Hell’s Angels (1930)
: Howard Hughes ♥♥♥♡
ใช้เวลากว่า 3 ปี ทุ่มทุนสร้างไม่อั้น ตั้งใจให้เป็นหนังเงียบ แต่กระแสหนังพูดกำลังมาแรง Howard Hughes รื้อทุกอย่าง ถ่ายทำใหม่ กลายเป็นอภิมหาภาพยนตร์ สงครามเวหาสุดยิ่งใหญ่ อลังการที่สุดแห่งทศวรรษ และเป็นแรงบันดาลใจให้ Martin Scorsese สร้าง The Aviator (2004)
นี่เป็นหนึ่งในหนังโปรดของผู้กำกับดัง Stanley Kubrick
เชื่อว่าคอหนังหลายคนคงรู้จัก The Aviator (2004) ของ Martin Scorsese นำแสดงโดย Leonardo DiCaprio รับบท Howard Hughes นักธุรกิจสายการบินในตำนาน ที่วันดีคืนดีคิดอยากสร้างภาพยนตร์สักเรื่อง เกี่ยวกับเครื่องบินรบ ทุ่มทุนไม่อั้น เพื่อความสมจริง จะมีคนตายก็ไม่เกี่ยง, หนังเรื่องนี้แหละครับที่เป็นแรงบันดาลใจให้ Marty สร้างขึ้น ถ้าคุณชื่นชอบ The Aviator มิควรพลาด Hell’s Angels
หนังแนวเครื่องบิน (Aircraft) ต้องถือว่า Wings (1927) เป็นจุดกำเนิดกระแสความนิยม เพราะเป็นเรื่องแรกที่ประสบความสำเร็จทั้งรายรับและมีชื่อเสียงจากการได้รางวัล Oscar: Best Picture เรื่องแรกของโลก, ประจวบกับทศวรรษนั้น ธุรกิจสายการบินได้รับความนิยมสูงขึ้นเรื่อยๆ ที่จากทศวรรษก่อนใช้เฉพาะการสงคราม ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ต่อมาได้พัฒนากลายเป็นสายการบินพาณิชย์ ขนส่งผู้คนและพัสดุโดยสาร มีความสะดวกรวดเร็วมากขึ้น
เกร็ด: สายการบินพาณิชย์แรกของโลก คือ DELAG (Deutsche Luftschiffahrts-Aktiengesellschaft, หรือ German Airship Transportation Corporation Ltd) เป็นบริษัทลูกของ ผู้ผลิตเรือเหาะ Zeppelin (Ferdinand von Zeppelin) เปิดให้บริการครั้งแรก 16 พฤศจิกายน 1909 ปัจจุบันปิดกิจการไปแล้ว
เกร็ด2: สายการบินพาณิชย์เก่าแก่ที่สุด ที่ยังดำเนินกิจการอยู่ คือ เคแอลเอ็ม (KLM) สายการบินสัญชาติดัตช์ (KLM Royal Dutch Airlines) เปิดให้บริการครั้งแรก 7 ตุลาคม 1919
Howard Hughes เป็นทายาทมหาเศรษฐี ร่ำรวยจากการขุดเจาะน้ำมัน หลังจากพ่อเสียชีวิต ได้ทิ้งกองมรดกไว้มากมายมหาศาล ไม่รู้จะเอาเงินไปทำอะไร, ส่วนตัวชื่นชอบ หลงใหลในธุรกิจสายการบิน ตัวเขาเป็นวิศวกรอัจฉริยะที่ประดิษฐ์คิดค้น หาวิธีทำให้เครื่องบินมีขนาดเล็กลง ประหยัดเชื้อเพลิง เดินทางได้ไกลขึ้น และก่อตั้งบริษัท Hughes Aircraft Company, นอกจากนี้ยังมีความชื่นชอบในธุรกิจบันเทิง เริ่มต้นจากการเป็นโปรดิวเซอร์ ให้ทุนสร้างกับหนังอย่าง Everybody’s Acting (1927), Two Arabian Knights (1928) เรื่องนี้ผู้กำกับ Lewis Milestone สามารถคว้า Oscar: Best Director, The Racket (1928), The Front Page (1931), Scarface (1932) เรื่องนี้กำกับโดย Howard Hawks ฯ
