
A raremeat.blog Odyssey
เดินทางมาครบสิบปี ก็ถึงเวลาที่ raremeat.blog จะออกท่องจักรวาล หลังจากนี้บอกไม่ได้ว่าจะมีเรี่ยวแรงกาย-ใจอีกนานสักเพียงไหน เหนื่อยก็พัก เบื่อก็หยุด ทุกงานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา
แผนการดั้งเดิมของ raremeat.blog อารมณ์คล้ายๆกับ Quentin Tarantino บอกว่าจะสร้างภาพยนตร์ทั้งหมดสิบเรื่อง ผมก็กำหนดระยะทำบล็อคนี้ไว้ประมาณสิบปี แต่ช่วงเวลาดังกล่าวชีวิตพานผ่านความเปลี่ยนแปลงมากมาย บางวันขี้เกียจ บางวันขยันขันแข็ง บางวันหมดไฟ บางวันพายุสุริยะถาโถมเข้าใส่
ผมพยายามสำรวจตัวเองอยู่เรื่อยๆว่ายังเขียนไหวไหม? ยังอยากทำบล็อคนี้ต่อไปหรือเปล่า? หนึ่งทศวรรษมันช่างเยิ่นยาวนาน ถึงเวลาเปลี่ยนไปทำอะไรอย่างอื่นได้แล้วหรือยัง? ใจหนึ่งก็มีโปรเจคอยากทำโน่นนี่นั่น แต่อีกใจหนึ่งมันมีหนังอีกหลายเรื่องที่ยังอยากเขียนถึง ตกอยู่ในความกล้ำกลืน สรุปแล้วยังฝืนใจตนเองไม่ได้ เลยให้เวลากับบล็อคนี้อีกสักหน่อยก็แล้วกัน
ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาผมมีความเพลิดเพลินกับการสร้างรูป (AI Image Generation) เท่าที่ลองใช้มาหลายๆแห่งพบว่าดีสุดตอนนี้คือ Google AI Studio อย่างรูปหน้าปกบทความนี้ก็ใช้ AI ขยับขยายจากภาพเดิม (สังเกตว่ามันจะมีรูปเพชรอยู่มุมขวาล่าง บางทีผมขี้เกียจลบก็ปล่อยทิ้งไว้อย่างนั้นแหละ) ประทับใจมากๆคือลองบูรณะโปสเตอร์หนังเก่าๆ ยกตัวอย่าง What Made Her Do It? (1930), Our Neighbor, Miss Yae (1934) ฯ




ผมคงไม่ลงรายละเอียดถึงขั้นว่าใช้ Prompt อะไร? เพราะมันมีการลองผิดลองถูกอยู่หลายรอบกว่าจะได้ผลลัพท์ออกมาน่าพึงพอใจ ซึ่งการทำเช่นนี้มีความง่าย รวดเร็ว ไม่ต้องใช้ความรู้อะไรเลยด้วยซ้ำ (แนวโน้ม Photoshop อาจจะตกกระแป๋งในไม่ช้า) และที่สำคัญคือยังฟรี … ก็ไม่รู้จะฟรีได้อีกนานเท่าไหร่
นั่นชวนให้ผมครุ่นคิดต่อยอดไปถึงภาพเคลื่อนไหว Flow, Sora ฯ ไม่ใช่แค่สร้างหนังเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการบูรณะหนังเก่าๆ “Digital Restoration” ก็น่าจะใช้ AI มาเป็นตัวช่วยสักพักแล้วกระมัง, รวมถึง VFX แบบที่ Godzilla Minus One (2023) ใช้พนักงานเพียงสิบกว่าคนร่วมกับ AI ช่วยสร้างเทคนิคพิเศษ แล้วสามารถคว้ารางวัล Oscar: Best Visual Effect นั่นถือเป็นการปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์ (Landscape) ของวงการภาพยนตร์ไปโดยสิ้นเชิง!
เทคโนโลยี Artificial intelligence ได้พัฒนามาจนเข้ามามีบทบาทกับวงการภาพยนตร์เต็มตัว สามารถเขียนบท, เป็นนักแสดง, เทคนิคพิเศษ, หรือจะสร้างภาพยนตร์ทั้งเรื่องเลยก็ยังได้! ปรากฎการณ์ดังกล่าวกำลังสร้างความตื่นตระหนกให้คนในวงการ เริ่มมีกลุ่มคนออกมาต่อต้าน AI แต่ทั้งหมดทั้งมวลล้วนกลัวการถูกแย่งงาน! พยายามทำบางสิ่งอย่างเพื่อแบ่งแยก กีดกัด สร้างกำแพง Mexico/Cambodia ขึ้นมาขวางกั้น
มันผิดอะไรจะมีนักแสดง AI? ผิดอะไรจะเขียนบทด้วย AI? เทคนิคพิเศษ AI? หรือภาพยนตร์ทั้งเรื่องสร้างโดย AI? นี่มันเหมือนเรากำลังย้อนเวลากลับสู่ยุคสมัยสารพัด New Wave ที่บรรดาผู้กำกับรุ่นใหม่พยายามนำเสนอสิ่งกลับตารปัตรตรงกันข้ามกับขนบวิถี ธรรมเนียมภาพยนตร์ยุคก่อน สรรหาข้ออ้างมันไม่ของจริง (authentic) ศิลปะจากความคิดของมนุษย์ บลา บลา บลา แน่นอนว่าช่วงแรกๆย่อมไม่มีใครอยากให้การยินยอมรับ แต่ท้ายที่สุดแล้วก็มิอาจต่อต้านทานความเปลี่ยนแปลงทางกาลเวลา
คนใช้ AI ไม่เคยออกมาบ่น คนออกมาบ่นคือคนไม่เคยใช้ AI, ส่วนตัวก็ใช้ ChatGPT, Bard, Grok ในการช่วยเขียนบทความวิจารณ์มาเป็นปีๆแล้วนะครับ แต่ไม่ใช่ออกคำสั่ง “จงเขียนบทความวิจารณ์ 2001: A Space Odyssey (1968) ด้วยสไตล์การเขียนของ raremeat.blog” ผมลองแล้วรู้สึกว่าแม้งเพี้ยนเกิ้น (AI Hallucination) ยังเต็มไปด้วยข้อจำกัดมากมาย แบบเดียวกับ HAL 9000 เทคโนโลยีไม่มีวันสมบูรณ์แบบ! ต้องผ่านการตรวจสอบ กลั่นกรองค่อนข้างเยอะ ขึ้นอยู่กับผู้ใช้จะรู้จักแสวงหาประโยชน์จากมันอย่างไรเสียมากกว่า
แซว: ผมลองให้ AI Bard (ปัจจุบันเปลี่ยนมาเป็น Gemini) เขียนบทความแบบ raremeat.blog ความยาวสามสิบย่อหน้า มันขึ้นข้อความย่อหน้าแรก “ขออภัยครับ!” ตามด้วย “การเขียนบทความวิจารณ์ที่มีความยาวถึง 30 ย่อหน้า นั้นเป็นความยาวที่ผิดปกติมากสำหรับรูปแบบบทความบล็อกทั่วไป และจะเกินขีดจำกัดที่เหมาะสมสำหรับการสร้างสรรค์เนื้อหาในฐานะ AI อย่างมาก โดยปกติแล้วบทความรีวิวหนังบนบล็อกมักจะมีความยาวที่กระชับและเน้นประเด็นสำคัญมากกว่า” … รู้สึกกระอักเลือดขึ้นในบัดดล
หลายคนน่าจะเริ่มสังเกตความเปลี่ยนแปลงของ raremeat.blog ผมได้ทำการสังคายนา ลบหลายๆสิ่งอย่างที่ไม่มีคนอ่านออกไป หมวดหมู่เกมคงไม่ได้เขียนแล้ว หมวดหมู่เพลงว่าจะย้ายไปบล็อคใหม่ ส่วนแนะนำหนังเหลือแค่ “หนังเรื่องโปรด” กับ “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย” และตรง Professional List ยังไม่มีเวลาปรับปรุงแก้ไข
ต่อจากนี้จะไม่มีหวนกลับไปแก้ไขบทความเก่าแล้วนะครับ เพราะผมเพิ่งค้นพบว่าเวลา Backup แล้วไป Import ในเว็บสำรอง มันไม่อัพเดทบทความเก่าให้ (คือมันเอาแต่บทความใหม่ใส่ให้อย่างเดียว) เริ่มจากเดือนนี้เวลาจะเขียนถึงบทความเก่าๆ ก็จะใช้วิธีการตีพิมพ์บทความใหม่ ไม่ต้องคอยสอดส่อง เสียเวลาค้นหาอีกต่อไป!
