
เมื่อประธานกรรมการเทศกาลหนังเมือง Cannes ปีนั้น Yves Montand ประกาศรางวัล Palme d’Or อย่างเป็นเอกฉันท์! ทำให้เกิดทั้งเสียงปรบมือและโห่ขับไล่ ผู้กำกับ Maurice Pialat ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์บอกว่า ‘ถ้าคุณไม่ชอบผลงานผม ผมก็ไม่ชอบขี้หน้าพวกคุณเหมือนกัน’
เมื่อประธานกรรมการเทศกาลหนังเมือง Cannes ปีนั้น Yves Montand ประกาศรางวัล Palme d’Or อย่างเป็นเอกฉันท์! ทำให้เกิดทั้งเสียงปรบมือและโห่ขับไล่ ผู้กำกับ Maurice Pialat ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์บอกว่า ‘ถ้าคุณไม่ชอบผลงานผม ผมก็ไม่ชอบขี้หน้าพวกคุณเหมือนกัน’
1900 (1976) : Bernardo Bertolucci ♥♥♥
ประสบชะตากรรมเดียวกับ Ryan’s Daughter (1970) ของผู้กำกับ David Lean นำเสนอประเด็นใหญ่ๆด้วยการเปรียบเปรยกับสิ่งเล็กๆ แล้วพยายามขยายงานสร้างให้มีความเว่อวังอลังการ แบบนี้ผลลัพท์ภาพที่ได้ย่อมแตกละเอียดหยาบกร้าน จนแทบมองอะไรไม่เห็น หมดสิ้นคุณค่าความหมายใดๆ
Mon oncle d’Amérique (1980) : Alain Resnais ♥♥♥♡
น่าจะเป็นครั้งแรกของวงการภาพยนตร์ ที่ทำการผสมผสานงานศิลปะเข้ากับการทดลองวิทยาศาสตร์ นำเสนอเรื่องราวชีวิตของสามนักแสดงเปรียบเทียบดั่งหนูทดลองในห้องปฏิบัติการ ประกอบคำบรรยายของศาสตราจารย์ชื่อดัง Henri Laborit (ผู้ค้นพบยา Chlorpromazine ใช้รักษาความผิดปกติของจิตใจ อารมณ์ ฯ), คว้ารางวัล Grand Prix (ที่ 2) จากเทศกาลหนังเมือง Cannes
La Vie en Rose (2007) : Olivier Dahan ♥♥♥♥♡
1) Milord
2) L’Hymne à L’Amour
3) Les Amants De Paris
4) La Foule
5) La Vie En Rose
6) Non, Je Ne Regrette Rien
นี่เป็นลำดับบทเพลงของ Édith Piaf ที่ผมชื่นชอบ ยังคงเปิดฟังบ่อยๆนับตั้งแต่ครั้งแรกที่รับชมหนังเรื่องนี้ หลงใหลในน้ำเสียงและชีวิตอันโคตรบัดซบของเธอ ที่กลับไม่มีวินาทีไหนเจ้านกกระจอกน้อยจะรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น, “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย”