
ชุมชนชาวยิวช่วงปลายศตวรรษที่ 16th ด้วยความหวาดกลัวการกวาดล้างเชื้อชาติพันธุ์ของจักรวรรดิโรมัน จีงกระทำการชุบชีวิต The Golem มนุษย์ดินปั้นที่มีพละกำลัง ความแข็งแกร่งเหนือมนุษย์ แต่เจ้าสิ่งนี้ไม่เพียงสร้างคุณานุคุณ ยังบังก่อเกิดหายนะร้ายแรง, ภาพยนตร์ที่ถือเป็น ‘Landmark’ แห่งยุคสมัย German Expressionism

Shanghai Express (1932) : Josef von Sternberg ♥♥♥♥♡
ขึ้นรถไฟสาย Shanghai Express ผ่านสมรภูมิสงครามกลางเมืองจีน (1927 – 1936) เพื่อพิสูจน์หาคุณค่าความรักของ Marlene Dietrich ยินยอมเสียสละตนเองเพื่อคนที่ตนหลงใหล อาบฉาบหน้าด้วยการจัดแสง Butterfly Lighting งดงามที่สุดแล้วในภาพยนตร์ของ Josef von Sternberg

The Blue Angel (1930) : Josef von Sternberg ♥♥♥♡
หนังพูดเรื่องแรกของประเทศเยอรมัน แจ้งเกิด Marlene Dietrich ด้วยการเป็นนักเต้นยั่วโชว์เรียวสุดเซ็กซี่ ทำให้อาจารย์ผู้หัวโบราณคร่ำครึ Emil Jannings หลงใหลในเสน่ห์จนลาออกมาขอแต่งงาน แต่ภายหลังก็ได้พบความน่าอับอายขายหน้าแทรกแผ่นดินหนี เกิดเป็น Tragicomedy ที่ผู้ชมสมัยนี้อาจไม่ค่อยขำสักเท่าไหร่

The Nightmare Before Christmas (1993) : Henry Selick ♥♥♥♥
ภาพยนตร์อนิเมชั่น Stop-Motion เรื่องที่น่าจะโด่งดังสุดในโลก มักออกฉายซ้ำทุกๆ Halloween ดัดแปลงจากบทกวีของ Tim Burton แต่เพราะติดสัญญาต้องกำกับ Batman Returns (1992) จึงมอบหมายให้เพื่อนสนิท Henry Selick สานต่องานแทน ด้วยสไตล์ German Expressionism เด็กๆอาจฝันร้าย ส่วนผู้ใหญ่จะอึ้งทึ่งกับความงามทางศิลปะ, “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย”

The Man Who Laughs (1928) : Paul Leni ♥♥♥♥♡
มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่สามารถแสดงออกได้หลากหลายอารมณ์ ยิ้มร่า หัวเราะ ร้องไห้ ซึมเศร้า ทุกข์โศก ฯ แต่ถ้าคุณถููกทำให้ไม่ว่าอารมณ์ไหนสามารถแสดงออกได้เพียงแค่ยิ้มอย่างเดียว นี่มันไม่ใช่เรื่องน่าหัวร่อแม้แต่น้อย, หนังเงียบ Masterpiece เรื่องสุดท้ายของ German Expressionist ดัดแปลงจากนิยายของ Victor Hugo นำแสดงโดย Conrad Veidt ในภาพลักษณ์ The Laughing Man ได้กลายเป็นต้นกำเนิดรอยยิ้มกว้างของ The Joker ตัวร้ายตลอดกาลของ Batman, “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย”

Destiny (1921) : Fritz Lang ♡
ถึงความรักจะยิ่งใหญ่เหนือทุกสิ่ง แต่จักไม่สามารถเปลี่ยนแปลง’โชคชะตา’ฟ้าดินได้, นี่คือผลงาน Masterpiece เรื่องแรกของปรมาจารย์ผู้กำกับ Fritz Lang ที่พยายามใช้ความรักเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของสาธารณรัฐไวมาร์ (ชื่อเรียกประเทศเยอรมนีขณะนั้น) ไม่ต้องการให้เหตุการณ์แบบสงครามโลกครั้งที่ 1 หวนกลับคืนย้อนมาเกิดขึ้นซ้ำอีก แต่สุดท้ายมันอยู่กับฟ้าดินจะบันดาล เพราะถ้าสงครามโลกครั้งที่ 2 จะเกิดยังไงก็ต้องเกิด

The Night of the Hunter (1955) : Charles Laughton ♥♥♥♥♡
Charles Laughton ทั้งชีวิตกำกับหนังแค่เรื่องเดียว ตอนฉายล้มเหลวทั้งคำวิจารณ์และรายได้ แต่ 40 ปีให้หลัง ได้รับการยกย่องว่าเป็น Masterpiece, The Night of the Hunter คือนิทานก่อนนอนชั้นเลิศ สอนเด็กๆได้สาระ สอนผู้ใหญ่ได้ปัญญา สะท้อนเรื่องราวทางสังคมได้ทุกระดับ, “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย”

The Scarlet Empress (1934) hollywood : Josef von Sternberg ♥♥♥♡
หนัง Expressionist สุดประหลาดของผู้กำกับ Josef von Sternberg กับเรื่องราวกึ่งชีวประวัติของ จักรพรรดินีแคทเธอรีนที่ 2 แห่งรัสเซีย (Catherine the Great) ตั้งแต่แต่งงานจนขึ้นครองราชย์สมบัติ ปกครองจักรวรรดิรัสเซียทั้งหมดในศตวรรษที่ 18 นำแสดงโดย Marlene Dietrich

Frankenstein (1931) United State : James Whale ♥♥♥◊
ใน Frankenstein มีฉากหนึ่งที่เด็กหญิงสอนให้ชายแปลกหน้าโยนดอกไม้ลงในทะเลสาบ ดอกไม้นั้นลอยน้ำได้ ด้วยความเข้าใจที่ว่าถ้าโยนเด็กหญิงคนนั้นลงไปเธอก็น่าจะลอยได้เช่นกัน โชคร้ายที่มันไม่เป็นแบบนั้น แม้ไม่ใช่ความตั้งใจที่จะทำร้ายเด็กหญิง แต่ผลลัพท์ที่เกิดขึ้นทำให้เขาก็ถูกตราหน้าว่าเป็นสัตว์ประหลาด