Volver

Volver (2006) Spainish : Pedro Almodóvar ♥♥♥♥

(10/6/2025) Volver ภาษา Spanish แปลว่า To Return, นำเสนอการเดินทางกลับบ้าน หวนกลับหารากเหง้าของผู้กำกับ Pedro Almodóvar และนักแสดงนำ Penélope Cruz เพื่อสะสางปมปัญหา รักษาบาดแผลทางใจ สิ่งชั่วร้ายที่อดีตผู้นำเผด็จการ Francisco Franco ทอดทิ้งไว้ให้คนรุ่นหลัง, “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย”

Maybe it should have been called All About My Mother Part 2! In fact, my mother is present in the whole movie. More even here than in All About My Mother.

Pedro Almodóvar

นี่อาจเพียงคำพูดติดตลกของผกก. Almodóvar แต่มาครุ่นคิดดูก็น่าจะจริงอยู่ Volver (2006) เป็นภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับมารดา ใครๆต่างครุ่นคิดว่าเธอตายจากไปเมื่อหลายปีก่อน แล้วจู่ๆปรากฎตัว หวนกลับมาบ้าน ทำให้ลูกๆหลานๆมีโอกาสพบเจอ พูดคุย สะสางปัญหาติดค้างคาใจ น่าจะใกล้ตัวใกล้หัวใจมากกว่า All About My Mother (1999) ด้วยซ้ำไป!

หนังเรื่องนี้ไม่ใช่แค่ผกก. Almodóvar หวนกลับบ้านเก่า ถ่ายทำยัง La Mancha เคยพักอยู่อาศัยในช่วงวัยเด็ก แต่ยังเชื้อเชิญ ‘Almodóvar Girl’ อดีตนักแสดงขาประจำคนแรก Carmen Maura เคยมีความขัดแย้งรุนแรงตอนถ่ายทำ Women on the Verge of a Nervous Breakdown (1988) ถึงขนาดปฏิเสธพูดคุยกันสิบกว่าปี เมื่อกาลเวลาเคลื่อนพานผ่าน ปัญหาตอนนั้นค่อยๆลืมเลือนลาง แสดงความต้องการหวนกลับมาร่วมงาน รื้อฟื้นความสัมพันธ์ … ผมรู้สึกว่าการได้พบเห็น Carmen Maura สามารถสะสางปัญหาคาใจกับผกก. Almodóvar หวนกลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง ทำให้หนังมีความงดงาม ทรงคุณค่า ยิ่งใหญ่กว่าการอ้างอิงถึงอดีตผู้นำเผด็จการ Francisco Franco ทอดทิ้งบาดแผลทางใจ เสียอีกนะ!

อีกหนึ่งในไฮไลท์ของหนังก็คือ Penélope Cruz แต่งองค์ทรงเครื่องย้อนยุค 50s-60s เสื้อผ้าหน้าผมอ้างอิงจากนักแสดงอิตาเลียนระดับตำนานอย่าง Sophia Loren, Claudia Cardinale และโดยเฉพาะ Anna Magnani ซึ่งผกก. Almodóvar ให้คำนิยามพวกเธอเหล่านี้ว่า “maggiorate” หญิงสาวผู้แบกภาระชีวิต ครอบครัว รวมถึงโลกทั้งใบ หน้าอกอึ๋มๆ บั้นท้ายใหญ่ๆ MILF มาตรฐานความงามของผู้หญิงยุคสมัยนั้น … Cruz คือนักแสดงร่างเล็ก ตัวกระเปี๊ยก ใหญ่ได้เพราะยัดเท่านั้นแล

It’s true that the only false thing in Penélope Cruz in this film is her arse! We had to make her behind bigger. First of all, my reference for the character was the Italian movies of the ’50s, where women tended to be plump. So giving her a bigger bottom gave you the impression that she was a woman closer to the Earth. I wanted to change her way of walking. Penélope has done ballet when she was younger and that gave her a very gracious and light way of walking. I wanted her to have more weight, so you could feel the sense of gravity attaching her to the Earth. Another idea for that was she’s a very strong woman – the character she plays is a fighter. She never gives up. And she’s also a mother. So for me, the idea of motherhood, the symbol of motherhood, would be Anna Magnani in Bellissima.

เกร็ด: โปสเตอร์หนังออกแบบโดย Juan Gatti นักแสดงนำ Penélope Cruz รายล้อมรอบด้วยดอกไม้ ลวดลายสไตล์ Vintage แต่สีสันอันจัดจ้านโดยเฉพาะดอกคาร์เนชั่นแดง (ดอกไม้ประจำชาติ Spain)


Pedro Almodóvar Caballero (เกิดปี ค.ศ. 1949) ผู้กำกับภาพยนตร์ สัญชาติ Spanish เกิดที่ Calzada de Calatrava หมู่บ้านชนบทเล็กๆในจังหวัด Ciudad Real, ตอนอายุ 8 ขวบ ครอบครัวส่งไปโรงเรียนสอนศาสนายังเมือง Cáceres, Extremadura (ทางตะวันตกของสเปน) แต่วันๆกลับแวะเวียนเข้าโรงหนัง ได้อิทธิพลเต็มๆจากผลงานของ Luis Buñuel

Cinema became my real education, much more than the one I received from the priest.

Pedro Almodóvar

ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1967, Almodóvar หนีออกจากบ้านไปอยู่กรุง Madrid วาดฝันอยากเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ แต่ผู้นำเผด็จการ Francisco Franco สั่งห้ามทุกสิ่งอย่าง! เลยต้องศึกษาร่ำเรียนด้วยตนเอง (Self-Taught) รับจ้างทำงานสารพัด ขายของตลาดนัด เขียนบทความ/เรื่องสั้นลงนิตยสารต่างๆ เก็บหอมรอมริดจนสามารถซื้อกล้อง Super 8 ถ่ายทำหนังสั้นนับสิบๆเรื่องร่วมกับคณะการแสดง Los Goliardos, กำกับภาพยนตร์ขนาดยาวเรื่องแรก Pepi, Luci, Bom and Other Girls on the Heap (1980)

สำหรับ Volver (2006) มีจุดเริ่มต้นจากระหว่างถ่ายทำ The Flower of My Secret (1997) ได้ยินเรื่องเล่าจากเพื่อนนักแสดง Marisa Paredes เกี่ยวกับชายชาว Puerto Rico ถูกภรรยาทอดทิ้ง เลยครุ่นคิดฆ่าแม่สะใภ้เพื่อให้เธอหวนกลับมางานศพ แล้วมีโอกาสพูดคุยปรับความเข้าใจ

The idea came as I was shooting The Flower of My Secret, another film set in La Mancha. It was one of the stories Marisa Paredes told, something I had read that took place in Puerto Rico. It was about man whose wife left him and he could not longer communicate with her. So he thought that a sure way to see her again was to kill his mother-in-law. His wife would attend the funeral and he could tell her how much he loved and missed her.

Pedro Almodóvar

ผกก. Almodóvar ชื่นชอบเรื่องราวนี้เป็นอย่างมากๆ ถึงขนาดนำมาแทรกใส่เข้าไปในบทหนัง The Flower of My Secret (1995) ทำออกมาในลักษณะหนังซ้อนหนัง (film within film)

หลายปีถัดมาก็นำเอาเรื่องราวดังกล่าวมาเป็นจุดตั้งต้นของ Volver (2006) ชายชาว Puerto Rican เป็นเจ้าของร้านอาหาร ก่อนจะออกเดินทางไปฆาตกรรมแม่สะใภ้ ฝากร้านไว้กับเพื่อนบ้าน ซึ่งเธอคนนั้นก็คือ Raimunda … แต่เมื่อพัฒนาบทไปเรื่อยๆ ความสำคัญของชายชาว Puerto Rican ก็ค่อยๆเลือนหายไป กลายเป็นแค่ตัวประกอบเล็กๆ แทบไม่หลงเหลือความสำคัญใดๆ

This character, who appears briefly in the film, owns a restaurant that he leaves in his neighbour’s care when he is about to kill his mother-in-law. That neighbour was Raimunda. As she was the starting point of the story, I though that in order to make her interesting she would need to have a big problem. I decided she would also have to deal with death. I am not sure if the man from Puerto Rico killed his wife’s mother, but that was where the idea for the film came from.

ในตอนแรกผกก. Almodóvar ตั้งใจจะพัฒนาบทหนังแนว Comedy เกี่ยวกับเพื่อนบ้านในกรุง Madrid แต่ไปๆมาๆครุ่นคิดออกเดินทางหวนกลับบ้านเก่า La Mancha นึกถึงเรื่องเล่าวิญญาณคนตาย กลายมาเป็นความสัมพันธ์ระหว่างบุตรสาวกับมารดาผู้ล่วงลับ (สะท้อนถึงตัวของ Almodóvar สูญเสียมารดาไปเมื่อปี ค.ศ. 1999)

At the beginning, the movie was more a comedy about this neighbourhood in Madrid. But when I wrote the ghost’s first appearance, I thought this was the story that I was looking for. The character of the ghost started to devour all the rest, converting the central theme of the movie into that of the relationship between the mother and her daughter. 


