  
Notify of
%d bloggers like this: