
บันทึกการเดินทางเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายของ Nelofer Pazira (ครึ่งจริง-ครึ่งแต่ง) เพื่อติดตามหาน้องสาวอาศัยอยู่ Kandahar, Afghanistan ในช่วงการขึ้นมาเรืองอำนาจของกลุ่มตาลีบัน แต่โอกาสประสบความสำเร็จช่างน้อยนิดยิ่งนัก
บันทึกการเดินทางเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายของ Nelofer Pazira (ครึ่งจริง-ครึ่งแต่ง) เพื่อติดตามหาน้องสาวอาศัยอยู่ Kandahar, Afghanistan ในช่วงการขึ้นมาเรืองอำนาจของกลุ่มตาลีบัน แต่โอกาสประสบความสำเร็จช่างน้อยนิดยิ่งนัก
สิ้นสุดสัปดาห์ภาพยนตร์ยุคสมัยแรกของผู้กำกับ Jean-Luc Godard นำพาผู้ชมออกเดินทาง (Road Movie) จากสังคมเมือง มุ่งสู่ชนบท แล้วลงขุมนรก! นำเสนอความเสื่อมถดถอยของอารยธรรม ผ่านบทพิสูจน์แห่งศรัทธา ดินแดนแฟนตาซี โลกความจริงที่เหี้ยมโหดร้าย และท้ายสุดคือการสูญเสียความเป็นมนุษย์
ครึ่งหลับครึ่งตื่นบนโลกส่วนตัวของผู้กำกับ Gus Van Sant เพื่อออกค้นหารากเหง้าของ River Phoenix และทอดทิ้งตัวตนเองของ Keanu Reeves แต่สุดท้ายแล้วผู้ชมก็เกาหัว นี่มันหนังห่าเหวอะไรกัน?
Palme d’Or ที่ได้รับเสียงโห่มากกว่าปรบมือ สะท้อนเสียดสี ล้อเลียนวิถีอเมริกัน ใครๆต่างเพ้อใฝ่ฝัน ต้องการไปให้ถึงสรวงสวรรค์หลังสายรุ้ง The Wizard of Oz แต่โลกความจริงกลับมีสภาพต่ำตม นรกบนดิน ผู้ชมก็แทบดับดิ้นถ้าอยากจะเข้าใจภาพยนตร์ NC-17 เรื่องนี้
สามเกลอ (ชายขี้เมา, สาวโสเภณี และผู้เฒ่า) ออกเดินทางจากเยอรมัน ไล่ล่าความฝันสู่ Plainfield, Wisconsin ประเทศสหรัฐอเมริกา แต่พวกเขาไม่แตกต่างจาก ‘ไก่ในตู้หยอดเหรียญ’ มีเพียงแรงกระตุ้นผลักดันให้ชีวิตดำเนินไป และเมื่อทุกสิ่งอย่างสูญสลาย จึงกลายเป็นโศกนาฎกรรม, “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย”
Broken Flowers (2005) : Jim Jarmusch ♥♥♥♡
Bill Murray เนี่ยนะรับบทตัวละครฉายา Don Juan? วันหนึ่งได้รับจดหมายสีชมพูลึกลับ บอกว่าลูกชาย -ที่เพิ่งรับรู้ว่ามีตัวตน- กำลังติดตามหา นั่นเป็นสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ถูกผลักดันให้ต้องเดินทางหวนกลับไปพบเจอบรรดาแฟนเก่า Sharon Stone, Frances Conroy, Jessica Lange และ Tilda Swinton, คว้ารางวัล Grand Prix (ที่สอง) จากเทศกาลหนังเมือง Cannes
Stranger Than Paradise (1984) : Jim Jarmusch ♥♥♥♥
สหรัฐอเมริกาเป็นดินแดนที่แปลกประหลาด หรือสรวงสวรรค์กันแน่? ผลงานแรกแจ้งเกิดผู้กำกับ Jim Jarmusch กลายเป็นหลักเขตเรื่องสำคัญของวงการหนังอิสระ (Indy Film) ด้วยเทคนิคสุดแสนเรียบง่ายแต่งดงามดั่งบทกวี คว้ารางวัล Caméra d’Or จากเทศกาลหนังเมือง Cannes
Life, and Nothing More… (1992) : Abbas Kiarostami ♥♥♥♥
ไม่ได้ต้องการสร้างภาคต่อ Where Is the Friend’s Home? (1987) แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในประเทศอิหร่านเมื่อปี ค.ศ. 1990 ประมาณการเสียชีวิตกว่า 30,000 คน! ผู้กำกับ Abbas Kiarostami เลยแบกกล้องออกเดินทางหวนกลับสู่เมือง Koker เพื่อติดตามหานักแสดงเด็กๆเคยร่วมงาน จะยังมีใครหลงเหลือชีวิตรอดอยู่บ้างไหม
Sans toit ni loi (1985) : Agnès Varda ♥♥♥♥
ลองจินตนาการ Citizen Kane (1942) นำเสนอด้วยไดเรคชั่น French New Wave และตัวละครหลักคือเพศหญิง เพียงเท่านี้ก็ทำให้ท่านแม่ทูนหัว Agnès Varda คว้ารางวัล Golden Lion จากเทศกาลหนังเมือง Venice, “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย”
Im Lauf der Zeit (1976) : Wim Wenders ♥♥♥♥
Kings of the Road แม้เป็นการเดินทางที่ไร้เป้าหมาย แต่พวกเขาทั้งสองต่างใช้โอกาสนี้ พยายามหลบหลีกหนีจากปัญหาให้ไกล แต่สุดท้ายก็ไปไหนไม่พ้น หวนกลับมาตายรังยังจุดเริ่มต้นแห่งชีวิต
Alice in den Städten (1974) : Wim Wenders ♥♥♥♥
ผลงานลำดับที่สี่ของ Wim Wenders แต่คือครั้งแรกในสไตล์ ลายเซ็นต์ จิตวิญญาณล่อยลอย หลงทางในเมืองใหญ่ เป้าหมายชีวิตคืออะไร? เปิดไตรภาค ‘Road Movie Trilogy’
Il Sorpasso (1962) : Dino Risi ♥♥♥♥
แม้ชื่อหนังภาษาอังกฤษจะคือ The Easy Life แต่ความหมายตรงๆของ Il Sorpasso แปลว่า Overtaking การติดตามทัน แซงหน้า มักใช้ในบริบทของการขับรถช้า-เร็วกว่า ซึ่งสามารถเหมารวมถึงสถานะทางสังคมสูง-ต่ำ คุณธรรมศีลธรรมดี-ชั่ว รสนิยมทางเพศ หรือแม้แต่เศรษฐกิจ การเมือง ซึ่งสะท้อนเข้ากับประเทศอิตาลียุคสมัยนั้น กำลังถูกแซงหรือโดนตัดหน้าไปไกลแล้วก็ไม่รู้!
The Motorcycle Diaries (2004) : Walter Salles ♥♥♡
ดัดแปลงจากสมุดบันทึกของ Che Guevara (1928 – 1967) นักปฏิวัติ Marxist สัญชาติ Argentine เมื่อครั้นยังหนุ่มแน่นร่วมกับเพื่อนรุ่นพี่ Alberto Granado ออกเดินทางทัวร์ละตินอเมริกาด้วยรถมอเตอร์ไซด์ เรียนรู้จักโลกกว้าง พบเห็นปัญหาสังคม ก่อเกิดความกระหายต้องการทำบางสิ่งอย่างเพื่อแก้ไขเปลี่ยนแปลง
Little Miss Sunshine (2006) : Jonathan Dayton & Valerie Faris ♥♥♥♥
การเดินทางที่จักสร้างความเข้าใจว่า ชัยชนะอันดับหนึ่ง ไม่ใช่ทุกสิ่งอย่างในชีวิต! และควรเรียนรู้ที่จะ ‘Fuck Everything!’ ทั้งในเชิงรูปธรรม-นามธรรม, “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย”
Badlands (1973) : Terrence Malick ♥♥♥♥
ผลงานเรื่องแรกของ Terrence Malick นำเสนอเทพนิยายอาชญากรรม คู่รักชายหนุ่ม-เด็กหญิง Martin Sheen และ Sissy Spacek ราวกับจมปลักอยู่ในจินตนาการเพ้อฝันหวาน ระหว่างลักขโมย ฆ่าคนตาย ไร้ซึ่งสำนึกจิตวิญญาณ กลายเป็นอีกหนึ่งโคตร Masterpiece ของแนว Road Movie
Thelma & Louise (1991) : Ridley Scott ♥♥♥♡
การออกเดินทางท่องเที่ยวพักร้อนของสองสาว Susan Sarandon และ Geena Davis เริ่มต้นด้วยรอยยิ้มสนุกสนาน ก่อนค่อยๆถลำลึกสู่อาชญากรรม แต่ในมุมมองพวกเธอ การกระทำเหล่านั้นคือ ‘อิสรภาพ’ มีมั่งไหมผู้ชายดีๆสักคน
Easy Rider (1969) : Dennis Hopper ♥♥♥♥
นี่คือ Masterpiece ของภาพยนตร์แนว Road Movie เรื่องราวของชายสองคนหลังจากทำกำไรมหาศาลจากการขายโคเคน ขับขี่รถ Chopper ออกท่องสหรัฐอเมริกา เป้าหมายคือ New Orleans, Louisiana แต่สิ่งที่พวกเขาค้นพบระหว่างเดินทางกลับคือ…
Green Book (2018) : Peter Farrelly ♥♥♥♡
ใครจะไปคิดว่าผู้กำกับหนังตลกอย่าง Peter Farrelly (Dumb and Dumber, There’s Something About Mary) จะสามารถทำหนังดราม่า Road Movie ปรุงสูตรสำเร็จ แล้วกลายเป็นเต็งหนึ่งลุ้นรางวัล Oscar: Best Picture
Y Tu Mamá También (2001) : Alfonso Cuarón ♥♥♥♥
ทริปของสองวัยรุ่นหนุ่ม เพื่อหวังฟันหญิงกลางคนสุดเซ็กซี่ เธอย่อมรู้อยู่แก่ใจว่าต้องเกิดอะไรขึ้นแน่ แต่ทำไมถึงยินยอมร่วมออกเดินทางสู่เป้าหมายไม่รู้มีอยู่จริงหรือเปล่า
Paper Moon (1973) : Peter Bogdanovich ♥♥♥♡
ก็ไม่รู้ว่าใช่พ่อหรือเปล่า แต่เด็กหญิงสาวเมื่อสนิทชิดเชื้อ ไว้เนื้อวางใจกับใครแล้ว เขาผู้นั้นจำต้องรับผิดชอบต่อให้ถึงที่สุด, ภาพยนตร์แนว Comedy-Drama ชักชวนให้หวนระลึกถึงยุคสมัย Depression Era และ Tatum O’Neal กลายเป็นนักแสดงอายุน้อยสุดคว้า Oscar: Best Supporting Actress