เพื่อโต้ตอบกับ Dishonored (1931) สตูดิโอ M-G-M จึงรีบเร่งสรรค์สร้าง Mata Hari (1931) นำแสดงโดย Greta Garbo ในบทสายลับนักเต้น โดดเด่นในการใช้มารยาหญิง เย้ายวน ยั่วราคะ ล้วงความลับจากบรรดาบุรุษทั้งหลาย แม้หนังจะประสบความสำเร็จทำเงินถล่มทลาย แต่ก็ไม่ค่อยมีอะไรน่าจดจำสักเท่าไหร่
ป้ายกำกับ: World Wars 1
ไม่ใช่ความตั้งใจของผู้กำกับ Josef von Sternberg ที่จะตีตราสายลับว่าเป็นอาชีพไร้เกียรติ ‘Dishonored’ แต่มันคือมุมมองคนยุคสมัยนั้น (รวมถึงสตูดิโอภาพยนตร์) ยินยอมรับไม่ได้ต่อพฤติกรรมบุคคลสองหน้า ใช้มารยาลวงล่อหลอก ล้วงความลับผู้อื่น ไร้ซึ่งศีลธรรมจรรยา ทั้งๆพวกเขาและเธอต่างทำเพื่อผลประโยชน์ประเทศชาติบ้านเมือง
J’accuse (1919)
ผลงานสร้างชื่อระดับนานาชาติของปรมาจารย์ผู้กำกับ Abel Gance กล่าวโทษถึงความจำเป็นของสงคราม ตั้งคำถามชีวิตที่ดับสิ้นสูญมันคุ้มค่าแล้วหรือ? “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย”
สองทหารอเมริกันช่วงระหว่างสงครามโลกครั้งที่หนี่ง ถูกจับกุมโดยศัตรู ขุดรูหลบหนีค่ายกักกัน ดันขี้นรถไฟไปตุรกี แล้วลงเรือถึงยังดินแดนอาหรับ ระหว่างทางตกหลุมรักหญิงสาว และถูกบิดากับคู่หมั้นของเธอไล่เข่นฆ่า, หนังเงียบแนว Comedy อาจไม่มีดีเหนือกาลเวลา แต่ผู้กำกับ Lewis Milestone คว้ารางวัล Oscar: Best Director, Comedy Picture
Konets Sankt-Peterburga (1927) : Vsevolod Pudovkin, Mikhail Doller ♥♥♥
เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบสิบปีการปฏิวัติรัสเซีย ค.ศ. 1917 คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ (Central Committee of the Communist Party) มอบหมายสองผู้กำกับให้สร้างภาพยนตร์สองเรื่อง กลายมาเป็น The End of St. Petersburg (1927) ของ Vsevolod Pudovkin และ October (1928) ของ Sergei Eisenstein
7th Heaven (1927) : Frank Borzage ♥♥♡
ถึงภาพยนตร์เรื่องนี้จะสามารถปีนป่ายสู่อพาร์ทเม้นท์/สวรรค์ชั้น 7 แจ้งเกิดคู่ขวัญ Charles Farrell & Janet Gaynor คว้า 3 รางวัล Oscar (ผู้กำกับ, นำหญิง, ดัดแปลงบท) และทำเงินถล่มทลายสูงสุดแห่งปี แต่กาลเวลาได้ลดทอนคุณภาพหลงเหลือเพียงรักโรแมนติกน้ำเน่า กลิ่นโชยขึ้นจากท่อระบายน้ำ
The Blue Max (1966)
The Blue Max (1966) : John Guillermin ♥♥♥♡
Pour le Mérite หรือ The Blue Max คือเครื่องราชอิสริยาภรณ์ขั้นสูงสุดของประเทศ Prussia/Germany มอบให้กับทหารหรือพลเรือนที่ทำความชอบในการสงครามปกป้องประเทศชาติ สำหรับทหารอากาศจะได้รับก็ต่อเมื่อสามารถยิงเครื่องบินศัตรูตก 20 ลำ แต่นั่นใช่สิ่งที่ควรใฝ่ฝันไขว่คว้ามาครอบครองหรือเปล่า, “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย”
All Quiet on the Western Front (1930)
All Quiet on the Western Front (1930) : Lewis Milestone ♥♥♥♥
ในประเทศ Germany ใช่ว่าทุกคนจะคิดเหมือนดั่ง Adolf Hitler ยังมีบุคคลที่มองว่า สงครามไม่ใช่ทางออกของปัญหา กระนั้นแนวรบด้านตะวันตก เหตุการณ์ไม่เปลี่ยนแปลง ก็มิได้สร้างความเปลี่ยนแปลงอะไรให้เกิดขึ้น นอกเสียจากคว้ารางวัล Oscar สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย”
The Big Parade (1925) : King Vidor ♥♥♥♡
หนังเงียบที่ทำเงินสูงสุดเป็นอันดับสอง รองจาก The Birth of Nation (1915) ก็คือ The Big Parade หนังสงคราม-รักโรแมนติก เรื่องราวของนายทหารอเมริกันกับหญิงสาวชาวฝรั่งเศส พบเจอระหว่างพักทัพรอคอยสู้รบกับทหารเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่ 1 ความรักค่อยๆก่อตัว ขณะเดียวกันหน้าที่เพื่อประเทศชาติก็เป็นสิ่งสำคัญ
Hell's Angels (1930)
Hell’s Angels (1930) hollywood : Howard Hughes ♥♥♥♡
ใช้เวลากว่า 3 ปี ทุ่มทุนสร้างไม่อั้น ตั้งใจให้เป็นหนังเงียบ แต่กระแสหนังพูดกำลังมาแรง Howard Hughes รื้อทุกอย่าง ถ่ายทำใหม่ กลายเป็นอภิมหาภาพยนตร์ สงครามเวหาสุดยิ่งใหญ่ อลังการที่สุดแห่งทศวรรษ และเป็นแรงบันดาลใจให้ Martin Scorsese สร้าง The Aviator (2004)
Paths of Glory (1957)
Paths of Glory (1957) hollywood : Stanley Kubrick ♥♥♥♥
ผู้กำกับ Stanley Kubrick ได้สร้างเส้นทางเกียรติยศผลงาน Masterpiece เรื่องแรก เป็นหนังต่อต้านสงคราม (Anti-Wars) ที่มี Kirk Douglas รับบทเป็นพันเอกชาวฝรั่งเศส (พูดภาษาอังกฤษ), ชัยชนะคือเกียรติที่ยิ่งใหญ่ แต่หนทางกว่าได้มา มักต้องแลกมาด้วยอะไรหลายๆอย่างเสมอ
หนังเงียบที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยานของผู้กำกับ William A. Wellman ติดกล้องบนเครื่องบิน ถลาแล่นลม โฉบเฉี่ยวฝูงชน จนคว้ารางวัล Oscar: Outstanding Picture ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์!
La Grande Illusion (1937)
La Grande Illusion (1937) : Jean Renoir ♥♥♥♥♡
เชื้อชาติพันธุ์ ขอบเขตแดน ภาษาพูด-เขียน ฐานะรวย-จน ชนชั้นสูง-ต่ำ เหล่านี้คือ ‘ภาพลวงตา’ ที่มนุษย์สร้างขึ้นเพื่อแบ่งแยกจัดหมวดหมู่ ทั้งๆที่ในสากลจักรวาลไม่มีอะไรขีดเส้นไว้ทั้งนั้น ถ้าพวกเราสามารถเข้าใจจุดนี้ได้อย่างลึกซึ้ง สงครามความขัดแย้งก็จักไม่มีวันบังเกิดขึ้น, “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย”