
Chishū Ryū ระหว่างอาบน้ำแร่ แช่ออนเซ็น เท้าเหยียบปิ่นปักผมได้รับบาดเจ็บ พูดคุยกับเพื่อนเข้าพัก รู้สึกเหมือนฝัน ราวกับกวีนิพนธ์ “my foot has been pierced by poetry” ใครๆต่างครุ่นคิดว่าเธอคนนั้นต้องเป็นหญิงสาวสวยแน่ๆ แต่ความจริงแล้ว …
Chishū Ryū ระหว่างอาบน้ำแร่ แช่ออนเซ็น เท้าเหยียบปิ่นปักผมได้รับบาดเจ็บ พูดคุยกับเพื่อนเข้าพัก รู้สึกเหมือนฝัน ราวกับกวีนิพนธ์ “my foot has been pierced by poetry” ใครๆต่างครุ่นคิดว่าเธอคนนั้นต้องเป็นหญิงสาวสวยแน่ๆ แต่ความจริงแล้ว …
หมอนวดตาบอดออกเดินทางไปยังรีสอร์ทบนเขา ระหว่างทางรถโดยสารแล่นผ่าน ได้กลิ่นหอมรัญจวนของหญิงสาวจาก Tokyo เกิดความฉงนสงสัย เธอมาพักผ่อนหรือทำอะไร? แม้สายตามองไม่เห็นแต่จิตใจมิได้มืดบอด
มองผิวเผินอาจเป็นแค่หนัง Road Movie ดำเนินไปอย่างเอื่อยๆเฉื่อยๆ (Slow Life) ไม่ได้มีเรื่องราวน่าตื่นตาตื่นใจอะไร แต่เบื้องลึกกลับซุกซ่อนผลกระทบจาก Shōwa Depression (1930-32) คำขอบคุณเล็กๆระหว่างการเดินทาง สามารถสร้างพลังชีวิตอย่างล้นหลาม, “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย”
ในยุคสมัยที่ญี่ปุ่นเต็มไปด้วยสารพัดปัญหาเศรษฐกิจ สงคราม การเมือง Our Neighbor, Miss Yae (1934) เป็นภาพยนตร์ที่ช่วยสร้างความเพลิดเพลินผ่อนคลาย เรื่องราวรักสดใสของวัยรุ่นหนุ่ม-สาว มันช่างมีความบริสุทธิ์ ไร้เดียงสา คิกขุอาโนเนะ
มันช่างประหลาดและน่าขัน! ภาพยนตร์ที่ถือเป็นหนังพูด (Talkie) เรื่องแรกของญี่ปุ่น กลับนำเสนอความน่ารำคาญของสรรพเสียง โดยเฉพาะเพื่อนบ้านขับร้อง-เล่นดนตรีแจ๊ส ส่งเสียงดังจนไม่สามารถทำการทำงาน พอจะไปห้ามปรามกลับม่วนจอยซะงั้น!
หนังเงียบขนาดสั้นเก่าแก่ที่สุดหลงเหลือถึงปัจจุบันของผู้กำกับ Mikio Naruse ทำการผสมผสาน Nansensu Kigeki (Nonsense Comedy) เข้ากับ Shōmin-geki (Common People Drama) ด้วยลวดลีลาภาพยนตร์ได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ
ผลงานเก่าแก่ที่สุดหลงเหลือถึงปัจจุบันของผู้กำกับ Yasujirô Ozu, นำเสนอเรื่องราวโรแมนติก-คอมเมอดี้ของสองเพื่อนสนิทตกหลุมรักหญิงสาวคนเดียวกัน พยายามเกี้ยวพาราสี ขายขนมจีบ ชักชวนไปเล่นสกี สุดท้ายแล้วเธอจะเลือกใคร?
น่าจะเป็นผลงานยอดเยี่ยมที่สุดของตลกอ้วน-ผอม Laurel and Hardy หนังสั้นความยาว 29 นาทีที่จะทำให้คุณขบขำกลิ้ง ม้วนตกบันได ไม่ได้มีเนื้อหาสาระอะไร เพียงความบันเทิงสุดคลาสสิก จบลงด้วยความชิบหายวายป่วน, คว้ารางวัล Oscar: Best Short Subject, Comedy
เชื่อกันว่าถ้าผู้กำกับ Alfred Hitchcock ยังไม่ออกเดินทางสู่ Hollywood ก็อาจได้สรรค์สร้าง Night Train to Munich (1940) ภาคต่อทางจิตวิญญาณของ The Lady Vanishes (1938) ซึ่งพอเปลี่ยนตัวผู้กำกับมาเป็น Carol Reed อาจไม่สไตล์ลิสต์เทียบเท่า แต่ยังพอมีดีหลายๆอย่าง
มิตรภาพระหว่างมหาเศรษฐี & ไอ้หนุ่มผิวสีเพิ่งออกจากคุกได้ไม่นาน อาจดูมีความงดงาม มนุษยธรรม แต่ขณะเดียวกันก็สะท้อนสภาพเป็นจริงในฝรั่งเศส ความแตกต่างระหว่างชนชั้นราวกับสวรรค์-นรก มันช่างเป็นเรื่องตลกร้ายยิ่งนัก!
มารดาผู้ฝักใฝ่ระบอบสังคมนิยมในเยอรมนีตะวันออก (East Germany) วันหนึ่งหัวใจวาย อาการโคม่า นอนสลบไสลพานผ่านช่วงการล่มสลายของกำแพงเบอร์ลิน ค.ศ. 1989 พอฟื้นตื่นทุกสิ่งอย่างได้ผันแปรเปลี่ยนไป บุตรชายพยายามทำเหมือนไม่เคยมีอะไรบังเกิดขึ้น ปกปิดความจริงเพื่อไม่ให้อาการป่วยของเธอทรุดหนักลงกว่าเดิม
Royal Tenenbaums (รับบทโดย Gene Hackman) คือหัวหน้าครอบครัวบกพร่อง (Dysfunctional family) อดีตเคยยิ่งใหญ่ ก่อนถูกภรรยาขับไล่ ทำให้ไม่มีโอกาสเลี้ยงดูแลบุตรหลาน มาวันนี้สาละวันเตี้ยลง ชีวิตอับจน เลยแสร้งป่วยใกล้ตาย เพื่อหวนกลับไปใช้เวลาช่วงสุดท้าย รื้อฟื้นฟูความสัมพันธ์กับครอบครัว
ตัวละครของ Gene Hackman เพิ่งได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำ จับพลัดจับพลูพบเจอ Al Pacino เพิ่งกลับจากการออกทะเล กลายมาเป็นภาพยนตร์ Road Movie คว้ารางวัล Palme d’Or จากเทศกาลหนังเมือง Cannes
La Boum ภาษาฝรั่งเศสแปลว่า The Party, บางครั้งใช้ชื่อ Ready for Love, เรื่องราวของหญิงสาวแรกรุ่นกับความวุ่นๆในรัก(ครั้งแรก) ตรงกันข้ามกับบิดา-มารดาที่ใกล้เลิกราหย่าร้าง ความเห็นต่างระหว่างคนสองรุ่น มันช่างครื้นเครง อลเวง
นักเรียนห้าคนโดนทำทัณฑ์บน ถูกกักบริเวณในห้องสมุดตลอดทั้งวันเสาร์ พวกเขาไม่มีอะไรทำนอกจากพูดคุยสนทนา เล่าปัญหาชีวิต/ครอบครัว จากคนแปลกหน้าเลยกลายเป็นเพื่อนสนิทสนม และผู้ชมบังเกิดความเข้าใจวัยรุ่นหัวขบถ, “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย”
ภาพยนตร์แจ้งเกิด Tom Cruise วัยรุ่นหนุ่ม หล่อ รวย พ่อ-แม่ไม่อยู่บ้าน ระริกระรี้แรดร่าน ตกหลุมรักหญิงขายบริการ Rebecca De Mornay ทดลองทำธุรกิจโสเภณี แม้มีความเสี่ยงสูง แต่คุ้มค่ากับการลงทุน
American Graffiti (1973) อาจไม่ได้เกี่ยวข้องกับรอยขูดขีดเขียน ภาพวาดกราฟฟิตี้บนผนังกำแพง แต่ทำการบันทึกวิถีวัยรุ่นอเมริกันยุค 60s วัฒนธรรมขับรถจีบสาว (Cruising) สำแดงพฤติกรรมหัวขบถ ขัดต่อขนบกฎกรอบ ท้าทายกฎหมายบ้านเมือง ปลดปล่อยตนเองสู่อิสรภาพ
บุตรสาวพร่ำบ่นถึงบิดา ไม่เคยแวะเวียนกลับหามารดา มัวแต่เอาอกเอาใจชู้รัก/เมียใหม่ จึงตัดสินใจออกเดินทาง ติดตามค้นหา ก่อนมาพบเจอเบื้องหลังอันขมขื่น ภาพยนตร์ดราม่าครอบครัวสุดซึ้ง ที่จักทำให้ลูกหลานครุ่นคิดถึงหัวอกบิดา-มารดา, “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย”
นักโทษสามคนถูกคุมขังในเรือนจำ วันหนึ่งชักชวนกันหลบหนี ตะลึ่งตึงโป๊ะ! แล้วพวกเขาก็สามารถหลบหนีออกมาได้สำเร็จ? ตลกร้ายสไตล์ Jim Jarmusch ที่จะทำให้คุณประทับใจในมิตรภาพไม่รู้ลืมเลือน
ด้วยความที่ ฝัน บ้า คาราโอเกะ (พ.ศ. ๒๕๔๐) สร้างความอับอายให้เป็นเอก รัตนเรือง เวลาไปฉายตามเทศกาลหนัง “มันดูโชว์ออฟ มันดูหวือหวา ดูแบบเหมือนคนแต่งตัวจัด แต่ไม่ค่อยมีอะไรในสมองเท่าไหร่” ทว่ายี่สิบนาทีสุดท้ายของหนังที่ดำเนินเรื่องในหนึ่งวันมันเวิร์คแฮะ เลยอยากทำเรื่องถัดไปที่มีแค่หนึ่งวัน หนึ่งสถานที่ เรื่องตลก 69