Sword of the Stranger (2007) : Masahiro Andō ♥♥♥♥♡
น่าจะเป็นภาพยนตร์อนิเมชั่น แอ๊คชั่น ผจญภัย ซามูไรยุคสมัย Sengoku ที่มีความครบเครื่องกลมกล่อมระดับ Blockbuster ยอดเยี่ยมที่สุดถัดจาก Ninja Scroll (1993) การันตีความมันส์โดยสตูดิโอ BONES
japan, Japanese film
Sword of the Stranger (2007) : Masahiro Andō ♥♥♥♥♡
น่าจะเป็นภาพยนตร์อนิเมชั่น แอ๊คชั่น ผจญภัย ซามูไรยุคสมัย Sengoku ที่มีความครบเครื่องกลมกล่อมระดับ Blockbuster ยอดเยี่ยมที่สุดถัดจาก Ninja Scroll (1993) การันตีความมันส์โดยสตูดิโอ BONES
Steamboy (2004) : Katsuhiro Otomo ♥♥♡
อนิเมชั่นแนว Steampunk ตื่นตระการตาไปกับยุคสมัยปฏิวัติอุตสาหกรรม จัดเต็มด้วย Visual Effect สุดอลังการ แต่เนื้อเรื่องราวกลับเละเทะไม่เป็นชิ้นดี สิบปีโปรดักชั่นที่น่าผิดหวังทีเดียว
Memories (1995) : Kōji Morimoto, Tensai Okamura, Katsuhiro Otomo ♥♥♥♡
ความทรงจำแม้คือสิ่งล้ำเลอค่า แต่เราไม่ควรหมกมุ่นครุ่นยึดติดกับมันจนมิอาจก้าวไปไหน นี่สะท้อนเข้ากับประเทศญี่ปุ่นหลังสงครามโลกครั้งที่สอง อดีตเคยยิ่งใหญ่เกรียงไกร ปัจจุบันเมื่อเป็นผู้พ่ายแพ้ สมควรต้องยินยอมรับความจริงไม่ใช่หรือ?
Metropolis (2001) : Rintaro ♥♥♥
อ้าปากค้างไปกับภาพโลกอนาคต ตึกระฟ้า ผู้คนคาคลั่ง แต่ขณะเดียวกันกลับกลวงโบ๋ภายในจิตวิญญาณ, ดัดแปลงจากมังงะ Metropolis (1949) แต่งโดย Osamu Tezuka ที่ได้แรงบันดาลใจจากโคตรหนังเงียบ Metropolis (1927) ของผู้กำกับ Fritz Lang มาอีกทีหนึ่ง
Neo Tokyo (1987) : Rintaro, Yoshiaki Kawajiri, Katsuhiro Ōtomo ♥♥♥♥
สามเรื่องสั้นไซไฟ Surrealist จากสามผู้กำกับดัง Rintaro (Metropolis), Yoshiaki Kawajiri (Ninja Scroll, Vampire Hunter D: Bloodlust) และ Katsuhiro Ōtomo (Akira, Steamboy) นำเสนอมุมมองกรุงโตเกียวแห่งอนาคต ในลักษณะลุ่มลึกซึ้งเกินกว่าใครหลายๆคนจะเข้าใจ
Neon Genesis Evangelion (1995-96) : Hideaki Anno ♠♠♠♠♠
ผู้กำกับ Hideaki Anno เคยป่วยเป็นโรคซึมเศร้า เขาได้นำเอาประสบการณ์ตรงมาเป็นแนวความของอนิเมชั่นมาสเตอร์พีซ Neon Genesis Evangelion ถ้าโลกทั้งใบไม่มีอะไรสมควรค่าธำรงอยู่ ก็ทำลายมันเสียให้สิ้นซากวอดวาย
Harakiri (1962) : Masaki Kobayashi ♥♥♥♥♡
Seppuku หรือ Harakiri คือพิธีกรรมอย่างหนึ่งของซามูไร เมื่อมีเหตุให้ต้องสูญเสียเกียรติ ศักดิ์ศรี หรือไม่สามารถอดรนทนต่อบางสิ่งอย่างได้ จึงกระทำอัตวินิบาตกรรมด้วยการคว้านท้องไส้ แต่นั่นสมควรได้รับยกย่องเชิดชูสูงสุดจริงๆนะหรือ?, “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย”
Enjō (1958) : Kon Ichikawa ♥♥♥♥
