โรงแรมสุดหรูที่ Wes Anderson เพ้อรำพัน ฝันจินตนาการ ช่วงเวลาที่เขาเองไม่เคยพานผ่าน แต่ครุ่นคิดอยากเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์, คว้ารางวัล Silver Berlin Bear: Grand Jury Prize (ที่สอง) และอีก 4 รางวัล Oscar
ป้ายกำกับ: Best Score
Tom Jones (1963)
ชายหนุ่มนาม Tom Jones (รับบทโดย Albert Finney) เลื่องชื่อเรื่องความเจ้าชู้ประตูดิน เพศสัมพันธ์กับหญิงสาวไม่ซ้ำหน้า นั่นคือสิ่งที่สังคมผู้ดีอังกฤษช่วงศตวรรษ 18 ยังไม่ให้การยินยอมรับ แต่การกำลังมาถึงของยุคสมัย Swinging London กลับสามารถคว้ารางวัล Oscar: Best Picture และทำเงินอย่างเป็นกอบเป็นกำ
Titanic (1997)
วินาทีที่คุณหนูไฮโซ Kate Winslet ให้คำมั่นสัญญาหนีตามไอ้หนุ่มชนชั้นสาม Leonardo DiCaprio นั่นคือสิ่งที่สังคมสมัยนั้นยังไม่ให้การยินยอมรับ พอดิบพอดีกับเรือ RMS Titanic พุ่งชนภูเขาน้ำแข็งอย่างจัง กลายเป็นคำเรียก ‘ชู้รักเรือล่ม’ ไม่มีวันจมหายตามกาลเวลา
A Passage to India (1984)
นิราศเรื่องสุดท้ายของปรมาจารย์ผู้กำกับ David Lean รำพรรณาถึงชีวิต-ความตาย การเดินทางสู่โลกใหม่ บางสิ่งอย่างตื่นขึ้นภายใน พิพากษาตัดสินอะไรคือสิ่งถูก-ผิด ดี-ชั่ว และผลกรรมติดตามมา
Limelight (1952)
Limelight (1952) : Charlie Chaplin ♥♥♥♥♡
ผลงานเรื่องสุดท้ายใน Hollywood ของ Charlie Chaplin รับบทตัวตลกสูงวัย อดีตเคยยิ่งใหญ่ ปัจจุบันไม่มีใครหัวเราะกับมุกตลกตกยุคสมัย ผู้ชมเช่นกันอาจขำไม่ออกสักเท่าไหร่ เต็มไปด้วยความสงสารเห็นใจ แจ้งเกิด Claire Bloom และได้ประชันเล็กๆกับ Buster Keaton, “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย”
Babel (2006)
Babel (2006) : Alejandro González Iñárritu ♥♥♥♥
4 ประเทศ 4 เรื่องราว แม้ถูกแบ่งแยกด้วยพรมแดน ภาษา ศาสนา เชื้อชาติพันธุ์ แต่มนุษย์ทุกคนบนโลกนั้นล้วนต้องพานพบเจอ ‘ความตาย’ สัจธรรมความจริงที่ไม่มีใครไหนสามารถหลบหลีกหนีได้รอดพ้น
E.T. the Extra-Terrestrial (1982)
E.T. the Extra-Terrestrial (1982) : Steven Spielberg ♥♥♥♥
เพื่อนรักจากต่างดาว คือด้านมืดของเด็กชาย (และผู้กำกับ Steven Spielberg) ที่ยังไม่สามารถปรับตัวต่อการสูญเสียพ่อ เลยสร้างเพื่อนในจินตนาการเพื่อทดแทนความรู้สึกขาดหาย ค่อยๆเรียนรู้จักชีวิต พบเจอมิตรภาพ เข้าใจการสูญเสีย พิสูจน์ตนเองจนสามารถลุกขึ้นและก้าวเดินต่อไปข้างหน้าได้เอง, “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย”
Barry Lyndon (1975)
Barry Lyndon (1975) : Stanley Kubrick ♥♥♥♥
แม้ภาพยนตร์อัตชีวประวัติ Napoléon Bonaparte จะล่มเหลวไม่เป็นท่า! แต่ผู้กำกับ Stanley Kubrick ยังคงมองหาโปรเจคที่มีพื้นหลังยุคสมัยใกล้เคียง ค้นพบนวนิยาย The Luck of Barry Lyndon (1844) พานผ่านสงครามเจ็ดปี (1756-63) เรื่องราวของชายหนุ่มพยายามทำทุกสิ่งอย่าง ไต่เต้าสู่จุดสูงสุดแห่งชีวิต แล้วครึ่งหลังกลับค่อยๆตกต่ำหวนกลับสู่สามัญ
Shakespeare in Love (1998)
Shakespeare in Love (1998) : John Madden ♥♥♥♡
ร่วมค้นหาแรงบันดาลของ William Shakespeare ในการสรรค์สร้างผลงานชิ้นเอกก้องโลก Romeo and Juliet เรื่องคุณภาพก็ใช่ว่าย่ำแย่เลวร้ายประการใด แต่การคว้า Oscar: Best Picture ตัดหน้า Saving Private Ryan, The Thin Red Line, Life Is Beautiful มันช่างน่าพิศวงเสียจริง!
Out of Africa (1985)
Out of Africa (1985) : Sydney Pollack ♥♥♥♡
แม้ถูกจัดเป็นหนึ่งใน Worse Oscar: Best Picture แต่ความงดงามผืนแผ่นดิน East Africa การแสดงชั้นเลิศของ Meryl Streep และเพลงประกอบสุดฟินโดย John Barry จักทำให้คุณอิ่มหนำสุขสำราญ แม้ด้วยความอืดอาดเชื่องช้า 161 นาที
Gigi (1958)
Gigi (1958) : Vincente Minnelli ♥♥
กวาดเรียบ 9 รางวัล Oscar รวมถึงภาพยนตร์ยอดเยี่ยมแห่งปี สูงเป็นสถิติแต่ตกต่ำสุดด้านศีลธรรมมโนธรรม, Leslie Caron รับบทลูกสาวโสเภณี ได้รับการเสี้ยมสั่งสอนวิธีเกาะกินผู้ชาย ทีแรกพยายามดิ้นรนขัดขืนแต่สุดท้ายข้ออ้างเพราะรัก อยากจะทำอะไรกับฉันก็ยินยอม
Around the World in 80 Days (1956)
Around the World in 80 Days (1956) : Michael Anderson ♥♥♡
ตื่นตระการตาไปกับการผจญภัยรอบโลก 80 วัน พร้อมนักแสดงรับเชิญร่วมสร้างสีสันมากมาย ถ่ายทำด้วยกล้อง Todd-AO 70mm เพลงประกอบโคตรไพเราะโดย Victor Young พบเห็นกระบวนพยุหยาตราชลมารคประมาณ 10 วินาที และ Closing Credit อนิเมชั่นโดย Saul Bass เพียงเท่านี้ก็สามารถคว้ารางวัล Oscar: Best Picture
A Place in the Sun (1951)
A Place in the Sun (1951) : George Stevens ♥♥♥♥
Montgomery Clift ต้องการไต่เต้าจากความมืดมิดสู่แสงสว่าง ค้นพบวิธีการเดียวเท่านั้นคือทอดทิ้งทำลายอดีต Shelly Winters แล้วครองรักแต่งงานกับ Elizabeth Taylor นั่นเป็นสิ่งถูกต้องเหมาะสมควรแล้วหรือ?, คว้า Oscar 6 สาขา แต่พลาดภาพยนตร์ยอดเยี่ยมให้ An American in Paris อย่างน่าหงุดหงิดใจ! “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย”
Breakfast at Tiffany’s (1961)
Breakfast at Tiffany’s (1961) : Blake Edwards ♥♥♥♡
ภาพลักษณ์ที่กลายเป็น ‘Fashion Icon’ ของ Audrey Hepburn ในนงเยาว์นิวยอร์ค ได้สะท้อนค่านิยมผู้คนแห่งศตวรรษ 20 ลุ่มหลงใหลความร่ำรวย เลิศหรูหรา สิ่งของภายนอกแลดูระยิบระยับงามตา สูงส่งมีมูลค่ากว่าจิตวิญญาณความเป็นคน
The Best Years of Our Lives (1946)
The Best Years of Our Lives (1946) : William Wyler ♥♥♥♥
เมื่อสงครามสิ้นสุดทหารหาญเดินทางกลับบ้าน โดยไม่รู้ตัวอะไรหลายๆอย่างปรับเปลี่ยนแปลงไปแล้วโดยสิ้นเชิง! The Best Years of Our Lives คือภาพยนตร์ที่จะเป็นแรงผลักดัน สร้างกำลังใจ ให้สามารถปรับตัวสู่โลกยุคใหม่ ก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาแห่งความทุกข์ยากลำบาก จนกลายเป็นปีดีที่สุดของชีวิต, “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย”
15 ค่ำ เดือน 11 (2002)
๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ (พ.ศ. ๒๕๔๕) : จิระ มะลิกุล ♥♥♥♡
เกิดเป็นคนยุคสมัยนี้แบบ อนุชิต สพันธุ์พงษ์ ช่างแสนลำบากยากเข็น ตกอยู่กึ่งกลางระหว่างถูก-ผิด ศรัทธา-ผลประโยชน์ ตำนานความเชื่อโบราณ-วิทยาศาสตร์สมัยใหม่ แต่ถึงจะอึดอัดเครียดคลั่งแค่ไหน สุดท้ายก็ต้องปล่อยวางจากความหมกมุ่นยึดติด, “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย”
Gravity (2013)
Gravity (2013) : Alfonso Cuarón ♥♥♥♥
ผู้กำกับ Alfonso Cuarón หลังเสร็จจาก Children of Men (2006) ตั้งใจจะทำโปรเจคหนึ่งแต่ประสบความล้มเหลว แถมยังเลิกร้างรากับภรรยาคนที่สอง ทำให้เขาตกอยู่ในหายนะสิ้นหวังสุดเหวี่ยง ราวกับกำลังล่องลอยเคว้งคว้างบนห้วงอวกาศ ค่อยๆเรียนรู้ที่จะปลดปล่อยวางความทุกข์โศก เมื่อเริ่มครุ่นคิดปรับตัวเข้าใจราวกับการได้เกิดใหม่ แหวกว่าย คืบคลาน ชันเข่า ลุกยืนขึ้น และก้าวเดินสู่โลกทัศนคติใบใหม่
The Right Stuff (1983)
The Right Stuff (1983) : Philip Kaufman ♥♥♥♥
เริ่มต้นจาก Chuck Yeager นักบินคนแรกของโลกที่สามารถทำความเร็วเกินเสียง Supersonic (Mach 1) ตามด้วยการรวมทีมนักบินอวกาศรุ่นบุกเบิกของสหรัฐอเมริกา Mercury Seven เพื่อแข่งขันช่วงชิงความเป็นมหาอำนาจโลกในช่วงสงครามเย็น, “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย”
The Way We Were (1973)
The Way We Were (1973) : Sydney Pollack ♥♥♥
คงมีเพียง Robert Redford เท่านั้นกระมัง สามารถเป็นคู่รักขั้วตรงกันข้ามของ Barbra Streisand ในภาพยนตร์ที่ตั้งใจจะสะท้อนความเห็นต่างทางการเมือง แต่กลับแปรสภาพเหลือเพียงโรแมนติกหวานซึ้ง ตราตรึงวัยรุ่นหนุ่มสาวยุคสมัยนั้นมากยิ่งทีเดียว, เข้าชิง Oscar 6 สาขา คว้ามา 2 รางวัล
Yentl (1983)
Yentl (1983) : Barbra Streisand ♥♥♡
ถึง Steven Spielberg จะยกย่องหนังเรื่องนี้ว่า ‘การกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกดีที่สุดตั้งแต่ Citizen Kane (1941)’ ทั้งยังทำให้ Barbra Streisand กลายเป็นผู้หญิงคนแรกคว้ารางวัล Golden Globe: Best Director กระนั้นความพิลึกพิลั่นของเรื่องราว ก้าวล้ำเส้นเหมาะสมไปสู่ความไม่รู้จักสิ้นสุด ทำให้อุดมการณ์ เป้าหมาย ทุกสิ่งอย่าง พังทลายป่นปี้ย่อยยับเยินลงในพริบตา