สำหรับการกำกับภาพยนตร์ของ Hughes ทั้งชีวิตมี 2 เรื่องที่ถือเครดิตผู้กำกับ คือ Hell’s Angels (1930) และ The Outlaw (1943) ซึ่งทั้งสองเรื่อง เขาไม่ได้กำกับทั้งหมดนะครับ แค่บางส่วนเฉพาะที่ตนเองสนใจ แต่ไม่ยอมให้เครดิต Ghost Director ที่มาช่วยกำกับดราม่าของหนัง
แรงบันดาลใจของ Hell’s Angels ไม่ต้องบอกก็รู้ ว่าได้อิทธิพลมาจาก Wings (1927) พัฒนาบทโดย Harry Behn และ Howard Estabrook, สองพี่น้องเข้าเรียน Oxford ตกหลุมรักผู้หญิงคนเดียวกัน คนพี่ Roy (รับบทโดย James Hall) รักและเทิดทูนแฟนสาว Helen (รับบทโดย Jean Harlow) ตรงกันข้ามกับคนน้อง Monte (รับบทโดย Ben Lyon) เป็นคนเจ้าชู้ หว่านเสน่ห์สาวติดไปทั่ว เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1 มาถึง Roy สมัครเข้าเป็นทหารอาการ ส่วน Monte เพียงเพราะอยากได้รอยจูบจากสาว หลวมตัวกลายเป็นทหารไปอีกคนเช่นกัน
เรื่องราวของหนังไม่มีอะไรให้น่าพูดถึงเท่าไหร่ ถ้าคุณเคยดู The Aviator จะรู้ว่า ฝั่งดราม่าหาได้อยู่ในความสนใจของ Hughes แม้แต่น้อย ตอนยังเป็นหนังเงียบ มอบหมายให้ Marshall Neilan เป็นผู้กำกับ พอเปลี่ยนมาเป็นหนังพูด เปลี่ยนมาเป็น James Whale (ผู้กำกับ Frankenstein) สิ่งที่ Hughes สนใจกำกับมีแค่ฉากสู้รบกลางเวหา ที่ก็ไม่รู้กี่วันกี่เดือน สตั๊นท์นักบินกว่าร้อยคน ต้องขับเครื่องขึ้นไปบินฉวัดเฉวียน วันไหนไม่มีเมฆก็จบกันถ่ายไม่ได้ (สังเกตว่าฉากการต่อสู้ เครื่องบินต้องลอยเหนือเมฆตลอดเวลา)
ในบรรดา 3 นักแสดงนำ ผมขอพูดถึง Jean Harlow คนเดียวนะครับ อีกสองคนหลังจากหนังเรื่องนี้ ก็ไม่มีผลงานอะไรให้น่าพูดถึงอีก, Harlow ถือเป็นหนึ่งในนักแสดงหญิงที่ประสบความสำเร็จที่สุดใน hollywood (เริ่มต้นมีชื่อเสียงก็จากหนังเรื่องนี้แหละ) ทั้งๆที่ตัวจริงของเธอไม่ใช่นักแสดงที่มีฝีมืออะไร นอกจากความสวยสะพรั่ง เป็น Sex Symbol และผมสีบลอนด์อันโดดเด่น, ในหนังแทบทุกเรื่องของเธอ ไม่เคยที่จะ ‘แสดง’ อะไรออกมาเลย เพราะตัวจริงก็เป็นแบบที่เราเห็นในหนัง ถึงขนาดมีฉายาตั้งให้ว่า ‘Blond Bombshell’, ‘Platinum Blonde’ ที่ดังสุดก็ ‘Laughing Vamp’ ล้วนมีความหมายในเชิงประชดประชัน เสียดสีทั้งนั้น
เดิมนั้นนักแสดงที่รับบท Helen คือ Greta Nissen แต่ตอน Hughes ตัดสินใจเปลี่ยนโปรดักชั่นมาเป็นหนังพูด ทำให้ Nissen ไม่สามารถแสดงได้ จึงต้องถอนตัวออกไป (แต่ก็ได้รับค่าตัวนะ) แล้วเป็น Jean Harlow ที่ได้รับบทแทน
มีประโยคเด็ดของหนัง พูดโดยตัวละครของ Harlow ว่า ‘Would you be shocked if I put on something more comfortable?’ นี่เป็นประโยคที่คอหนังส่วนใหญ่จะจดจำได้ว่าเป็นคำพูดของเธอ แต่มักจำไม่ได้ว่ามาจากหนังเรื่องไหน (เพราะเรื่องอื่นๆ เธอก็จะรับบทคล้ายๆแบบนี้ เหมือนกันไปหมด)
ผลงานดังๆของ Harlow นอกจาก Hell’s Angels ยังมี Red Dust(1932), The Public Enemy (1931), Libeled Lady(1936), Suzy(1936) ฯ เธอเสียชีวิตจากโรคไตที่เป็นมาตั้งแต่เด็ก เมื่อปี 1937 ขณะมีอายุเพียง 26 ปี
ถ่ายภาพโดย Tony Gaudio และ Harry Perry, งานภาพส่วนใหญ่ของหนังจะเป็นภาพขาวดำ ฉากกลางคืนจะใช้ฟีล์มสีฟ้า/น้ำเงิน/ม่วง และมีฉากหนึ่งที่ถ่ายด้วยภาพสี Two-Color (สมัยนั้นมีเทคโนโลยีถ่ายภาพสีเกิดขึ้นสักพักแล้ว แต่ยังมีต้นทุนสูง และไม่เป็นที่แพร่หลาย)
รู้สึกว่า Hughes เลือกฉากที่ถ่ายด้วยภาพสีได้น่าจดจำมาก เป็นช็อตที่บันทึกภาพความน่ารักที่สุดของ Jean Harlow ไว้เลยละ (ขณะกำลังเย้ายั่วยวนสองหนุ่ม)
ฉากกลางเวหา 2 ฉากที่ต้องพูดถึงให้ได้
1) เรือบินลำใหญ่ (Airship) มีขณะค่อยๆเคลื่อนออกจากกลีบเมฆ และขณะเคลื่อนตัวหายเข้าไปในกลีบเมฆ เสียงเครื่องยนต์จะทำให้คุณรู้สึกถึงความมหาศาล ใหญ่โต อลังการ
2) ตอนทิ้งระเบิด ที่ใช้ภาพจากมุมสูง (Bird Eye View) ถ่ายให้เห็นขณะปล่อยระเบิดตกลงสู่พื้น
สำหรับฉากอื่นๆที่มีความตระการตา อาทิ ฉากการต่อสู้กลางเวหา ที่มีเครื่องบินรบหลายสิบลำเข้าร่วมรบ ช่วงแรกจะเป็นภาพ Long Shot เห็นเครื่องบินมาไกลๆ
กับภาพระยะใกล้ เป็น Medium Shot กล้องติดกับเครื่องบิน บางครั้ง Hughes จะนั่งอยู่ใน Cockpit ถ่ายภาพด้วยตนเอง
สำหรับเครื่องบินตกฉากนี้ คือที่มีคนเสียชีวิตจริงๆ ไม่ได้จัดฉาก
แต่จะมีฉากหนึ่งที่เครื่องบินของ Roy และ Monte ตกในช่วงท้าย ด้วยความที่ต้องถ่ายให้เห็นขณะโหม่งโลก ซึ่งถือว่าอันตรายมาก Hughes ลงทุนเสี่ยงขับเครื่องบินด้วยตัวเอง ผลลัพท์คือกระโหลกศีรษะร้าว นอนผ่าตัด อยู่โรงพยาบาลหลายวัน
แถมท้ายด้วยภาพข่าว สตั๊นท์นักขับเครื่องบินทั้งหมดที่แสดงในหนัง ลองนับดูเองนะครับว่าปริมาณเท่าไหร่
ตัดต่อโดย Douglass Biggs และ Frank Lawrence, เริ่มต้น/จบ แต่ละฉาก หนังใช้การเฟดเข้า-ออก เป็นการบอกให้ผู้ชมได้รู้ว่า จบเรื่องราวหนึ่งแล้ว กำลังขึ้นเรื่องใหม่ นี่เปรียบได้กับลมหายใจของหนัง และบางครั้งจะมี Title Card ปรากฎขึ้นเพื่อแนะนำสถานที่/เวลา อธิบายเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น บางครั้งจะใช้แปลภาษาเยอรมันเป็นอังกฤษด้วย
กับฉากการต่อสู้กลางเวหา ถือว่าเป็นไฮไลท์ของการตัดต่อ เพราะต้องใช้ความไวและเทคนิคการตัดด้วยความเร็ว เริ่มต้นจาก Long Shot เห็นเครื่องบินไล่จี้กันอยู่ (มุมมองบุคคลที่ 3) –> ลำหลังยิงปืน –> บริเวณที่ถูกยิง –> reaction ของคนที่ถูกยิง –> ภาพ Long Shot เห็นผลลัพท์จากการต่อสู้ (มุมมองบุคคลที่ 3) เช่นว่า สู้กันต่อ, เครื่องบินตก ฯ ต้องถือว่าการตัดต่อแบบนี้เปะมากๆ คือมีความต่อเนื่อง ลงตัวพอดี … แต่กับดูในสมัยปัจจุบัน แบบนี้จะไม่ค่อยรู้สึกตื่นเต้นเสียเท่าไหร่