ดัดแปลงจากนวนิยายอิงเหตุการณ์จริง The Temple of the Golden Pavilion (1956) แต่งโดย Yukio Mishima เรื่องราวของเด็กวัด พานพบเห็นการเปลี่ยนแปลงวิถีปฏิบัตินักบวชนิกายเซน ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สอง เลยตัดสินใจจุดไฟเผาวัดพลับพลาทอง ที่ได้รับการยกย่องเป็นสมบัติแห่งชาติ, “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย”
Mystery Train (1989) : Jim Jarmusch ♥♥♥
ภาพยนตร์ที่ได้รับการเปรียบเทียบดั่ง Cubism ร้อยเรียงสามเรื่องราวที่มีจุดร่วมคือ ยามค่ำคืน ณ Memphis, Tennessee (Beale Street) ความชื่นชอบ Elvis Presley และการเดินทางโดยรถไฟ
The Burmese Harp (1956) : Kon Ichikawa ♥♥♥♥♡
ทหารญี่ปุ่นนายหนึ่งเมื่อพบเห็นความเป็น-ตาย การสูญเสียอันไร้สาระช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ก็ไม่เชิงว่าออกบวชแต่ได้กลายเป็นพระสงฆ์ในประเทศพม่า ตัดสินใจไม่หวนกลับบ้าน ต้องการทำบางสิ่งอย่างให้สำเร็จลุล่วงเสียก่อน, “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย”
Tokyo Godfathers (2003) : Satoshi Kon ♥♥♥♥
มนุษย์ไร้บ้านสามคน พบเจอเด็กทารกน้อยถูกทอดทิ้งไว้ท่ามกลางกองขยะ นั่นไม่ใช่ภาระใดๆของพวกเขา แต่กลับพยายามหาหนทางส่งคืนกลับบ้าน สู่อ้อมอกครอบครัวแท้จริง, “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย”
Merry Christmas, Mr. Lawrence (1983) : Nagisa Oshima ♥♥♡
ท่ามกลางความแตกต่างตรงกันข้ามระหว่างวิถีชีวิต วัฒนธรรม ความเชื่อของ ญี่ปุ่น/ตะวันออก vs. อังกฤษ/ตะวันตก มีสิ่งหนึ่งที่เป็นภาษาสากล สามารถสร้างรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และความทรงจำสุดพิเศษ นั่นคือเทศกาลคริสต์มาสและสุขสันต์วันขึ้นปีใหม่
Battle Angel Alita (1993) : Hiroshi Fukutomi ♥♥♥♡
ท่ามกลางเศษซากกองขยะอันไร้ค่า ถูกทิ้งขว้างลงมาจากมหานครบนฟากฟ้า กลับพบเจอไซบอร์กสาว ผู้มีสติปัญญา สามารถ คิดอ่าน สมองเหมือนมนุษย์ ถือเป็นสิ่งงดงามเลิศล้ำ ‘เพชรในตม’ มูลค่ามากมายมหาศาล ยิ่งกว่าความเพ้อฝันทะเยอทะยานใดๆเสียอีก
An Autumn Afternoon (1962) : Yasujirō Ozu ♥♥♥♥♡
ผลงาน Masterpiece เรื่องสุดท้ายของปรมาจารย์ผู้กำกับ Yasujirō Ozu ชีวิตบั้นปลายยามบ่ายของพ่อ จำต้องหาทางส่งเสียลูกสาวให้ได้แต่งงานเป็นฝั่งฝา แม้หาใช่ความตั้งใจก็มิอาจหลบหลีกเลี่ยง เพราะเสี่ยงจะกลายเป็นเหมือนอาจารย์ ผู้มีลูกสาวขึ้นคานเป็นแบบอย่าง, “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย”
The End of Summer (1961) : Yasujirō Ozu ♥♥♥♡
หลังจากแม่เสีย พ่อเริ่มหวนกลับไปพบเจอชู้รักเก่า สร้างความว้าวุ่นวายใจให้กับลูกๆหลานๆ จะมาเสียแก่อะไรเอาตอนนี้! แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นวัยกำลังใกล้ลงโลง ไม่ใช่ว่าเราควรปล่อยให้ท่านได้ใช้ชีวิตบั้นปลายตามสุขใจอยากหรอกหรือ? ผลงานสุดท้ายของ Setsuko Hara ในหนังรองสุดท้ายของ Yasujirō Ozu คำพูดประโยคท้ายๆของเธอ ฟังแล้วใจน่าหายไม่น้อย
Equinox Flower (1958) : Yasujirō Ozu ♥♥♥♥
เกิดเป็นพ่อนั้นยากลำบาก สามารถแนะนำคนอื่นให้ได้แต่งงานครองรักกับบุคคลที่ใช่ แต่พอลูกสาวของตนเองแท้ๆ กลับหัวรั้นชนฝาไม่ยินยอมพร้อมใจ แล้วเรื่องวุ่นๆก็เกิดขึ้นใน ‘สไตล์ Ozu’ เมื่อคนรุ่นเก่าต้องศิโรราบต่อโลกยุคสมัยใหม่, “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย”
The Ballad of Narayama (1958) : Keisuke Kinoshita ♥♥♥♥♡
ณ ชนบทห่างไกลของญี่ปุ่นสมัยก่อนมีประเพณีความเชื่อที่ว่า ผู้สูงวัยอายุเกิน 70 ปี จักต้องออกเดินทางมุ่งสู่เทือกเขา Narayama เพื่อมิให้เป็นภาระลูกหลาน ความใฝ่ฝันหญิงชรารับบทโดย Kinuyo Tanaka สถานที่แห่งนั้นมีอะไรเฝ้ารอคอยเธออยู่? นำเสนอด้วยไดเรคชั่นคล้ายๆ Kabuki (มีชื่อเรียกว่า Jōruri) งดงาม เชื่องช้า แฝงปรัชญาลุ่มลึกล้ำ, “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย”
One Cut of the Dead (2017) : Shinichiro Ueda ♥♥♥♥♡
เมื่อซอมบี้แปรสภาพกลายเป็นสถานะคนทำงานเบื้องหลัง ใช้ขวานเป็นอาวุธเพื่อไล่ Cut! วิธีการเดียวเท่านั้นคืออย่าปล่อยให้เชือกรองเท้าหลุด (ฟิวส์ขาด) เพราะเมื่อไหร่ทุกสิ่งอย่างสำเร็จเสร็จสิ้น รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ หยาดเหงื่อ คราบน้ำตา มนต์เสน่ห์แห่งวงการภาพยนตร์ จักทำให้คุณอยากหยิบกล้อง/มือถือ ไล่ถ่ายโน่นนี่นั่นไปจนถึงวันโลกล่มสลาย
Royal Space Force: The Wings of Honnêamise (1987) : Hiroyuki Yamaga ♥♥♥♡
ณ ดาวเคราะห์สมมติ ประเทศชื่อ Honnêamise ตั้งคำถามถึงการสร้างกระสวยอวกาศ งบประมาณมากมายนำไปช่วยเหลือผู้คนได้มหาศาล แถมยังเป็นชนวนสาเหตุให้เกิดสงครามขัดแย้ง เฉกเช่นนั้นแล้วมันมีความจำเป็นอะไรที่มนุษยชาติต้องดิ้นรนออกนอกวิถีวงโคจรโลก?, อนิเมชั่นเรื่องแรกของสตูดิโอ Gainax ออกแบบตัวละครโดย Hideaki Anno และเพลงประกอบของ Ryuichi Sakamoto
Cleopatra (1970) : Osamu Tezuka, Eiichi Yamamoto ♥♥♡
เรื่องที่สองของ Animerama ครานี้ย้อนเวลาไปยุคสมัย Egypt เมื่อราชินี Cleopatra ใช้มารยาเสน่ห์ยั่วเย้า Julius Caesar และ Marcus Antonius ให้ได้มาครอบครองเป็นเจ้าของ แต่เพราะความติสต์สติแตก Avant-Garde มากเกินไปของ Osamu Tezuka ฉากเจ๋งๆมีเยอะ แต่รวมๆแล้วคลุกเคล้าไม่ลงตัวสักเท่าไหร่