เรื่องราวของ Raimunda (รับบทโดย Penélope Cruz) แต่งงานอยู่กินกับ Paco (รับบทโดย Antonio de la Torre) และมีบุตรสาว Paula (รับบทโดย Yohana Cobo) วันหนึ่งสามีตกงาน พยายามจะข่มขืนบุตรสาว เธอป้องกันตัวด้วยการใช้มีดทิ่มแทงจนเสียชีวิต มารดาพยายามทำทุกสิ่งอย่างเพื่อปกป้องลูกน้อยของตนเอง

ในวันเดียวกันนั้น Soledad (รับบทโดย Lola Dueñas) น้องสาวของ Raimunda ได้รับแจ้งว่าคุณป้า Aunt Paula (รับบทโดย Chus Lampreave) เพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงที่เพิ่งเดินทางไปเยี่ยมเยียนเมื่อไม่กี่วันก่อน ณ Alcanfor, La Mancha พลันด่วนเสียชีวิต! Raimunda ไม่สะดวกจะไปร่วมงานศพ Soledad จึงออกเดินทางไปคนเดียว รับฟังเรื่องเล่าเพื่อนบ้านว่าเคยพบเห็นวิญญาณมารดาของเธอ เชื่อกันว่าตายไปเมื่อหลายปีก่อน เหมือนยังไม่ไปผุดไปเกิดเสียที

แล้วพอเดินทางกลับมาถึง Madrid ปรากฎว่ามารดาตัวเป็นๆ Irene Trujillo (รับบทโดย Carmen Maura) แอบซ่อนตัวอยู่ท้ายรถ ขออาศัยอยู่ร่วมกับบุตรสาว Soledad และพยายามหลบซ่อนตัวจาก Raimunda เพราะความขัดแย้งจากอดีต ยังไม่กล้าเผชิญหน้า กลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่ให้การยินยอมรับ


Penélope Cruz Sánchez (เกิดปี ค.ศ. 1974) นักแสดง โมเดลลิ่ง สัญชาติ Spanish เกิดที่ Alcobendas, Madrid อาศัยอยู่กับคุณยายในอพาร์ทเม้นท์ ตั้งแต่เด็กฝึกฝนเต้นบัลเล่ต์อยู่เก้าปี กระทั่งมีโอกาสรับชม Tie Me Up! Tie Me Down! (1990) ของผู้กำกับ Pedro Almodóvar เปลี่ยนความตั้งใจมาสู่แวดวงการแสดงตั้งแต่นั้น, ตั้งแต่อายุ 15 เริ่มรับงานแสดง Music Video, พิธีกรรายการเด็ก, ถ่ายแบบโมเดลลิ่ง, ภาพยนตร์เรื่องแรก Jamón, jamón (1992) ประกบคู่กับว่าที่สามี Javier Bardem แจ้งเกิดโด่งดังกลายเป็น ‘Sex Symbol’ โดยพลัด, ตามด้วย Belle Epoque (1992), Open Your Eyes (1997), และมีโอกาสร่วมงานผกก. Almodóvar ตั้งแต่ Live Flesh (1997), All About my Mother (1999), โกอินเตอร์ Vanilla Sky (2001), Volver (2006), Vicky Cristina Barcelona (2008) **คว้ารางวัล Oscar: Best Supporting Actress, Broken Embraces (2009), Nine (2009), Pirates of the Caribbean: On Stranger Tides (2011), Parallel Mothers (2021) ฯ

รับบท Raimunda หลังรับรู้ว่าตนเองตั้งครรภ์ ตัดสินใจแต่งงานกับ Paco แล้วออกเดินทางสู่กรุง Madrid เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ ทำงานพนักงานสนามบิน (สื่อถึงการโหยหาอิสรภาพชีวิต) แต่หลังจากสามีพยายามข่มขืนบุตรสาว เธอจึงทำทุกสิ่งอย่างเพื่อปกป้องลูกน้อย ไม่ต้องการให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเดิม

มีไม่กี่ครั้งที่ผกก. Almodóvar พัฒนาตัวละครโดยปรากฎภาพนักแสดงนำอยู่ในใจ Women on the Verge of a Nervous Breakdown (1988) เขียนให้ Carmen Maura, และครั้งนี้ Volver (2006) พลันนึกถึง Penélope Cruz

At first I had thought of Penélope for the character of the granddaughter. But during the writing, and even when I had the first draft, I started to think that the granddaughter wasn’t important enough – I wanted Penélope to have a bigger part. So I thought she’s very young, but biologically she can be a mother and have a 15-year-old daughter. So I rewrote the script five or six times with her in my mind as the mother, Raimunda.

Pedro Almodóvar

สำหรับ Cruz ที่ตั้งแต่โกอินเตอร์ สรรค์สร้างภาพยนตร์ Hollywood ก็แทบไม่มีเวลากลับบ้าน หรือเล่นหนังภาษา Spanish แต่เธอพร้อมเสมอถ้าเป็นผลงานของผกก. Almodóvar

For me it was also a comeback, as you say, in terms of working in my language again after a few years, which I had really missed, and also in terms of working in my country and spending time there… So I felt very blessed to be able to do this in my country, surrounded by my friends and family. But the main comeback, [the thing] that I was really missing, was the feeling of working with him. It had been five years of not working together, and though we stayed in contact because we are very good friends, for me it felt like 20 years, it was too long.

Penélope Cruz

แม้ว่า Cruz จะคือนางเอก ‘sex symbol’ แต่ตำหนิเดียวของเธอคือบั้นท้ายเล็กไปหน่อย ความต้องการของผกก. Almodóvar ต้องการหญิงสาวที่มีทรวดทรงองค์เอว คล้ายๆนักแสดงระดับตำนานชาวอิตาเลียนอย่าง Sophia Loren, Claudia Cardinale, Anna Magnani และยังรวมถึงเสื้อผ้าหน้าผม แต่งองค์ทรงเครื่องให้กลายเป็นมารดาในอุดมคติ

It was also very important to have an ample cleavage enhanced by strategically placed medallions, because that’s one of the key images of Spanish motherhood, and motherhood is one of the key themes of this film. It was also very important that this woman have an ample arse. The arse is a symbol of optimism. I’m really sorry for those who do not possess a bottom but they can always add something to it. The only false thing that we did was to construct a new arse for her, so that she would have this shape. It wasn’t just about the physical thing, it was also about the spirit of the person: Penélope had trained in dance, and so tends to walk upright, very much in the air. But for the character, we wanted someone very grounded, somebody weighed down by life. And an ample arse helps you to be weighed down and be grounded. So rehearsals are part of all this.

Pedro Almodóvar

Just as Pedro has explained, it’s true, the day I tried that on, I thought I have to keep this and take it everywhere with me, because it would make me walk differently. And it’s true, because of the way it made me move, something happened to my energy and I felt more down-to-earth; it really happened. It’s like when you find the right shoes for a character. But it’s always tricky to talk about these things in an interview because you can sound a little crazy, so I wish I had him with me every time I get asked that question.

Penélope Cruz

นอกจากเรื่องบั้นท้ายของ Cruz การแสดงของเธอไม่รู้เอาพลังมากมายมาจากไหน พูดน้ำไหลไฟดับ พบเห็นเดินไปเดินมา ต้องกำลังทำอะไรบางอย่างทุกครั้งครา คอยจัดการโน่นนี่นั่น พบปะคนโน้นนี้นั้น แทบไม่เหลือเวลาหยุดพัก ครุ่นคิดเรื่องอื่น เศร้าโศกเสียใจ หรือมีอารมณ์ร่วมกับเหตุการณ์ใดๆ

ตลอดแทบทั้งเรื่อง Raimunda ปฏิเสธการมีตัวตนของมารดา นั่นเพราะบาดแผลทางใจ Trauma ในอดีต ทำให้เธอสร้างกำแพงเบอร์ลินขึ้นมาห้อมล้อม ปกป้องตัวตนเอง แต่ใช่ว่าเธอไม่อยากพบเจอ พูดคุยสอบถาม ปรับความเข้าใจ แค่ไม่ต้องการก้าวออกมาแล้วผิดหวังกลับไป เลยเฉี่ยวกันไปเฉี่ยวกันมา จนวินาทีที่เธอเผชิญหน้ามารดา แน่นอนว่าต้องบ่อน้ำตาแตกกันถ้วนหน้า

แต่ไฮไลท์การแสดงของ Cruz ผมยกให้ฉากลิปซิงค์บทเพลง Volver ทำได้อย่างแนบเนียน ดูเป็นธรรมชาติ ฟังแล้วเกิดความรู้สึกสั่นไหว สะท้านทรวงใน เธอพยายามอดกลั้นไม่ให้ธารน้ำตาหลั่งไหล แต่ผู้ชมส่วนใหญ่คงมิอาจควบคุมตนเอง


María del Carmen García Maura (เกิดปี ค.ศ. 1945) นักแสดงหญิง สัญชาติ Spanish เกิดที่ Madrid ในตระกูลขุนนางเก่า โตขึ้นเข้าเรียนวรรณกรรมและปรัชญา École des Beaux-Arts, Paris ก่อนแต่งงานกับทนายความ มีบุตรชาย-สาว หลังหย่าร้าง ค.ศ. 1970 ผันตัวสู่วงการแสดง กลายเป็นนักร้องคาบาเร่ ภาพยนตร์เรื่องแรก The Man in Hiding (1970), แจ้งเกิดกับ Tigres de papel (1977), กลายเป็น ‘Gay Icon’ จากการร่วมงานขาประจำผกก. Pedro Almodóvar ตั้งแต่ Folle, folle, fólleme, Tim (1978), Pepi, Luci, Bom (1980), Law of Desire (1987), Women on the Verge of a Nervous Breakdown (1988) และ Volver (2006)

รับบทมารดา Irene Trujillo ของ Raimunda และ Soledad ที่ใครๆต่างครุ่นคิดว่าเธอเสียชีวิตพร้อมกับบิดาระหว่างเหตุการณ์ไฟไหม้ แต่ทว่าเบื้องหลังเหตุการณวันนั้นมันช่างเต็มไปด้วยลับลมคมใน คือคนจุดไฟเผาบ้านตนเอง แล้วแอบหลบซ่อนตัว พักอาศัยอยู่กับ Aunt Paula (น่าจะมีศักดิ์เป็นพี่สาวกระมัง) จนชาวบ้านละแวกนั้นครุ่นคิดว่าคือผีสาง วิญญาณไม่ไปผุดไปเกิด

ความตายของ Aunt Paula ทำให้เธอไร้ที่อยู่ ตัดสินใจติดตามบุตรสาว Soledad มายังกรุง Madrid ปลอมตัวเป็นผู้ช่วยสระผมจาก Russia และคอยหลบซ่อนตัวจาก Raimunda ยังไม่ต้องการเผชิญหน้า เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดที่ไม่ได้ปกป้องบุตรสาว(จากอดีตสามี)

Maura คือนักแสดงคนแรกของผกก. Almodóvar เป็นคนพบเจอ ให้ความช่วยเหลือสนับสนุนตั้งแต่ภาพยนตร์เรื่องแรกๆ เคยร่วมงานกันมาหลายครั้ง แต่ก็ไม่รู้ผิดใจอะไรกันระหว่างถ่ายทำ Women on the Verge of a Nervous Breakdown (1988) พวกเขาเลยไม่ได้พูดคุยกันมาหลายปี กาลเวลาทำให้ความขัดแย้งลืมเลือนหาย กลายเป็นโอกาสรื้อฟื้นความสัมพันธ์ขึ้นใหม่

It’s been 18 years since we last worked together. The last time was on Women on the Verge of a Nervous Breakdown. It was a very hard shoot and we fought. Then we spent two or three years without speaking to each other. And that’s when the Berlin wall fell. Soon after that I was at an awards ceremony and I had a piece of the Berlin wall in my hands and I made a public declaration, saying that if this symbol of hate could come down, then surely our friendship could be mended. And that solved it.

Pedro Almodóvar

ตอนที่ผกก. Almodóvar ครุ่นคิดจะใส่เรื่องการปรากฎตัวของผีมารดา ภาพของ Maura ก็ปรากฎขึ้นมา! อายุอานามตอนนั้นก้าวย่าวหกสิบ ช่วงวัยกำลังพอเหมาะพอเจาะ และเธอเป็นนักแสดงที่ไม่หวาดกลัวเกรงในการเล่นบทตัวละครสูงวัย

Carmen entered my mind when I was writing the moment the ghost [of Irene] appears, and it changed everything that I had written before… There was also the worry about whether our past chemistry would return, because there was something miraculous about that. But as soon as we started shooting, we realised that nothing of that chemistry had been lost over the years.

บทบาทนี้ของ Maura อาจไม่ได้โดดเด่นเทียบเท่า Cruz แต่เหนือกว่านักแสดงสมทบอื่นๆอยู่หลายขุม แม้กลายเป็นยัยแก่หัวหงอก ยังเต็มไปด้วยความกระตือรือล้น ขี้เล่นซุกซน ไม่ต้องการอยู่นิ่งเฉย ตัวคนเดียว เพราะจะทำให้ครุ่นคิดถึง อดีตอันขืนข่ม พยายามสร้างกำแพงขึ้นมาขวางกั้น … บทบาทนี้อาจเรียกได้ว่า ‘vanila version’ ของ Raimunda แม่ลูกเหมือนกันเปี๊ยบ!

การที่ผมได้ไล่เรียงเขียนผลงานของผกก. Almodóvar มาตั้งแต่เรื่องแรกๆ ทำให้รู้จักมักคุ้นนักแสดง Maura รับรู้ความขัดแย้ง ซึ่งการที่ทั้งสองสามารถหวนกลับมาคืนดี ร่วมงานกันอีกครั้ง มันสร้างความแช่มชื่น ดีอกดีใจ ช่วยเสริมอารมณ์ให้ตอนมารดาพบเจอบุตรสาว ผมรู้สึกว่ามันจะรุนแรงขึ้นกว่าปกติหลายเท่าตัว!


ถ่ายภาพโดย José Luis Alcaine (เกิดปี ค.ศ. 1938) ตากล้องสัญชาติ Spanish เกิดที่ Tangier, Morroco หลังสำเร็จการศึกษา Instituto Español Severo Ochoa (ที่ Tangier) เดินทางสู่ Madrid ทำงานถ่ายภาพนิ่ง ถ่ายหนังสั้น ผลงานเด่นๆ อาทิ El Sur (1983), ¡Ay, Carmela! (1991), Belle Époque (1992), ร่วมงานขาประจำผู้กำกับ Pedro Almodóvar ตั้งแต่ Women on the Verge of a Nervous Breakdown (1988), Tie Me Up! Tie Me Down! (1989), Bad Education (2004), Volver (2006), The Skin I Live In (2011), Pain and Glory (2019), Parallel Mothers (2021) ฯ

งานภาพใน ‘สไตล์ Almodóvar’ โดดเด่นกับการออกแบบฉาก เสื้อผ้าหน้าผม มีความฟรุ้งฟริ้ง (ภาษากะเทย แปลว่าระยิบระยับ ความสวยงามที่เกินจากความเป็นจริง) ละเลงแสง-สีสัน ลวดลายละลานตา ทุกช็อตฉากล้วนเต็มไปด้วยรายละเอียด ยัดเยียดโน่นนี่นั่น แพรวพราวด้วยลูกเล่นภาพยนตร์

ผมรู้สึกว่า Volver (2006) ละเลงสีสันได้จัดจ้านมากๆเรื่องหนึ่ง ลวดลายสไตล์วินเทจ เสื้อผ้าหน้าผมย้อนยุค 50s-60s โดยเฉพาะสีแดงเลือดที่มีความคมเข้ม สัญลักษณ์ของชีวิต-ความตาย ความกระหายอยากมีชีวิต (Passion) และการถือกำเนิดใหม่ (Rebirth)

Red is an instinctive choice for me. Of course, I love the colour red very much. But I suppose I use it because it gives an intensity to the place where you use it. It’s a very expressive colour, and in Spain red also represents life, fire, death, blood, passion and carnations – which is the national flower. From a technical standpoint, if you’re filming a night scene, red will give a certain brightness. And this is why normally I always put a touch of red on my women in a night scene – a cardigan, a sweater or something. Also, this is the reason why all the cars are red in my movies. If you put a red car in the countryside, red enhances the natural colours.

Pedro Almodóvar

สถานที่ถ่ายทำของหนังประกอบด้วยกรุง Madrid และละแวกบ้านเกิดของผกก. Almodóvar ณ Ciudad Real, Castilla–La Mancha, ใช้เวลาซักซ้อม (Rehearsal) จำนวนสามเดือน และถ่ายทำอีกสามเดือนระหว่าง 26 กรกฎาคม – 17 ตุลาคม ค.ศ. 2005


ในหนังไม่ได้มีการจำเพาะเจาะจง ระบุวันที่แบบเป๊ะๆ แต่เห็นบรรดาสตรีทั้งหลายในชุมชน La Mancha ต่างพากันมาทำความสะอาดสุสาน นี่อาจคือวันสารทฝรั่ง (ล้อกับสารทจีนคือเทศกาลสำคัญของคนเชื้อสายจีนที่จะแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษด้วยพิธีเซ่นไหว้ เชื่อว่าคือวันเปิดประตูนรกให้วิญญาณต่างๆ มารับกุศลผลบุญได้) ถัดจาก Halloweed สองวันคือวันฉลองพระวิญญาณ (All Souls’ Day) ตรงกับวันที่ 2 พฤศจิกายนของทุกปี

ลมพัดแรงในวันนี้ เป็นการสร้างสัมผัสสิ่งเหนือธรรมชาติ (Supernatural) ราวกับวิญญาณของผู้ล่วงลับ แวะเวียนมาทักทายลูกๆหลานๆ … ลมแรงขนาดนี้น่าจะแห่กันมาทั้งหมู่บ้าน

Raimunda ทำงานเป็นแม่บ้าน ทำอาหาร ซักผ้า ปัดกวาดเช็ดถู ฯ ชีวิตดำเนินไปอย่างเรื่อยเปื่อย ไร้จุดมุ่งหมาย ว่ายเวียนวน (เหมือนเงาสะท้อนใบหน้าบนเครื่องซักผ้ากำลังเคลื่อนหมุน) จะว่าไปสถานที่ทำงาน ณ สนามบินอาจคือความใฝ่ฝัน อยากโบยบินสู่อิสรภาพ

Raimunda พยายามโทรศัพท์ติดต่อหาบุตรสาว สังเกตว่านั่งอยู่ข้างอุปกรณ์สายส่งน้ำดับเพลิง (เป็นการบอกใบ้อันตราย ราวกับสัญญาณเตือนภัย) และระหว่างการเปลี่ยนภาพ (Transition) สู่บุตรสาวยืนรอคอยมารดาอยู่ตรงป้ายรถเมล์ เสี้ยววินาทีดังกล่าวปรากฎภาพสีแดงฉาน นี่เช่นกันเป็นการบอกใบ้หายนะบางอย่าง

หนังสมัยนี้ส่วนใหญ่ชอบทำการ ‘romanticize’ นำเสนอสิ่งชั่วร้าย อาชญากรก่ออาชญากรรม ฉายภาพบิดาข่มขืนบุตรสาวแล้วถูกฆาตกรรม แต่สำหรับผกก. Almodóvar เลือกที่จะกระโดดข้ามไปภายหลังเหตุการณ์ดังกล่าว Paula ในสภาพเปียกปอน ยืนสั่นสะท้าน หนาวเหน็บทรวงใน เฝ้ารอคอยมารดาอยู่ป้ายรถเมล์ แล้วเธอกลับมาพบเจอศพสามีในห้องครัว

เช่นเดียวกับการที่หนังให้เวลากับ Raimunda ปัดกวาดเช็ดถู กระดาษซับเลือด ทำความสะอาดสถานที่เกิดเหตุ ลากพาศพสามียัดใส่ตู้ทำน้ำแข็ง รวมถึงช่วงท้ายก็แบกหามขึ้นรถไปหาสถานที่กลบฝัง … ทั้งหมดนี้เป็นการนำเสนอเหตุการณ์หลังโศกนาฎรรม (Post-Trauma) ให้อิสระผู้ชมครุ่นคิดจินตนาการว่ามันบังเกิดห่าเหวอะไรขึ้น จะว่าไปมีลักษณะคล้ายๆนักสืบทำคดีความ

แซว: กว่าที่ Raimunda จะจัดการฝังศพสามี ต้องรอคอยอยู่นานหลายวัน (อ้าง)ติดธุระโน่นนี่นั่น ไม่ต่างจากที่เธอใช้เวลาหลายปีกว่าสามารถเผชิญหน้ากับอดีต สะสางปมปัญหาคาใจ ยินยอมรับและให้อภัยมารดา

ถ้าเป็นภาพยนตร์เรื่องอื่นเมื่อมีการฆ่าคนตาย ต้องนำเสนอตัวละครตกอยู่ในสภาพห่อเหี่ยว ใบหน้าซีดเซียว ทำใจไม่ได้ต่อเหตุการณ์บังเกิดขึ้น แต่ไม่ใช่กับ Raimunda หลังจัดการเก็บศพสามีใส่ถังน้ำแข็ง ตอบรับทำอาหารให้กองถ่ายภาพยนตร์ ราวกับเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เช้าวันใหม่ ชีวิตดำเนินต่อไป ไม่เหลือเวลาให้กับความเศร้าโศกเสียใจ

นี่อาจถือเป็นภาพสะท้อนวิถีชาวเมือง ทุกสิ่งอย่างมีความเร่งรีบ ทุกคนล้วนต้องแข่งขัน (Rat Race) ทำงานหาเงิน ต่างเชื่อว่าความร่ำรวยคือหนทางออกสู่อิสรภาพ ชัยชนะคือทุกสิ่งอย่าง ไม่หลงเหลือพื้นที่สำหรับผู้พ่ายแพ้ จิตใจอ่อนแอ

Soledad เป็นคนกลัวผี! เดินทางมาถึงบ้านของ Aunt Paula ตะโกนเรียกชื่อ Agustina แล้วพบเห็นเงาใครสักคนบนชั้นสอง เกิดความขนหัวลุกพอง (ทำยังกะ Nosferatu (1922)) บุคคลปรากฎตัวขึ้นมาคือมารดาที่ครุ่นคิดว่าตายจากไปเมื่อหลายปีก่อน นั่นทำให้เธอมิอาจควบคุมตนเอง กระต่ายตื่นตูม รีบวิ่งหนีออกจากบ้านโดยพลัน

ด้วยความที่หนังชี้นำผู้ชมมาตั้งแต่ตอนต้นเรื่องว่ามารดาของ Raimunda และ Soledad เสียชีวิตพร้อมบิดาไปเมื่อหลายปีก่อน การปรากฎตัวของเธอในขณะนี้ (แม้ตอนกลางวัน) จึงถูกเข้าใจว่าต้องคือผีอย่างแน่นอน!

ผกก. Almodóvar รับอิทธิพลจาก Alfred Hitchcock มาไม่น้อยเลยนะ! เก่งกาจเรื่องการล่อหลอก (Misdirection) ชี้ชักนำความเข้าใจผู้ชม เมื่อตะกี้มารดาตัวจริงหรือผี? ฉากถัดมา Soledad รับฟังเรื่องเล่าจาก Agustina ท่ามกลางเพื่อนพ้อง ญาติพี่น้อง หลายคนคงหลงเชื่อสนิทใจ … วิถีชนบทก็แบบนี้แหละ เชื่อเรื่องผีสาง ใกล้ชิดความตาย

ระหว่างทางกลับบ้าน มันจะมีการซ้อนภาพกังหันลมหมุนๆ + Soledad กำลังขับรถ นี่ไม่ได้สื่อถึงชีวิตเวียนวงกลมเหมือนกับ Raimunda แต่น่าจะสะท้อนความปั่นป่วนพลุกพล่านภายในจิตใจ หวาดกลัวเรื่องผี ขณะเดียวกันก็ครุ่นคิดถึงมารดา … แทบจะลืมเรื่องเศร้าของการสูญเสีย Aunt Paula ไปโดยสิ้นเชิง!

รับชมคราวก่อนผมเชื่อมั่นอย่างเต็มร้อยว่ามารดาคนนี้คือผี วิญญาณล่องลอย นางฟ้าผู้พิทักษ์ (Guardian Angel) ติดตามมาคอยปกป้องบุตรสาว Soledad ด้วยการหลบซ่อนตัวอยู่ด้านหลังท้ายรถ (ล้อกับบั้นท้ายปลอมของ Cruz เพื่อสื่อถึงความเป็นมารดา) เธอมักสวมใส่ชุดสีฟ้า ราวกับมาจากสรวงสวรรค์ เพราะมีกังวลเลยยังไม่สามารถไปผุดไปเกิด

แต่การหวนกลับมารับชมคราวนี้ ผมเพิ่งตระหนักว่ามารดาน่าจะยังมีชีวิตอยู่จริงๆ เพราะตราบาป/บาดแผลทางใจ ความรู้สึกผิดต่อบุตรสาวคนโต Raimunda จึงตัดสินใจหลบซ่อนตัว แสร้งว่าเป็นวิญญาณล่องลอย ปฏิเสธเปิดเผยตนเองออกมาจนกระทั่งวันนี้

คนกลัวผีมักเชื่อคนง่าย! ก่อนหน้านี้ Soledad แสดงอาการกลัวตัวตาย พอได้สัมผัสโอบกอด พูดคุยสนทนา ก็เชื่อเต็มร้อยว่าเธอคือมารดา ค่ำคืนนี้อดใจไม่ได้จะนอนเตียงเดียวกัน อยากหวนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง!

