
ผู้กำกับ Alfred Hitchcock ทำการทดลองใช้เชือกผูกมัดคอตนเอง สร้างข้อจำกัดถ่ายทำภาพยนตร์เพียงในอพาร์ทเม้นท์ (Limited Setting หรือ Single Location) ด้วยวิธีการ ‘Long Take’ ตัดต่อให้น้อยครั้งที่สุด ในระยะเวลา 80 นาที
ผู้กำกับ Alfred Hitchcock ทำการทดลองใช้เชือกผูกมัดคอตนเอง สร้างข้อจำกัดถ่ายทำภาพยนตร์เพียงในอพาร์ทเม้นท์ (Limited Setting หรือ Single Location) ด้วยวิธีการ ‘Long Take’ ตัดต่อให้น้อยครั้งที่สุด ในระยะเวลา 80 นาที
ไม่มีทางที่ใครจะรับรู้ความรู้สึกนึกคิดของใคร ทำได้เพียงจับจ้องการแสดงออก สังเกตปฏิกิริยาภายนอก กายวิภาคของฆาตกร ขึ้นอยู่กับคณะลูกขุนจะตัดสินว่าชายคนนี้ตั้งใจกระทำความผิด หรือเพราะแรงกดดันมิอาจต่อต้านขัดขืน
Mr. Smith Goes to Washington (1939) : Frank Capra ♥♥♥♥
Filibuster คือการกระทำประเภทหัวเด็ดตีนขาด! ฉันจะไม่ยอมหยุดพร่ามในรัฐสภาจนกว่าจะได้สมปรารถนา กิจกรรมเตะถ่วงทางการเมืองที่ดูเหมือนไร้สาระ แต่คือสิทธิ์เสียงประชาธิปไตย มีมานมนานตั้งแต่ยุคสมัยโรมัน, “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย”
The Philadelphia Story (1940) : George Cukor ♥♥♥♥♡
เพื่อให้รอดพ้นจากการถูกเรียกว่า ‘Box-Office Poison’ แม่หญิง Katharine Hepburn ว่าจ้าง Philip Barry พัฒนาบทละครเวที The Philadelphia Story (โดยมี Howard Hughes ส่งน้ำเลี้ยงอยู่เบื้องหลัง) เกลี้ยกล่อมให้ Louis B. Mayer ซื้อลิขสิทธิ์ดัดแปลง เลือกผู้กำกับ ติดต่อนักแสดง ทำทุกสิ่งอย่างด้วยตนเองจนประสบความสำเร็จล้นหลาม แม้จะพลาด Oscar: Best Actress แต่ก็สามารถหลุดจากคำสาปอันชั่วร้ายนี้เสียที
The Man Who Knew Too Much (1956) : Alfred Hitchcock ♥♥♥♥
Doris Day ตอนแรกไม่อยากจะขับร้องบทเพลง Que Sera, Sera อวดรู้มากว่าเพลงเด็กๆ เดี๋ยวใครๆคงหลงลืมเลือน แต่กลับกลายเป็นเพลงสัญลักษณ์ประจำตัว คว้า Oscar: Best Original Song และไต่ถึงอันดับ 2 ชาร์ท Billboard Hot 100 โด่งดังได้รับการจดจำมากกว่าภาพยนตร์เรื่องนี้อีกมั้งนะ!
The Man Who Shot Liberty Valance (1962) : John Ford ♥♥♥♥♡
John Wayne กับ James Stewart รับบทตัวละครที่อยู่สองฟากฝั่งอุดมการณ์ อึดถึก vs อ่อนไหว, ป่าเถื่อน vs อารยธรรม, ปัจเจกนิยม vs สังคมเมือง ในโลกยุคสมัยใหม่ที่กำลังเข้ามาถึงดินแดน Western ใครกันจะเป็นผู้ยิงอาชญากร Liberty Valance ได้ครอบครองหญิงสาว และมีอนาคตที่สดใส, “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย”
The Greatest Show on Earth (1952) : Cecil B. DeMille ♥♥♥
ภาพยนตร์เรื่องที่คว้า Oscar: Best Picture แต่ได้รับการโหวต ‘worst Oscar winners’ จากหลายๆสำนัก จะว่าไปตัวหนังก็ไม่ได้เลวร้ายเท่าไหร่นะ โปรดักชั่น ไดเรคชั่น ความบันเทิงจัดเต็ม แถมแจ้งเกิด Charlton Heston และ James Stewart หลบซ่อนตัวอยู่ภายใต้ใบหน้าตัวตลกได้อย่างแนบเนียน
The Shop Around the Corner (1940) : Ernst Lubitsch ♥♥♥♥
Margaret Sullavan กับ James Stewart เป็นพนักงานร้านขายของที่ระลึก (Gift Shop) ไม่ค่อยถูกขี้หน้ากันสักเท่าไหร่ แต่เบื้องหลังพวกเขาเป็น Penfriend (เพื่อนทางจดหมาย) ราวกับเจ้าชาย-เจ้าหญิงในฝัน ยังไม่เคยพบเจอหน้า ซึ่งเมื่อวันนั้นมาถึงจากคู่กัดจะกลายเป็นคู่รักหรือไม่ต้องไปลุ้นกัน, “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย”
How the West Was Won (1962) : John Ford, Henry Hathaway, George Marshall ♥♥♥♡
มีภาพยนตร์ไม่ถึง 10 เรื่องเท่านั้นในโลกที่ใช้ Three-Strip Cinerama กล้องสามตัวถ่ายภาพพร้อมกันเพื่อนำไปฉายบนจอโค้ง (Curved Screen) หนึ่งในนั้นที่ได้รับการกล่าวขานคือ How the West Was Won มีงานภาพสุดกว้างใหญ่อลังการ แต่ด้วยความยุ่งยากในการสร้างระดับมหากาพย์ จึงไม่มีใครนิยมใช้กัน เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมอยู่เพียงทศวรรษกว่าๆเท่านั้น
ทั้งๆรู้ว่าการแอบถ้ำมอง (Voyeurism) ไม่ใช่สิ่งถูกต้องเหมาะสม แต่ทว่า James Stewart กลับมิอาจอดกลั้นฝืนทน อยากรู้อยากเห็น เต็มไปด้วยความฉงนสงสัย หญิงสาวอาศัยอยู่อพาร์ทเม้นท์ฝั่งตรงข้ามสูญหายตัวไป? มันเกิดเหตุการณ์ห่าเหวอะไรขึ้นกันแน่?
It’s a Wonderful Life (1946) : Frank Capra ♥♥♥♥♥
(24/12/2017) สิ่งมหัศจรรย์ที่สุดของชีวิต คือการได้เกิดมาบนโลก ตัวตนของเราได้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับทุกสิ่งอย่างรอบข้าง อย่าแม้แต่คิดจะทำลายมัน เพราะนั่นคือสิ่งเลวร้ายที่สุดในความเป็นมนุษย์, ภาพยนตร์สุดมหัศจรรย์แห่งเทศกาลคริสต์มาส ที่อาจทำให้ทัศนคติของการมีชีวิตของคุณเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย”
James Stewart ล้มป่วยโรคกลัวความสูง เกิดอาการโลกหมุน วิงเวียนศีรษะ (Vertigo) หน้ามืดตาลายคล้ายจะเป็นลม แต่เพราะความหมกมุ่นในภาพลักษณ์ของ Kim Novak จึงพยายามผลักดันตนเอง ปีนป่ายขึ้นบันไดไปจนถึงจุดสูงสุด ถึงอย่างนั้นความสำเร็จดังกล่าวกลับทำให้เขาต้องสูญเสียทุกสิ่งอย่าง