หนังไม่มีเพลงประกอบ แต่เราจะได้ยินเสียงดนตรีตามผับบาร์ ปาร์ตี้ รวบรวม เรียบเรียง ประพันธ์โดย Hugo Riesenfeld, น่าเสียดายที่ผู้ชมสมัยใหม่ อาจไม่ค่อยมีโอกาสได้ฟังเพลงยุคแรกๆที่แต่งโดย Riesenfeld สักเท่าไหร่ เพราะโน๊ตเพลงส่วนใหญ่คงจะสูญหายไปแล้ว แต่หนังดังๆที่มีเครดิตเขาทำเพลงประกอบให้ อาทิ The Ten Commandments (1923), Sunrise (1927), The King of Kings (1927) ฯ เคยได้เข้าชิง Oscar: Best Score จากหนังเรื่อง Make a Wish (1938)
พูดถึงในส่วนเนื้อเรื่อง ใจความของหนังคือ การสร้างค่านิยมเสียสละเพื่อชาติ ระหว่างเพื่ออุดมการณ์ (Roy) กับตนเอง (Monte), เปรียบเทียบกับ ถ้าเป็นหญิงสาว ผู้ชายสามารถที่จะมีรักหลายใจได้ แต่กับประเทศชาติ ต้องรักเดียวใจเดียวไม่คิดเป็นอื่น อุดมการณ์สำคัญกว่าความสุขของตนเอง
กับการเสียสละชีพ ถือว่าเป็นอุดมการณ์ที่น่านับถือ แต่บางครั้งมันก็ไร้ค่าโดยสิ้นเชิง เหมือนการทิ้งดิ่งลงมาจากเรือบินของฝั่งเยอรมัน ที่สุดท้ายยานบินก็ไปไม่รอดแม้จะมีการเสียสละหลายสิบคน ผิดกับฝั่งอังกฤษที่แค่คนเดียว เครื่องบินลำเดียว พุ่งชน จบเห่, แบบนี้มองเป็นการชวนเชื่อได้ด้วย ว่าการเสียสละของฝ่ายอักษะ มีคุณค่ายิ่งใหญ่กว่าพวกเยอรมันหลายสิบหลายร้อยเท่า
สำหรับฉากตอนจบ เห็นว่าทีแรก Hughes ไม่ต้องการให้จบแบบนั้น คือต้องการให้พระเอกทั้งสองรอด แต่ Whale ก็อ้อนวอนจน Hughes ยอม ถือเป็นตอนจบแบบที่คาดไม่ถึงทีเดียว (ยืนยันแนวคิดของ Whale ที่ต้องการบอกว่า อุดมการณ์เพื่อส่วนรวม สำคัญกว่าเรื่องส่วนตัว)
Hughes ต้องการขายอะไรในหนังเรื่องนี้? ผมว่ามันก็ชัดอยู่นะ สมัยก่อนฉากแอ๊คชั่นพวกนี้ ต้องกับหนังทุนสร้างสูงๆเท่านั้น ผู้ชมเห็นก็จะอะดรีนาลีนพุ่งพล่าน ตื่นเต้นแบบไม่เคยพบเห็นมาก่อน นั่นทำให้ ถึงทุนสร้างจะสูงเกือบๆ $4 ล้านเหรียญ แต่ยังทำเงินได้ $8 ล้านเหรียญ ไม่ขาดทุนด้วยซ้ำ เพราะมันยิ่งใหญ่สมคำล่ำลือจริงๆ
หนังได้เข้าชิง Oscar 1 สาขา Best Cinematography แต่ไม่ได้รางวัล พ่ายให้กับหนังสารคดีเรื่อง With Byrd at the South Pole (1930)
ส่วนตัวค่อนข้างชอบหนังเรื่องนี้ ตื่นตาตื่นใจในความบ้าคลั่งอลังการ เพราะรู้ว่า สิ่งที่เห็นในหนังมันของจริงไม่ใช่ CG แต่ไม่มีอะไรประทับใจเป็นพิเศษ ผมหาวแล้วหาวอีกในฉากครึ่งชั่วโมงสุดท้าย คงเพราะกาลเวลาทำให้ความตื่นเต้นของหนังลดลงไป หลงเหลือเพียงความเก่าคลาสสิก แต่ยังถือว่าคุ้มค่ากับการได้รับชม
แนะนำกับคนชื่นชอบหนังแนวการบิน (Aircraft), สมัยสงครามโลกครั้งที่ 1, ภาพยนตร์อลังการงานสร้าง ทุนงบประมาณไม่อั้น แฟนหนัง Jean Harlow ไม่ควรพลาด
ปล. แนะนำให้ดู The Aviator (2004) มาก่อน จะเห็นและเข้าใจตัวตนของ Howard Hughes มากขึ้นขณะดูหนังเรื่องนี้
จัดเรต PG กับแนวคิดของการกระทำบางอย่างที่แฝงความชั่วร้าย และหนังมีคำหยาบอยู่หลายคำ แต่คนไทยคงไม่รู้สึกอะไรกระมัง
[…] 10. Hell’s Angels (1930) : Howard Hughes ♥♥♥♡ […]