เช้าวันถัดมา Soledad ทำการตัด-แต่ง-ย้อมผมให้มารดา จากยัยแก่หัวหงอกกลายเป็นสาว Russian ช่วยงานสระผม สัญลักษณ์ของการถือกำเนิด เกิดใหม่ (Rebirth) แต่ในบริบทของหนังอาจมองว่าเป็นการฟื้นคืนชีพ (Resurrection) ก็ได้กระมัง

มารดาเป็นคนสอน Raimunda ให้ขับร้องบทเพลงนี้ พอเธอย้ายมากรุง Madrid ก็แทบไม่มีโอกาสแสดงความสามารถดังกล่าวออกมา พอดิบพอดีวันนี้งานเลี้ยงปิดกล้องภาพยนตร์ มีนักดนตรี กีตาร์ เธอจึงตัดสินใจขับร้องเพลงนี้ โดยไม่รับรู้ว่ามารดา(ไม่ว่าจะยังมีชีวิต หรือตีความว่าเป็นวิญญาณล่องลอย)แอบขึ้นรถมากับน้องสาว Soledad ตัดสลับใบหน้ากลับไปกลับมา แทบมิอาจกลั้นหลั่งธารน้ำตา

เนื้อร้องเพลงนี้มันช่างสอดคล้องเหตุผลที่พวกเธอทั้งสองต่างพยายามหลบหนี-ซ่อนตัว ปฏิเสธเผชิญหน้า สะสางปัญหา ยินยอมรับกันและกัน

I’m afraid of the encounter
with the past that’s coming back
to confront my life.

เจ้าของร้านขายอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านก็คือโปรดิวเซอร์ Agustín Almodóvar น้องชายของผกก. Pedro Almodóvar พักหลังนี่เห็นมา Cameo อยู่เป็นประจำ

Agustina ล้มป่วยโรคมะเร็ง ชีวิตไม่เหลืออะไรจะเสีย แต่เธอมีความต้องการอย่างสุดท้าย คือติดตามหามารดาสูญหาย? พยายามไหว้วานร้องขอ Raimunda กลับถูกปฏิเสธ (เพราะไม่อยากรื้อฟื้นความหลัง) เลยตัดสินใจมาออกรายการโทรทัศน์ของน้องสาว ช่วงแรกๆก็พูดคุยกันดี แล้วจู่ๆตระหนักว่านี่เป็นเรื่องส่วนตัว ไม่สมควรนำมาเผยแพร่สู่สาธารณะ จึงเดินออกกลางคัน! … แบบเดียวกันเป๊ะกับ Talk to Her (2002) นักสู้กระทิง Lydia ไม่พึงพอใจผู้สัมภาษณ์จึงเดินออกจากรายการกลางคัน

ผมครุ่นคิดว่า Agustina เกิดความตระหนักต่อสถานที่แห่งนี้ ผู้ชม พิธีกร รวมถึงสารพัดกล้องถ่ายทำ ทั้งหมดล้วนคือสิ่งจอมปลอม วงการมายา ภาพลวงหลอกตา ไร้ความบริสุทธิ์จริงใจ นำเอาความสงสารเห็นใจมาสร้างรายได้ให้กับตนเอง

แซว: ผมแอบรู้สึกว่าใบหน้าของ Blanca Portillo ผู้รับบท Agustina ช่างมีความละม้ายคล้าย Renée Jeanne Falconetti จากโคตรหนังเงียบ La Passion de Jeanne d’Arc (1928) เต็มไปด้วยความเจ็บปวด เศร้าโศก ทนทุกข์ทรมาน

นี่น่าจะคือ Crème Caramel หรือ Flan (มาจากภาษาละติน Flado แปลว่า Flat Cake) ขนมหวานเกิดจากการนำน้ำตาลเคี่ยวจนเป็น Caramel เทลงในแม่พิมพ์ ตามด้วย Custard ทำมาจากไข่ น้ำตาล ครีม นม แล้วนำไปอบให้แข็งตัว จากนั้นพลิกกลับด้านให้ Caramel อยู่ด้านบนก่อนจะเสิร์ฟ, ด้วยเนื้อสัมผัสนุ่มละมุน ละลายในปาก ได้รับความนิยมในกลุ่มละตินอเมริกัน และมีชื่อเรียกตามท้องถิ่น Spanish Flan, Mexican Flan, Petro Rican Flan ฯ

หนังนำเสนอภาพการพลิกกลับด้านของ Crème Caramel ซึ่งสอดคล้องกับเหตุการณ์ขณะนี้ที่ทุกสิ่งอย่างกำลังจะพลิกกลับตารปัตร Soledad พูดบอกกับ Raimunda ว่ามารดา(ที่เธอเชื่อว่าเสียชีวิตไปนานแล้ว)ยังมีชีวิตอยู่ หลบซ่อนอยู่ใต้เตียงในห้องนอน!

มันมีหลากหลายสถานที่ที่มารดาสามารถหลบซ่อนตัว คือถ้าจะไม่ให้บุตรสาว Raimunda ค้นพบเจอจะซ่อนอยู่แห่งหนไหน ภายในตู้เสื้อผ้าก็ยังได้! แต่การเลือกอยู่ใต้เตียงนอน เคลือบแฝงนัยยะหลบซ่อนในความฝัน ความทรงจำ หรือภายใต้จิตสำนึกก็ได้กระมัง

ปฏิกิริยาแรกของ Raimunda เมื่อพบเจอกับมารดา ลากพาบุตรสาววิ่งหนีออกนอกอพาร์ทเม้นท์ เหลือเพียง Soledad และมารดา นั่งพูดคุยปรับทุกข์อยู่บนเตียงนอน สังเกตว่ายังมีแสงสว่างจากภายนอกสาดส่องเข้ามา เพื่อสื่อถึงช่วงเวลาฝันร้าย/มืดมิดที่สุดได้พานผ่านไปแล้ว

บุตรสาว Paula เป็นคนโน้มน้าวมารดา Raimunda ให้หวนกลับหาคุณย่า พูดคุยปรับความเข้าใจอะไรกันก็ไม่รู้จนค่ำมืด แถมออกมาเดินสวนสาธารณะนอกอพาร์ทเม้นท์ และตอนเปิดเผยเบื้องหลังความจริงทั้งหมด สังเกตว่าทั้งสองก้าวผ่านเงามืด ลอดกิ่งไม้ เพื่อสื่อถึงช่วงเวลาทุกข์ยากลำบาก ขวากหนาวม มืดมิดที่สุดในชีวิตทั้งสอง

ช็อตสุดท้ายของซีนนี้แม่-ลูก นั่งกอดกันกลมบนเก้าอี้ กล้องค่อยๆเคลื่อนถอยห่าง ด้านหลังคือภาพกราฟิตี้ อดีตเลวร้ายได้พานผ่าน ทอดทิ้งไว้เบื้องหลัง

คล้ายๆการพลิกกลับด้านของขนมหวาน Crème Caramel แต่เปลี่ยนเป็นกล้องเอียงๆ (ถ่ายกังหันลม) ค่อยๆหมุนกลับสู่ทิศทางปกติ หรือก็คือวิถีชีวิตของครอบครัวนี้ที่หวนกลับสู่ความเป็นปกติ แม่-ลูกสามารถรื้อฟื้นความสัมพันธ์ และกำลังร่วมออกเดินทางหวนกลับบ้านเก่าที่ La Mancha

สถานที่ที่ Raimunda นำศพของสามี Paco มากลบฝัง บอกกับบุตรสาวว่าคือสถานที่โปรดปรานของเขา นี่อาจถือเป็นการหวนกลับหารากเหง้า “เกิดมาจากดิน กลับคืนสู่ดิน”

By the sweat of your face You will eat bread Until you return to the ground, For from it you were taken; For you are dust, And to dust you shall return.

