Solaris (1972) : Andrei Tarkovsky ♥♥♥♥♡
ความครุ่นคิดเห็นต่อยุคสมัยสงครามเย็นของปรมาจารย์ผู้กำกับ Andrei Tarkovsky สิ่งที่มนุษยชาติกำลังร้องเรียกโหยหา ไม่ใช่การแพร่ขยายอาณาเขตพรมแดนบนโลกหรือห้วงอวกาศ แต่คือ ‘กระจก’ สำหรับสะท้อนตัวตนเองออกมา
Solaris (1972) : Andrei Tarkovsky ♥♥♥♥♡
ความครุ่นคิดเห็นต่อยุคสมัยสงครามเย็นของปรมาจารย์ผู้กำกับ Andrei Tarkovsky สิ่งที่มนุษยชาติกำลังร้องเรียกโหยหา ไม่ใช่การแพร่ขยายอาณาเขตพรมแดนบนโลกหรือห้วงอวกาศ แต่คือ ‘กระจก’ สำหรับสะท้อนตัวตนเองออกมา
Johann Strauss II: The Blue Danube Op. 314
“The Waltz King” หรือที่ผู้คนรู้จักเขาในนาม Johann Strauss, Jr., the Younger, the Son หรือ Johann Baptist Strauss ย่อๆก็คือ Johann Strauss คีตกวีชาวออสเตรียชื่อดังในช่วงศตวรรษที่ 18 ฉายา Waltz King ก็มาจากผลงานที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของคีตกวีคนนี้ โดยเฉพาะเพลง Waltz ซึ่งเพลงที่ดังที่สุดก็คือเพลงนี้ The Blue Danube
2001: A Space Odyssey (1968)
ถ้าจะให้พูดความยิ่งใหญ่ของหนังเรื่องนี้ มันคงยาวมากแน่ๆ ผมจะเล่าประสบการณ์ส่วนตัวในการผจญภัยร่วมกับหนังเรื่องนี้ และวิเคราะห์เฉพาะจุดที่น่าสนใจ ในความเข้าใจของผมเอง หนังเรื่องนี้สามารถตีความได้หลากหลายมากๆ หลายๆอย่างไม่มีข้อสรุป ผมมองหนังเรื่องนี้แค่คือ “การสำรวจอวกาศ” และ “ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ชาติกับจักรวาล” เท่านั้น
Let the right one in (2008)
เวอร์ชั่นที่ผมจะพูดถึงนี้ เป็นต้นฉบับจากประเทศ Sweden ไม่ใช่ฉบับ remake ของ hollywood นะครับ ว่ากันว่านี่เป็นหนัง Vampire ที่ยอดเยี่ยม น่าสะพรึงกลัวที่สุดในโลก นับจาก Nosferatu เมื่อต้นศตวรรษก่อน ซึ่งผมก็เห็นด้วยอย่างมาก นี่เป็นหนัง Vampire ที่ทำให้คุณขนหัวลุก รู้สึกเสียวสันหลังวาบ ความเย็นแผ่ซ่าน สั้นสะท้านไปถึงหัวใจ และที่เด่นที่สุดคือการตีความหมายของ Let the right one in ที่แตกต่างจากหนัง Vampire ทั่วไป เป็นอะไรที่ผมชอบมากๆ
L’Avventura (1960) Italian : Michelangelo Antonioni ♥♥♥♥♡
(8/12/2016) ภาพยนตร์บางเรื่อง จำต้องใช้ประสบการณ์ในการดูหนังที่ค่อนข้างสูง และใช้หัวสมองคิดวิเคราะห์เป็นอย่างมาก, ถ้าคุณมีสองสิ่งนี้พร้อมเมื่อไหร่ ก็ค่อยลองหา L’Avventura ของ Michelangelo Antonioni มาท้าพิสูจน์ดูนะครับ เมื่อนั้นคุณก็อาจเห็นสัจธรรมบางอย่าง ที่มีคุณค่ามากกว่าคนทั่วไปจะสามารถมองเห็นได้
Au Hasard Balthazar (1966) : Robert Bresson ♥♥♥
ดำเนินเรื่องในมุมมองโลกทัศน์ของเจ้าลาน้อย Balthazar ผ่านเจ้านายทั้ง 7 ที่มีทั้งดี-ชั่ว ทะนุถนอมเอ็นดู-ใช้ความเกรี้ยวกราดรุนแรง เพราะมิอาจพูดคุยโต้ตอบสื่อสาร ก็ทำได้แต่วางตัวเพิกเฉยเป็นกลาง ราวกับนักบุญ เรียกว่าตัวแทนของพระเยซูคริสต์คงไม่ผิดอะไร
Lage Raho Munna Bhai (2006)
เรื่องที่ 2 ของแฟนไชร์ Munna Bhai ที่เนื้อเรื่องไม่มีความต่อเนื่องหรือเกี่ยวข้องกับภาคแรกแต่อย่างใด เพียงแต่หยิบ 2 ตัวละครหลักมาใส่เท่านั้น นี่เป็นหนังภาคต่อที่ยอดเยี่ยมไม่แพ้ภาคแรก ในมุมผมมองว่านี่เป็นภาคที่ดีกว่ามากๆ อะไรหลายๆลงตัว เพลงประกอบเพราะๆหลายเพลง การันตีด้วยรางวัลที่มีมากกว่า โดยเฉพาะ National Film Award ได้ถึง 4 สาขา Best Popular Film Providing Wholesome Entertainment, Best Screenplay, Best Lyric และ Best Support Actor น่าเสียดายที่หนังได้แค่เกือบมีโอกาสเป็นตัวแทนส่ง Academy Award โดยเรื่องที่อินเดียส่งปีนั้นคือ Rang De Basanti
Andrei Rublev (1966) : Andrei Tarkovsky ♥♥♥♥♡
ไม่ใช่แค่ชื่อเหมือนกัน แต่ยังเรื่องราวชีวิต จิตวิญญาณศิลปิน และความเชื่อศรัทธาต่อพระผู้เป็นเจ้า ทำให้ปรมาจารย์ผู้กำกับ Andrei Tarkovsky ระบายวาดภาพจิตรกรเอกชาวรัสเซีย Andrei Rublev ราวกับภาพยนตร์อัตชีวประวัติของตนเอง, “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย”
Munna Bhai M.B.B.S. (2003)
ผลงานกำกับหนังเรื่องแรกของผู้กำกับ pk และ 3 Idiots Rajkumar Hirani การันตีความยอดเยี่ยมด้วยรางวัล National Film Award สาขา Best Popular Film นี่เป็นเรื่องราวของมาเฟียที่ต้องการเป็นหมอ เขาจะเป็นได้หรือไม่ หนังตลกแนวเสียดสีและตั้งคำถามว่า “หมอ” คืออะไร
Tengen Toppa Gurren Lagann
เตะเหตุผล ตรรกะต่างๆทิ้งไปก่อนจะดูอนิเมะซีรีย์เรื่องนี้ คนที่ไม่ชอบอนิเมะแนว robot ให้ลองเสี่ยงดูสัก 8-10 ตอน แล้วคุณจะหยุดดูไม่ได้ เพราะนี่เป็นอนิเมะแนว Extreme Action ที่ทำให้หัวใจคุณเต้นแรงจนผิดปกติ กับตอนจบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในจักรวาล
Millennium Actress (2001) : Satoshi Kon ♥♥♥♥♥
ความฝัน คือสิ่งที่ทำให้มนุษย์มีเป้าหมายชีวิต แต่บางครั้งปลายทางมันอาจไม่มีอยู่จริง ต่อให้ฝืนดิ้นสักเท่าไหร่ก็ไปไม่ถึง จนกว่าจะตระหนักครุ่นคิดคำนึงขึ้นเองได้ แก่ตัวแล้วหวนระลึกมองย้อนกลับไป … มันช่างงดงาม และแสนเศร้าสร้อย, “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย”
Wild Strawberries (1957) : Ingmar Bergman ♥♥♥♡
(8/7/2017) เมื่อตัวเลขอายุเราเพิ่มขึ้น มักชอบมองย้อนกลับไปหวนระลึกถึงอดีตวันวาน เกิดอารมณ์คิดถึงโหยหา (Nostalgia) วาดฝันอยากกลับคืนสู่ห้วงเวลานั้นอีกครั้ง ทำในสิ่งยังไม่ได้ทำ แก้ไขความผิดพลาด เพื่อชีวิตวันนี้ที่อาจดีขึ้นกว่าเดิม, “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย”
Battleship Potemkin (1925) : Sergei Eisenstein ♠♠♠♠♠
แม้เพียงช่วงเวลาสั้นๆของกลุ่มกบฎ Potemkin ที่สามารถยึดเรือรบ ครองใจประชาชนชาว Odessa แต่เมื่อเรื่องไปเข้าหู Tsar Nicholas II ส่งกำลังทหารมาปราบปราม พร้อมกำชับย้ำ ‘ทุกชั่วโมงที่ล่าช้า แลกกับแม่น้ำไหลนองเป็นสายเลือด’ เหตุการณ์นี้ถือเป็นชนวนเหตุแรกๆ ก่อให้เกิดการปฏิวัติรัสเซียตามมาถึงสองครั้ง จนโค่นล้มระบบ Tsarist ลงสำเร็จเมื่อปี 1917
ปรมาจารย์ผู้กำกับ Akira Kurosawa สรรค์สร้าง Rashômon (1950) เพื่อเป็นประตูเปิดสู่โลกยุคสมัยใหม่ (หลังสงครามโลกครั้งที่สอง) ที่มนุษย์ต่างมีความละโมบโลภ เห็นแก่ตัว หลงตนเอง สามารถพูดเล่าเรื่องราวในมุมมองต้องการ ไม่สนถูกผิดชอบชั่วดีอีกต่อไป, “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย”
L’Atalante (1934) : Jean Vigo ♥♥♥♥♡
(19/12/2017) ชีวิตคือการเดินทาง ขึ้นเรือ L’Atalante มุ่งสู่ Paris พบเจอเรื่องราวต่างๆ สุขทุกข์ หึงหวง พลัดพราก คร่ำครวญหา งดงามด้วยสไตล์ Poetic Realism ยิ่งใหญ่ไม่แพ้ Sunrise (1927), “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย”
La Strada (1954) : Federico Fellini ♥♥♥♥♡
(1/1/2018) La Strada แปลว่า The Road, ถนนสายนี้ที่ Zampanò กับ Gelsomina เลือกเดินทาง แม้มิได้ราบรื่นสุขสมหวังนัก แต่พวกเขากลับขาดกันไม่ได้ เติมเต็มตั้งฉากอยู่ตลอดเวลา, นี่คือภาพยนตร์เรื่องที่ต่อยอดจากยุคสมัย Italian NeoRealism จุดเริ่มต้นสไตล์ Felliniesque คว้ารางวัล Silver Lion: Best Director จากเทศกาลหนังเมือง Venice และ Oscar: Best Foreign Language Film เป็นเรื่องแรก “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย”
Singin’ in the Rain (1952) : Gene Kelly, Stanley Donen ♥♥♥♥♥
(11/3/2018) นี่คือภาพยนตร์ที่รวบรวมหลากหลายบทเพลง Musical สุดฮิตในยุคคลาสสิก Remix ไว้ในอัลบัมเดียว ขับร้องท่ามกลายสายลมฝนเปียกโชกโชนหนาวเน็บ แต่เหมือนพระอาทิตย์สาดส่องอบอุ่นกายใจ, “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย”
หนังเงียบเรื่องนี้แม้จะไม่สามารถหลอกหลอนผู้ชมรุ่นใหม่ๆได้แล้ว แต่ถือเป็นจุดเริ่มต้นกระแสนิยมแวมไพร์ ท่านเคาน์แดร็กคูล่า ที่ใครๆต้องเคยรับรู้จัก และถือเป็นผลงาน Masterpiece แห่งยุคสมัย German Expressionism
การันตีด้วย 26 รางวัล Oscar ที่ไม่ได้เข้าชิง! Monty Python and the Holy Grail (1975) คือเรื่องราวการออกเดินทางค้นหาสิ่งที่อาจไม่มีอยู่จริง! ไม่รู้อยู่แห่งหนไหน? ไม่รู้จะติดตามหาทำไม? แต่มีความบ้าบอคอแตก คลุ้มบ้าคลั่งที่สุด