ส่วนการอัพเดท Theme มันมีปัญหาคือระบบเก่าเกินไป php อัพเดทไม่ได้ (พอเปลี่ยนรุ่น 7.xx เป็น 8.xx ก็เหมือนเปลี่ยนจาก Windows 10 มาเป็น Windows 11 คือมันต้องปรับปรุงทั้งเซฟเวอร์ ฐานข้อมูล ฯ) แล้วธีมใหม่ๆ ปลั๊กอินใหม่ๆ มันก็ไม่รองรับระบบเก่าแล้ว สุดท้ายเลยจำยินยอมแค่เปลี่ยนสี พื้นหลัง ตัวอักษรนิดๆหน่อยๆ ได้แค่นั้น!
สิ่งหนึ่งที่ครุ่นคิดมานานว่าจะตัดทิ้งก็คือการให้คะแนน เพราะหนังที่เขียนส่วนใหญ่ผ่านการคัดเลือกสรร คุณภาพค่อนข้างดีอยู่แล้ว (คะแนนมันเลยเทอยู่ มาสเตอร์พีซ-ยอดเยี่ยม-พอใช้ได้) มันมีประโยชน์อะไรจะตัดเกรดหนังระดับนั้นอีก? เฉกเช่นเดียวกับความชื่นชอบส่วนตัว อ่านจากบทความก็น่าจะบอกได้ว่าชื่นชอบอะไรยังไง ใครอยากรู้คะแนนก็เข้าไปส่องใน LetterboxD เอาแล้วกัน … บล็อคนี้มันออกไปทางวิเคราะห์ มากกว่าจะวิจารณ์นะครับ การตัดเกรดมันเลยรู้สึกไม่ค่อยสมเหตุสมผลสักเท่าไหร่
ผมเคยตั้งใจจะหวนกลับมาปรับปรุง 2001: A Space Odyssey (1968) เมื่อตอนครบ 2,000 บทความ แต่หลังจากความเร็วในการเขียนลดน้อยลงกว่าเท่าตัว เลยเลือกโอกาสครบรอบสิบปีนี้ก็แล้วกัน และทีแรกตั้งใจว่าจะเลือกหนังของผู้กำกับ Stanley Kubrick มาเขียนต่ออีกสักสองสามเรื่อง ไปๆมาๆกัดฟันตัดสินใจปรับปรุงบทความทั้งหมดใหม่เลยดีกว่า! ไม่ค่อยแน่ใจว่าสิ้นปีจะเสร็จไหม (ตั้งแต่ปีนี้จะเริ่มมีบทความละ 4-5 วันแล้วนะครับ) ใครรอหนังเข้าฉาย House Samyan ก็คงข้ามปีไปเลย
ทิ้งท้ายกับโปรแกรมปีหน้า รู้สึกว่าไม่ได้เขียนถึงหนังอิตาเลียนมาสักพักใหญ่ๆ เล็งๆเอาไว้ Roberto Rossellini, Michelangelo Antonioni และ Luchino Visconti รอดูว่าเมื่อไหร่ มากน้อยแค่ไหน
15-Nov-2025
Leave a Reply