Genesis 3:19

หายนะจากการไปออกรายการโทรทัศน์ Agustina จึงสูญเสียโอกาสเดินทางไปรักษามะเร็งที่ต่างประเทศ และเธอเองก็ปฏิเสธการรักษา ตัดสินใจหวนกลับบ้านที่ La Mancha ต้องการใช้ชีวิตบั้นปลาย ตายอย่างสุขสงบ … มันอาจไม่ใช่ความผิดของ Irene Trujillo ที่มารดาของ Agustina เสียชีวิตในกองเพลิง แต่เจ้าตัวถือว่ามีส่วนสำคัญ นั่นคงคือเหตุผลให้เธอตัดสินใจช่วยเหลือ แสร้งเป็นวิญญาณหวนกลับมาดูแล ฉีดยารักษาแผลใจ

Irene รับชมภาพยนตร์ Bellissima (1951) แปลว่า Beautiful กำกับโดย Luchino Visconti, นำแสดงโดย Anna Magnani มารดาชนชั้นแรงงาน (Working Class) ลากพาบุตรสาวไปทดสอบหน้ากล้องภาพยนตร์ พยายามทำทุกสิ่งอย่างเพื่อให้เธอได้รับบทบาทดังกล่าว … นี่เป็นการอ้างอิงถึงมารดาในอุมดคติของผกก. Almodóvar ทั้งหนังที่ฉาย และนักแสดงนำ Anna Magnani คือต้นแบบของ Raimunda (และ Irene) พร้อมเสียสละทำทุกสิ่งอย่างเพื่อบุตรสาว

โดยปกติหนังของผกก. Almodóvar มักนำเอา Title Sequence ไว้ตอนต้นเรื่อง แต่คราวนี้สลับตำแหน่งไว้ช่วงท้าย ก็เพื่อสะท้อนทิศทางของหนังที่นำเสนอเกี่ยวกับเหตุการณ์หลังโศกนาฎกรรม (post-Trauma) … สร้างขึ้นโดย Juan Gatti คนเดียวกับที่ออกแบบโปสเตอร์หนัง

ตัดต่อโดย José Salcedo Palomeque (1949-2017) สัญชาติ Spanish เกิดที่ Ciudad Real, ร่วมงานขาประจำผู้กำกับ Pedro Almodóvar ตั้งแต่ภาพยนตร์เรื่องแรก Pepi, Luci, Bom (1980) จนถึง Julieta (2016)

เรื่องราวส่วนใหญ่ของหนังนำเสนอผ่านมุมมองของ Raimunda ผ่านพานช่วงเวลาวุ่นๆวายๆ ตั้งแต่สามีตายจากไป กลายเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว พร้อมทำทุกสิ่งอย่างเพื่อปกป้องบุตรสาว, แต่บางครั้งจะสลับมุมมองการเล่าเรื่องมายังน้องสาว Soledad (หรือ Sole) ขณะเดินทางไปร่วมงานศพ Aunt Paula และให้ที่พึ่งพักพิงมารดา Irene Trujillo

  • อารัมบทครอบครัว
    • Raimunda, Soledad และบุตรสาว Paula เดินทางไปเยี่ยมญาติต่างจังหวัด
      • ไปยังหลุมฝังศพครอบครัว
      • พบเจอกับ Aunt Paula
      • และเพื่อนบ้าน Agustina
    • พอค่ำมืด Raimunda กลับมาถึงบ้าน รับรู้ว่าสามี Paco เพิ่งถูกเลิกจ้าง
  • โศกนาฎกรรมชีวิตของ Raimunda
    • Raimunda กลับจากที่ทำงานแล้วค้นพบว่าสามีกลายเป็นศพเพราะพยายามจะข่มขืนบุตรสาว
    • ระหว่างจัดการศพสามี เพื่อนข้างบ้านฟากฝังร้านอาหาร
    • Soledad โทรศัพท์มาแจ้งข่าวว่า Aunt Paula เสียชีวิต แต่ทว่า Raimunda ตอบปฏิเสธไม่ว่างไปงานศพ
    • ระหว่างนำศพสามีไปใส่ในถังน้ำแข็งที่ร้านอาหาร พบเจอทีมงานภาพยนตร์มาถ่ายทำหนังละแวกนั้น เธอตอบรับจะดูแลเรื่องอาหารการกินให้
    • Raimunda จัดแจงเรื่องอาหาร จนวันแรกพานผ่านไปได้
  • การหวนกลับมาของมารดา
    • Soledad เดินทางไปร่วมงานศพ Aunt Paula
    • รับฟังเล่าเรื่องเล่าของ Agustina เกี่ยวกับวิญญาณคนตาย ข่าวลือของชาวบ้าน
    • พอหวนกลับมาพบว่ามารดา Irene Trujillo (ที่ครุ่นคิดว่าตายไปนานแล้ว) แอบติดรถกลับมาด้วย
    • Raimunda โทรศัพท์หา Soledad สอบถามเรื่องงานศพ
    • Soledad ปรับความเข้าใจกับมารดา จัดแจงที่พักอาศัย ให้เธอกลายเป็นผู้ช่วยทำผมจาก Russia
  • งานเลี้ยงปิดกองถ่าย
    • ทีมงานภาพยนตร์ขอให้ Raimunda ช่วยจัดงานเลี้ยงปิดกล้อง
    • Raimunda เดินทางมาทำผมยังอพาร์ทเม้นท์ของ Soledad สังเกตเห็นความผิดปกติหลายๆอย่าง
    • ระหว่างงานเลี้ยง Raimunda ขับร้องบทเพลง Volver
    • หลังงานเลี้ยงมีคนติดต่อขอดูร้านอาหาร แต่ทว่า Raimunda ตอบปฏิเสธ ก่อนตัดสินใจว่าจะขอซื้อต่อกิจการ
  • Agustina ล้มป่วยมะเร็ง
    • Raimunda เดินทางไปเยี่ยมเยียน Agustina ที่โรงพยาบาล
    • ค่ำคืนนั้น Raimunda จัดการกับศพของสามี Paco
    • Agustina เดินทางมาที่ร้านของ Raimunda เพื่อทวงถามคำตอบ
    • Raimunda อยู่ที่อพาร์ทเม้นท์ของ Soledad ขณะที่ Agustina ไปออกรายการโทรทัศน์
  • Raimunda และมารดา Irene Trujillo
    • Soledad พยายามอธิบายเหตุการณ์บังเกิดขึ้น
    • Raimunda พบเจอกับมารดา Irene Trujillo ในตอนแรกวิ่งหลบหนี ก่อนหวนกลับมา
    • สองแม่ลูกพูดคุยเปิดอก สะสางปัญหาคาใจ
    • ครอบครัวพร้อมหน้าเดินทางกลับบ้านเกิด
    • มารดา Irene Trujillo ตัดสินใจให้การดูแล Agustina ในช่วงบั้นปลายชีวิตของอีกฝ่าย

แซว: คงเพราะ Bad Education (2004) ตอนออกฉายได้เสียงพร่ำบ่นจากผู้ชมถึงลีลาการดำเนินเรื่อง ‘Flashback ซ้อน Flashback’ มาคราวนี้เลยไม่มีการฉายภาพย้อนอดีตสักฉาก!


เพลงประกอบโดย Alberto Iglesias Fernández-Berridi (เกิดปี ค.ศ. 1955) นักแต่งเพลงสัญชาติ Spanish เกิดที่ San Sebastián, Basque Country โตขึ้นร่ำเรียนดนตรียัง Saint-Sébastien จากนั้นเดินทางสู่ Paris เรียนการแต่งเพลงกับ Francis Schwartz และสไตล์ดนตรี Electro-Acoustic กับ Gabriel Brnčić, ร่วมงานขาประจำผกก. Pedro Almodóvar ตั้งแต่ The Flower of My Secret (1995), ผลงานเด่นๆ อาทิ All About My Mother (1999), Talk to Her (2002), The Constant Gardener (2005), The Kite Runner (2007), Che (2008), The Skin I Live In (2011), Exodus: Gods and Kings (2014) ฯ

งานเพลงของ Volver (2006) มักมีบรรยากาศเศร้าๆ เหงาๆ เวิ้งว่างเปล่า ชีวิตพานผ่านช่วงเวลาแห่งการสูญเสียมากมาย แต่กลับไม่มีเวลาร้องไห้เสียใจ จำต้องกัดฟันอดทน ต่อสู้ดิ้นรน เพื่อครอบครัว เพื่อลูกหลาน ดำเนินชีวิตอย่างไม่มีวันหยุดพักหายใจ

ผมเพิ่งมาเอะใจถึงเหตุผลที่ผลงานของผกก. Almodóvar แทบจะไม่เคยมี Main Theme บางเรื่องอาจมีท่วงทำนองติดหูอยู่บ้าง แต่จะไม่ค่อยเล่นซ้ำบ่อยครั้ง นั่นเพราะพี่แกเป็นนักผสมผสานแนวหนัง (Mixed Genre) อย่างเรื่องนี้มีทั้ง Family Drama, Comedy, Crime, Film Noir, Ghost Story ฯ เพลงประกอบจึงมีความหลากหลาย … จริงๆจะดัดแปลง Variation ของ Main Theme ก็ได้ แต่มันไม่ใช่ ‘สไตล์ Almodóvar’

ระหว่างสาวๆเดินทางมาทำความสะอาดสุสานได้ยินบทเพลง Coro de Las Espigadoras แปลว่า Chorus of the Gleaners จากละคอนเพลงสององก์ La rosa del azafrán แปลว่า The Saffron Rose (1930) แต่งโดย Jacinto Guerrero, คำร้องโดย Federico Romero & Guillermo Fernández-Shaw, ฉบับได้ยินในหนังขับร้องโดย Conchita Panadés (น้ำเสียงโซปราโน) บันทึกเสียงเมื่อปี ค.ศ. 1953

บทเพลงนี้เกี่ยวกับ Gleaner นักเก็บเก็บเกี่ยวเมล็ดพันธุ์ (ใครเคยรับชมสารคดี The Gleaners & I (2000) ของ Agnès Varda ก็น่าจะมักคุ้นเป็นอย่าง) แต่คำนี้ยังหมายถึงการเก็บกวาด ทำความสะอาด ปัดกวาดเช็ดถู หรือในบริบทของหนังคือบรรดาสตรีเพศตั้งแต่เด็กจนแก่ในชุมชนบท La Macha ต่างร่วมแรงร่วมใจกันทำความสะอาดสุสานในวัน All Saints’ Day

ต้นฉบับ Spanishคำแปลอังกฤษ
Esta mañana muy tempranito
Salí del pueblo con el hatico
Y, como entonces la aurora venía
Yo la recibía
Cantando como un pajarico
Por los carriles de los rastrojos
Soy la hormiguita de los despojos
Y, como tiene muy buenos ojos
Espiga a veces de los manojos

Ay, ay, ay, ay, qué trabajo nos manda el Señor
Levantarse y volverse a agachar
Todo el día a los aires y al sol
Ay, ay, ay, ay, ten memoria de mí, segador
No arrebañes los copos de mies
Que detrás de las hoces voy yo

La espigadora con su esportilla
Paece la sombra de la cuadrilla
Sufre espigando tras los segadores
Los mismos sudores
Que el hombre que siega y que trilla
En cuanto suenan las caracolas
Por esos trigos van ellas solas
Y se engalanan con amapolas
Sin abalorios ni agueripolas

Ay, ay, ay, ay, qué trabajo nos manda el Señor
Levantarse y volverse a agachar
Todo el día a los aires y al sol
Ay, ay, ay, ay, ten memoria de mí, segador
No arrebañes los copos de mies
Que detrás de las hoces voy yo

Ay, ay, ay, ay
No arrebañes los campos de mies
Porque aguardo que vengas tú aquí
Pa escuchar lo que vale un querer
Ay, ay, ay, ay
Si a tu lado me aguarda un querer
No me importan los aires ni el sol
Ni que arranques de cuajo la mies
This morning, very early,
I left the village with my little basket,
And as the dawn was breaking,
I welcomed it,
Singing like a little bird.
Through the paths of the stubble fields,
I’m the little ant of the gleanings,
And since I have very good eyes,
I sometimes pick spikes from the sheaves.

Ay, ay, ay, ay, what hard work the Lord sends us,
Rising and bending down again,
All day under the open sky and sun.
Ay, ay, ay, ay, remember me, reaper,
Don’t sweep up all the tufts of grain,
For I follow behind the sickles.

The gleaner with her little sack
Seems like the shadow of the harvest crew.
She suffers, gleaning behind the reapers,
The same sweat
As the man who cuts and threshes.
When the conch shells sound,
They go alone through those wheat fields,
And adorn themselves with poppies,
Without trinkets or finery.

Ay, ay, ay, ay, what hard work the Lord sends us,
Rising and bending down again,
All day under the open sky and sun.
Ay, ay, ay, ay, remember me, reaper,
Don’t sweep up all the tufts of grain,
For I follow behind the sickles.

Ay, ay, ay, ay,
Don’t sweep up the fields of grain,
Because I’m waiting for you to come here
To hear what a love is worth.
Ay, ay, ay, ay,
If a love awaits me by your side,
I don’t mind the open sky or the sun,
Nor that you uproot the grain entirely.

บทเพลง Arrastran el cadáver แปลว่า They Drag the Corpse เริ่มต้นด้วยเสียงหวีดแหลม แสบแก้วหู กรีดบางแทงทรวงในแม่-ลูก, ตามด้วยการประสานเสียงรัวๆเครื่องสาย สร้างสัมผัสอันตราย หายนะคืบคลานเข้ามา, เสียงเครื่องเป่าโหยหวน คร่ำครวญ เจ็บปวดรวดร้าวทรวงใน ทั้งสองต้องช่วยกันลากพาศพบิดาไปเก็บซ่อน ทอดทิ้งไว้ในตู้เก็บน้ำแข็ง แทบหมดสิ้นเรี่ยวแรงกาย-ใจ

บทเพลงในงานเลี้ยงปิดกองถ่าย เริ่มต้นได้ยินบทเพลง A Good Thing (2005) แต่งโดย Sarah Cracknell & L. Oakley & M. Waterfield, ขับร้องโดย Saint Etienne

Take a message, let me know
Put on her shoes before she goes
Hazel eyes and auburn hair
How could she tell it’s all for nothing

Far away from what you want
Another night to spend alone
And now you really know
It’s gone, it’s gone, it’s gone

You know it was a good thing
The best thing
Last thing you should have left behind

Out of nowhere
Out there
Looking all the way back

It’s a good thing
The best thing
Last thing you should have left behind

Out of nowhere
Out there
It’s gone, it’s gone, it’s gone, it’s gone, it’s gone

บทเพลงที่เป็นแรงบันดาลใจชื่อหนัง Volver แนว Tango แต่ง/ขับร้องโดย Carlos Gardel (1890-1935), คำร้องโดย Alfredo Le Pera, โดยต้นฉบับ Gardel ขับร้อง/นำแสดงภาพยนตร์ El Dia Que Me Quieras (1935) แปลว่า The Day you Love Me

เนื้อร้องรำพันความโหยหา คร่ำครวญ ครุ่นคิดถึงช่วงเวลาในอดีต (Nostalgia) อยากให้มันหวนกลับคืนมา (Volver = To Return) ฉบับของ Gardel แต่งเพลงนี้เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้บรรดาผู้ลี้ภัยทางการเมือง หวนระลึกถึงบ้านที่จากมา แต่พอเขาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตก่อนวัยอันควร จึงเหมารวมการสูญเสียศิลปินระดับตำนานเข้าไปด้วย

ต้นฉบับแปลอังกฤษ
Yo adivino el parpadeo
de las luces que a lo lejos
van marcando mi retorno.
Son las mismas que alumbraron,
con sus pálidos reflejos,
hondas horas de dolor.
Y aunque no quise el regreso,
siempre se vuelve al primer amor.
La quieta calle,
la luna en el cielo,
el ansia de verte,
que lleva mi alma en pos.

Volver,
con la frente marchita,
las nieves del tiempo
platearon mi sien.
Sentir,
que es un soplo la vida,
que veinte años no es nada,
que febril la mirada,
errante en las sombras,
te busca y te nombra.
Vivir,
con el alma aferrada
a un dulce recuerdo
que lloro otra vez.

Tengo miedo del encuentro
con el pasado que vuelve
a enfrentarse con mi vida.
Tengo miedo de las noches
que pobladas de recuerdos
encadenen mi soñar.
Pero el viajero que huye
tarde o temprano detiene su andar.
Y aunque el olvido, que todo lo quema,
me dio el remedio,
el alma no lo quiere.

Volver,
con la frente marchita,
las nieves del tiempo
platearon mi sien.
Sentir,
que es un soplo la vida,
que veinte años no es nada,
que febril la mirada,
errante en las sombras,
te busca y te nombra.
Vivir,
con el alma aferrada
a un dulce recuerdo
que lloro otra vez.
I sense the flickering
of the lights that in the distance
mark my return.
They are the same ones that illuminated,
with their pale reflections,
deep hours of pain.
And though I didn’t want to return,
one always comes back to the first love.
The quiet street,
the moon in the sky,
the longing to see you,
that carries my soul in pursuit.

To return,
with a withered brow,
the snows of time
have silvered my temples.
To feel,
that life is but a breath,
that twenty years is nothing,
that a feverish gaze,
wandering in the shadows,
seeks you and calls your name.
To live,
with the soul clinging
to a sweet memory
that I weep for once again.

I fear the encounter
with the past that returns
to confront my life.
I fear the nights
that, filled with memories,
chain my dreams.
But the traveler who flees
sooner or later halts their steps.
And though oblivion, which burns everything,
offered me a remedy,
my soul does not want it.

To return,
with a withered brow,
the snows of time
have silvered my temples.
To feel,
that life is but a breath,
that twenty years is nothing,
that a feverish gaze,
wandering in the shadows,
seeks you and calls your name.
To live,
with the soul clinging
to a sweet memory
that I weep for once again.

ฉบับใช้ในหนังขับร้องโดย Estrella Morente, บรรเลงกีตาร์โดย José Carbonell Montoyita ปรับเปลี่ยนท่วงทำนอง Tango มาเป็น Flamingo? ให้มีความเร่าร้อนรุนแรง โดยเฉพาะน้ำเสียงแหบแห้ง มันช่างบีบเค้นคั้นหัวใจ ผสมความทุกข์ทรมานของหญิงสาว/มารดาเข้าไปด้วย

และแม้ว่านักแสดง Cruz เพียงทำการลิปซิงค์ แต่การแสดงออกทางอารมณ์ถือว่าจัดเต็ม พยายามกลั้นหลั่งธารน้ำตา ไม่ยินยอมให้มันหลั่งไหลออกมา … สำหรับผู้ชมส่วนใหญ่คงมิอาจอดรนทนไหวอย่างแน่นอน!

Volver แปลว่า To Return หรือคือการเดินทางกลับบ้าน หวนกลับหารากเหง้าของผกก. Almodóvar ในหลากหลายระดับ

  • เริ่มต้นจากหวนกลับไปถ่ายทำหนังในละแวกบ้านเกิด เคยอยู่อาศัยช่วงวัยเด็ก La Mancha
  • ร่วมงานนักแสดงที่ห่างหายกันไปนานอย่าง Penélope Cruz (4-5 ปี) และ Carmen Maura (18 ปี)
  • เรื่องราวของหนังคือการรื้อฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างลูกหลาน และมารดาครุ่นคิดว่าตายจากไปเมื่อหลายปีก่อน

In this case, all the locations were the places that I used to live when I was a child. And also because I’m talking about my roots, when I go back to La Mancha, it’s like going back to my mother’s breast. La Mancha is represented for me more than in the language itself or the geographical region; it’s more the memory of my mother. I lived there for my first eight years, and my mother brought with her La Mancha. She was very much from that place, and she always spoke in the way they talked in La Mancha. There, we have a very special way of talking – we have a dialect that is very specific to that place. My mother always talked like that, so she always represented to me La Mancha.

Pedro Almodóvar

บาดแผลทางใจที่เกิดขึ้นกับ Raimunda มักถูกเปรียบเทียบกับสิ่งที่อดีตผู้นำเผด็จการ Francisco Franco เคยกระทำชำเรา ทอดทิ้ง(บาดแผล)ไว้ให้ชาว Spanish ใครมีชีวิตพานผ่านช่วงเวลาดังกล่าว ย่อมมิอาจปล่อยละวาง เต็มไปด้วยความโกรธเกลียดเคียดแค้น อยากหาหนทางระบายอารมณ์อัดอั้นออกมา

ขณะที่คนรุ่นใหม่อย่าง Paula (บุตรสาวของ Raimunda) แม้ไม่ได้มีบาดแผลทางใจเหมือนมารดา แต่พอเธอเติบโตเป็นผู้ใหญ่ เรียนรู้เหตุการณ์ในอดีตบังเกิดขึ้น ย่อมเต็มไปด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราดเหมือนคนรุ่นก่อน และถ้าประวัติศาสตร์หวนย้อนกลับมาบังเกิดขึ้น จักปฏิเสธก้มหัวศิโรราบต่อบิดา/เผด็จการ พร้อมโต้ตอบเอาคืน ไม่ยินยอมสูญเสียเอกราช/พรหมจรรย์

I wanted revenge, the kind of revenge that sometimes may take centuries to carry out and that a grandchild, or the nephews of nephews, might still carry on their shoulders. I think this happens everywhere in Spain, not only in La Mancha. It was important for me to show another, totally different Spain, where life goes on, despite the cruel acts that have taken place in the so-called darker Spain. La Mancha is a region with a great tradition of tragedies.

การหวนกลับมาของมารดา (จะตีความว่าเป็นผี หรือคนจริงๆก็แล้วแต่) เพื่อให้บุตรสาว Raimunda (และผกก. Almodóvar) เรียนรู้จักการเผชิญหน้ากับอดีต เยียวยารักษาบาดแผลจิตใจ แม้มันไม่มีวันหายขาด แต่ความเจ็บปวดจักลดลงเท่าทวีคูณเมื่อเรารู้จักการยกโทษให้อภัย เลิกถือโทษโกรธใคร … แต่ความเกลียดชังต่อบิดา-สามี จอมพล Fransco ในมุมมองของผกก. Almodóvar ดูจะไม่มีวันลบเลือนหาย

แม้หนังจะเต็มไปด้วยเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิต-ความตาย แต่สำหรับผกก. Almodóvar ในวัยใกล้ถึงหกสิบ ยังคงโหยหาการใช้ชีวิต ปฏิเสธครุ่นคิดถึงความตาย “I do not accept death.” ตัดขาดไม่ได้เลยต้องต่อสู้ดิ้นรน จนกว่าจะถึงเวลาของตนเอง

I would like to be able to go on doing cinema with freedom and independence. I would like to be able to keep my imagination alive. I would like to be able to go back to the films I used to do, which had a greater sense of humour. And I would like very much to be able to go back to that joyful, humorous period of my life. Definitely, I would like to go on doing film without suffering any pressure or interference from outside. And also I would like to forget that everything has an end, because for me, at this moment of my life, there is a big crisis: it’s this idea of death. I do not accept death. And I think this is something I show in the film.


เข้าฉายรอบปฐมทัศน์ในประเทศ Spain เสียงตอบรับที่ดียอดเยี่ยม จึงมีโอกาสเดินทางสู่เทศกาลหนังเมือง Cannes แล้วสามารถคว้ามาสองรางวัล

  • Best Actress มอบให้ทีมนักแสดงหญิง (Ensemble Cast) ประกอบด้วย Penélope Cruz, Carmen Maura, Lola Dueñas, Blanca Portillo, Yohana Cobo และ Chus Lampreave
  • Best Screenplay

นอกจากนี้หนังได้รับเลือกเป็นตัวแทนประเทศส่งลุ้นรางวัล Oscar: Best Foreign Language แม้ผ่านการคัดเลือก 9 เรื่องสุดท้าย (January shortlist) แต่กลับหลุดโผลไม่ได้เข้าชิงอย่างงงๆ (ผู้ชนะปีนั้นคือ The Lives of Others (2006)) ถึงอย่างนั้น Penélope Cruz กลายเป็นนักแสดงจาก Spain คนแรกเข้าชิง Oscar: Best Actress

  • Academy Award: Best Actress (Penélope Cruz) พ่ายให้กับ Helen Mirren ภาพยนตร์ The Queen (2006)
  • Golden Globe
    • Best Foreign Language Film
    • Best Actress (Penélope Cruz)
  • BAFTA Award
    • Best Foreign Language Film
    • Best Actress (Penélope Cruz)
  • César Awards: Best Foreign Film
  • European Film Awards
    • European Film
    • European Director **คว้ารางวัล
    • European Actress (Penélope Cruz) **คว้ารางวัล
    • European Screenwriter
    • European Cinematographer **คว้ารางวัล
    • European Composer **คว้ารางวัล
    • EFA People’s Choice Award: Best European Film **คว้ารางวัล

ด้วยทุนสร้าง $9.4 ล้านเหรียญ สามารถทำเงินในประเทศ Spain ประมาณ $12.2 ล้านเหรียญ รวมรายรับทั่วโลก $85.5 ล้านเหรียญ ถือว่าเป็นผลงานทำเงินสูงสุดของผกก. Almodóvar มาจนถึงปัจจุบัน

ปัจจุบันหนังได้รับการสแกนใหม่ ‘digital transfer’ คุณภาพ 4K Ultra HD พร้อมของแถมอีกมากมาย จัดจำหน่ายโดย Sony Pictures เมื่อปี ค.ศ. 2023

Volver (2006) เป็นหนังที่ผมกึ่งชอบ-กึ่งไม่ชอบ รู้สึกสนใจมุมมองผกก. Almodóvar ต่อชีวิต-ความตาย เดินทางกลับบ้านเพื่อค้นหารากเหง้า เผชิญหน้าบาดแผลจากอดีต รื้อฟื้นความสัมพันธ์กับมารดา, แต่เรื่องราวเต็มไปด้วยความวุ่นๆวายๆ ชิบหายวายป่วง พยายามผสมผสานโน่นนี่นั่น คลุกเคล้าหลากหลายแนวหนัง (Genre) จนไม่หลงเหลือเวลาให้กับตนเองเรียนรู้ความหมายแท้จริงของชีวิต-ความตาย … เพียงสไตล์ Almodóvarian 

สไตล์ Almodóvarian อาจเต็มไปด้วยความวุ่นๆวายๆ อะไรไม่รู้มากมายเต็มไปหมด แต่หนังเรื่องนี้ชักชวนผู้ชมครุ่นคิดค้นหาความหมายของชีวิต-ความตาย เสี้ยมสอนให้รู้จักทบทวนตนเอง เผชิญหน้ากับปัญหา ตระหนักถึงความสำคัญครอบครัว และการเสียสละเพื่อลูกๆหลานๆ “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย”

จัดเรต 15+ กับความพยายามจะข่มขืน เหตุการณ์ฆาตกรรม

คำโปรย | Volver คือการหวนกลับบ้านของผู้กำกับ Pedro Almodóvar เพื่อเผชิญหน้าบาดแผลจากอดีต เข้าใจความหมายชีวิต-ความตาย
คุณภาพ | วิจิศิป์
ส่วนตัว | หวนกลับบ้าน

Leave a Reply

avatar

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.

  Subscribe  
Notify of
%d bloggers like this: