เมื่อโลกมันฟ่อนเฟะ เน่าเละเทะ สองสาวดอก Daisies จะมีชีวิตเหมือนคนปกติได้อย่างไร ย่อมต้องถูกเชิดชัก กระทำสิ่งอัปลักษณ์ สะท้อนเสียดสีสภาพสังคมยุคสมัยหลังสงครามโลกได้อย่างโคตรๆเหนือจริง (Surrealist) ถึงระดับไร้เหตุผล (Absurdity)
ป้ายกำกับ: Comedy Satire
Ninotchka (1939)
Ninotchka (1939) : Ernst Lubitsch ♥♥♥♥
วินาทีที่ตัวละครของ Greta Garbo หลุดหัวเราะออกมาครั้งแรก มันช่างเป็นภาพประวัติศาสตร์ของเจ้าหญิงน้ำแข็ง หลอมละลายจิตใจผู้ชม และด้วยสัมผัสของ Lubitsch แช่แข็งความทรงจำนั้นไว้ชั่วนิรันดร์
South Park: Bigger, Longer & Uncut (1999) : Trey Parker ♥♥♡
Guinness World Records เมื่อปี 2001 ได้จดบันทึกไว้ว่า South Park: Bigger, Longer & Uncut เป็นภาพยนตร์อนิเมชั่นใช้คำหยาบคายมากที่สุด 399 ครั้ง เป็น f-word ถึง 146 แค่บทเพลง Uncle Fucka ก็ฟักไป 31 ครั้งแล้ว!
The Favourite (2018)
The Favourite (2018) : Yorgos Lanthimos ♥♥♥♥
‘ฉันพร้อมทำทุกสิ่งอย่างเพื่ออำนาจ เติมเต็มความฝัน ได้รับชัยชนะยิ่งใหญ่อันดับหนึ่ง!’ นี่คือค่านิยม’โปรด’ของมนุษย์ไม่ว่าจะยุคสมัยไหน ฟังดูช่างน่ายกย่องสรรเสริญในความทุ่มเทพยายาม แต่มองอีกด้านกลับพบเห็นความบิดเบี้ยวคอรัปชั่น กัดกร่อนบ่อนทำลายจิตวิญญาณความเป็นคนให้ค่อยๆสูญสิ้นไป
Network (1976)
Network (1976) : Sidney Lumet ♥♥♥♥
ในวงการโทรทัศน์ ‘เรตติ้งเท่านั้นสำคัญที่สุด’ ต่อให้นำคนบ้าเสียสติแตกมาออกอากาศ ถ้ามีผู้ชมมากมายมหาศาล อย่างอื่นไร้คุณค่าความหมาย, “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย”
The Phantom of Liberty (1974) : Luis Buñuel ♥♥♥♥
โคตรหนัง Surrealist ราวกับฝันกลางวันของ Luis Buñuel นำเสนอเรื่องราวแบบ Non-Linear ไม่ได้มีความต่อเนื่อง แต่ใช้การส่งต่อราวกับไม้คฑาวิ่งผลัด กำลังถึงไคลน์แม็กซ์ตอนหนึ่งก็มีเหตุให้เปลี่ยนเรื่องโดยพลัน ช่างมีความกวนประสาทดีแท้ แต่แม้งเจ๋งชิบหาย
It’s a Mad, Mad, Mad, Mad World (1963)
It’s a Mad, Mad, Mad, Mad World (1963) : Stanley Kramer ♥♥♥♥♡
ภาพยนตร์ Epic Comedy ถ่ายทำด้วย Ultra Panavision งานภาพอลังการขนาดเดียวกับ Lawrence of Arabia (1962) แต่อัดแน่นยัดเยียดไปด้วยนักแสดง เริ่มจากคนปกติ 5 คน พอได้ยินที่ซ่อนสมบัติเงิน $350,000 เหรียญ ต่างเกิดความโลภละโมบจนกลายเป็นฝูงคนบ้า ออกเดินทางแข่งขันทำทุกสิ่งอย่างเพื่อให้ไปถึงเป้าหมาย จะได้ครอบครองเงินก้อนนี้แต่เพียงผู้เดียว, “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย”
The Fifth Element (1997)
The Fifth Element (1997) : Luc Besson ♥♥♥
หนังไซไฟล้ำจินตนาการ สนองราคะของเด็กหนุ่ม Luc Besson ที่พัฒนาเรื่องราวนี้ตั้งแต่อายุ 16 ได้สร้างจริงตอนอายุ 37-38, เหมือนหนังต้องการเล่าบอกอะไรสักอย่าง แต่กลับถูกร่างอวตาร John McClane ของ Bruce Willis และ Visual Effect ยุค Futurist กลบบดบังเสียมิดชิด
A Pigeon Sat on a Branch Reflecting on Existence (2014)
A Pigeon Sat on a Branch Reflecting on Existence (2014) Swedish : Roy Andersson ♥♥♥♡
นกพิราบเกาะอยู่บนกิ่งไม้เฝ้ามองดูมนุษย์ เกิดข้อสงสัย ‘พวกแกทำบ้าอะไรกันอยู่’ เออนั่นสิใครที่ไหนจะไปรู้ ข้าก็ไม่รู้ เอ็งรู้เหรอ? เหมือนผู้กำกับ Roy Andersson ก็คงไม่รู้ตัวเช่นกัน, หนังรางวัล Golden Lion จากเทศกาลหนังเมือง Venice
You, the Living (2007) Swedish : Roy Andersson ♥♥♥♥
“ฉันเกลียดแก เกลียดหมาของแก เกลียดงานที่ทำ เกลียดชีวิต ไม่มีใครเข้าใจฉัน” สิ่งมีชีวิตใน ‘โลกของ Andersson’ เรื่องนี้เป็นพวกไม่รู้จักพอ อยากได้โน่นนี่นั่นทุกสิ่งอย่าง มีอยู่แล้วก็ยังอยากได้ รวยอยู่แล้วต้องการยิ่งๆขึ้นไป ไม่รู้เมื่อไหร่จะรู้จักคำว่า’พอ’
Songs from the Second Floor (2000) Swedish : Roy Andersson ♥♥♥♥
หนังรางวัล Jury Prize จากเทศกาลหนังเมือง Cannes เรื่องนี้ เป็นแนว Surrealist ที่ดูยากมากๆ แต่มีความลึกล้ำน่าค้นหา คล้ายๆกับ The Color of Pomegranates (1969) ใช้การตั้งกล้องทิ้งไว้เฉยๆ นักแสดงทำอะไรบางอย่าง บางครั้งน่าขบขัน บางครั้งจุกอก รวมๆเรียกว่า ‘ชีวิต’
The Great Dictator (1940) : Charlie Chaplin ♥♥♥♡
หนังพูดเต็มเรื่องแรกของ Charlie Chaplin ที่พูดจนหูดับตับไหม้ เพื่อเสียดสีล้อเลียน Adolf Hitler, ตอนหนังฉายถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก ได้เข้าชิง Oscar 5 สาขา (รวมสาขา Best Actor แต่ไม่ได้สักรางวัล), พอเกิดสงครามโลก นี่กลายเป็นหนังที่ไม่ตลกเอาเสียเลย ขนาด Chaplin ยังพูดว่า ‘ถ้าฉันรู้สิ่งที่เกิดขึ้นในค่ายกักกันของ Nazi ละก็ จะไม่มีวันสร้างหนังเรื่องนี้’
Modern Times (1936)
การมาถีงของยุคสมัยใหม่ ‘Modern Times’ ทั้งวงการภาพยนตร์และความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ทำให้ Charlie Chaplin และ The Little Tramp พานพบเจอความยุ่งยากลำบากในการปรับตัว แต่ไม่ว่าอย่างไรชีวิตจำต้องดำเนินต่อไป, “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย”
Brazil (1985)
Brazil (1985) : Terry Gilliam
หนังเรื่องนี้ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับประเทศ Brazil แม้แต่น้อย ผู้กำกับ Terry Gilliam กับหนังแนว Dystopia, Sci-Fi, Comedy Satire ที่มีการเสียดสีระบบราชการ (Bureaucratic) ได้อย่างเจ็บแสบ บ้าคลั่ง ไร้สติ คนสติดีๆอาจดูหนังเรื่องนี้ไม่รู้เรื่อง แต่คนที่เข้าใจระบบเป็นอย่างดี นี่เป็นหนังที่อาจทำให้คุณเสียสติได้
การันตีด้วย 26 รางวัล Oscar ที่ไม่ได้เข้าชิง! Monty Python and the Holy Grail (1975) คือเรื่องราวการออกเดินทางค้นหาสิ่งที่อาจไม่มีอยู่จริง! ไม่รู้อยู่แห่งหนไหน? ไม่รู้จะติดตามหาทำไม? แต่มีความบ้าบอคอแตก คลุ้มบ้าคลั่งที่สุด
Dr. Strangelove (1964)
Dr. Strangelove (1964) : Stanley Kubrick ♥♥♥♥♥
(9/9/2017) ปรมาจารย์ผู้กำกับ Stanley Kubrick ได้พลิกโลกให้กลับตารปัตร จากความอึดอัดอั้นอกแทบแตกตายในยุคสมัยสงครามเย็น สร้างภาพยนตร์ Masterpiece เรื่องนี้ เสียดสี ล้อเลีย(น) น้ำแตก ขำกระจาย ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาบ้าคลั่งถึงขีดสุด, “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย”
pk (2014)
ความเชื่อ ศรัทธา ศาสนา ในปัจจุบันแทบไม่ต่างอะไรจากอาการมึนเมา (pee-kay ภาษาฮินดี แปลว่า คนเมา) หลับหูหลับตาก้มกราบไหว้ อธิษฐานขอพร อ้างสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สิริมงคล จนขาดสติหยุดยั้งคิดอะไรถูกผิดเหมาะสมควร เห็นคนหมู่มากแห่ไปเราก็ใคร่แห่ตาม ตื่นเช้าฟื้นคืนสติเมื่อไหร่ อาการแฮงค์เมาค้างคงไม่สร่างโดยง่ายดาย, “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย”