
ด้วยความที่ผู้กำกับ Stanley Kubrick เพิ่งร่วมงานนักแสดง Kirk Douglas เลยยินยอมมาเป็นมือปืนรับจ้างภาพยนตร์ Spartacus (1960) เพราะคือโอกาสได้จับหนังใหญ่ระดับมหากาพย์ น่าเสียดายถ้าได้ควบคุมงานสร้างตั้งแต่เริ่มต้น ผลลัพท์อาจทำออกมาน่าสนใจกว่านี้
intermediate ระดับปานกลาง เหมาะสำหรับผู้เริ่มมีความเชี่ยวชาญ เป็นประจำบ่อยครั้ง

ด้วยความที่ผู้กำกับ Stanley Kubrick เพิ่งร่วมงานนักแสดง Kirk Douglas เลยยินยอมมาเป็นมือปืนรับจ้างภาพยนตร์ Spartacus (1960) เพราะคือโอกาสได้จับหนังใหญ่ระดับมหากาพย์ น่าเสียดายถ้าได้ควบคุมงานสร้างตั้งแต่เริ่มต้น ผลลัพท์อาจทำออกมาน่าสนใจกว่านี้

เส้นทางสู่เกียรติยศที่ยิ่งใหญ่ มักแลกมาด้วยหายนะอันเลวร้าย การเสียสละของทหารหาญมากมาย สูญเสียเลือดเนื้อ ชีวิต และจิตวิญญาณ มันคุ้มค่ากันแล้วใช่ไหม?

การปล้นเงินพนันในสนามแข่งม้าครั้งนี้ ถูกวางแผนอย่างดีราวกับเกมหมากรุก แต่ละคนต่างมีหน้าที่เฉพาะของตนเอง และต้องร่วมมือกันเท่านั้นถึงโจรกรรมสำเร็จ

หลงเข้าไปในเขาวงกต พบเจอสัตว์อสูรจากเทพนิยาย เผชิญหน้าบททดสอบอันท้าทาย แต่ยังเทียบไม่ได้กับความเหี้ยมโหดร้ายของระบอบเผด็จการ Francoist Spain

หลังจากโปรดิวเซอร์แทรกแซง Mimic (1997) และบิดาถูกลักพาตัวเรียกค่าไถ่ เป็นเหตุให้ผู้กำกับ Guillermo del Toro จำต้องหวนกลับหารากเหง้า สรรค์สร้างภาพยนตร์ภาษา Spanish เพื่อระบายอารมณ์อัดอั้น ฉันทำผิดอะไรถึงโดนกลั่นแกล้งสารพัด เคียดแค้นฝังหุ่นตราบจนวันตาย!

ไม่ใช่แค่แมลงสาปสายพันธ์ Judas Breed ที่วิวัฒนาการด้วยการลอกเลียนแบบ (Mimic) ความสามารถของผู้ล่า แต่ยังผู้กำกับ Guillermo del Toro สรรค์สร้างภาพยนตร์เรื่องนี้เพื่อทำการเคารพคารวะบรรดาโคตรหนัง Horror

สำรวจจิตวิทยาสังคมอเมริกันในทศวรรษ 1980s มีสภาพไม่ต่างจากผู้ป่วยจิตเภท! เบื้องหน้าพยายามสร้างภาพให้ดูดี ทำตัวเหมือนคนมีศีลธรรม แต่ลับหลังกลับแสดงอาการคลุ้มบ้าคลั่ง ระเบิดระบายอารมณ์อัดอั้น ฆาตกรอํามหิตไม่สนห่าเหวอะไรใครทั้งนั้น!

ในขณะที่ Silence (2016) ของผู้กำกับ Martin Scorsese นำเสนอผ่านมุมมองคนนอก เต็มไปด้วยสัญญะศาสนา ความเชื่อศรัทธาส่วนบุคคล, ฉบับของผู้กำกับ Masahiro Shinoda มุ่งเน้นฉายภาพการใช้อำนาจรัฐ กดขี่ข่มเหงประชาชนครุ่นคิดเห็นแตกต่าง ซึ่งสามารถสะท้อนสภาพสังคม-การเมืองญี่ปุ่นปัจจุบัน(นั้น)

หนังเงียบเรื่องสุดท้ายของผู้กำกับ Mikio Naruse และกับสตูดิโอ Shōchiku ก่อนย้ายไป P.C.L. Studios (ในอนาคตจะผนวกรวมกับ Toho) ร้อยเรียงทิวทัศน์ท้องถนน Ginza, Tokyo เก็บฝังไว้ในไทม์แคปซูล

หนังเงียบเรื่องสุดท้ายหลงเหลืออยู่ของผู้กำกับ Yasujirô Ozu ร้อยเรียงภาพความทุกข์ยากลำบาก ปากกัดตีนถีบของชนชั้นรากหญ้าชาว Tokyo โรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ผุดขึ้นยังกะดอกเห็ด แต่กลับไม่มีใครว่าจ้างงาน พ่อ-ลูกสองจึงต้องหาเงินด้วยการไล่จับสุนัขจรจัด

เรื่องราวของพ่อเลี้ยงเดี่ยว ให้ความช่วยเหลือหญิงสาวแรกรุ่นที่ถูกไล่ออกจากงาน จากนั้นพยายามเกี้ยวพาราสี ขายขนมจีบ แต่เธอไม่รับรัก ความสุขช่วงสั้นๆผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ความทุกข์ก็เฉกเช่นเดียวกัน!

ภาพยนตร์ที่ดูไม่น่าสร้างโดย Yasujirô Ozu แต่สำแดงอิทธิพลจาก Hollywood หลงใหลคลั่งไคล้หนังอาชญากรรม ทำออกมาอย่างสไตล์ลิสต์ ติสต์แตก! การแสดงของ Kinuyo Tanaka ก็เจิดจรัสไม่แพ้กัน!

อีกหนึ่ง Holy Grail แห่งวงการภาพยนตร์! เคยได้รับการโหวตอันดับ #1 จากนิตยสาร Kinema Junpo: Top Ten Japanese Films of the Past 60 Years เมื่อปี ค.ศ. 1959, ดั้งเดิมมีทั้งหมดสามภาค แต่หลงเหลือถึงปัจจุบันแค่เพียงเสี้ยวภาคสอง และเต็มเรื่องภาคสาม

เชื่อกันว่าถ้าผู้กำกับ Alfred Hitchcock ยังไม่ออกเดินทางสู่ Hollywood ก็อาจได้สรรค์สร้าง Night Train to Munich (1940) ภาคต่อทางจิตวิญญาณของ The Lady Vanishes (1938) ซึ่งพอเปลี่ยนตัวผู้กำกับมาเป็น Carol Reed อาจไม่สไตล์ลิสต์เทียบเท่า แต่ยังพอมีดีหลายๆอย่าง

White Heat มีอยู่สองความหมาย อุณหภูมิร้อนมากๆจนแผ่แสงสีขาวออกมา, หรือการแสดงออกทางอารมณ์อย่างรุนแรง คลุ้มบ้าคลั่ง ซึ่งสามารถสื่อถึงพฤติกรรมตัวละครของ James Cagney อาชญากรโรคจิต (Psychopath) ผู้มีความอำมหิต ไม่เคยไว้ใจใครนอกจากมารดา

The Roaring Twenties คือคำนิยามทศวรรษ 1920s เมื่อสหรัฐอเมริกาออกกฎหมายห้ามขายสุรา (Prohibition Era) แต่ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ เกิดการลักลอบผลิต-ขนส่ง-จัดจำหน่ายเหล้าเถื่อน จนกลายเป็นยุคสมัยอาชญากรครองเมือง!

เพื่อนวัยเด็กสองคนเติบโตขึ้นด้วยทิศทางชีวิตแตกต่างตรงกันข้าม, Pat O’Brien (Angels) หันเข้าหาศาสนา บาทหลวงคอยให้การดูแลเด็กกำพร้า, James Cagney (Dirty Faces) กลายเป็นอาชญากร ปล้นเงินมาแบ่งปันความสุขชั่วครั้งคราว, ภาพยนตร์สอนธรรมเกี่ยวกับการเลือกเส้นทางชีวิต “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย”

ในวงการตำรวจ Heat คือคำเรียกสถานการณ์ตึงเครียด เกิดเหตุการณ์รุนแรงจนต้องส่งเจ้าหน้าที่ออกปฏิบัติงาน ไล่ล่าติดตามตัวคนร้าย ควบคุมความสงบโดยไว! ซึ่งในบริบทหนังถูกใช้แทนความอาฆาตแค้นครั้งใหญ่ของนักสืบ Glenn Ford ออกค้นหาฆาตกรเข่นฆ่าภรรยา เธอไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรด้วยเลยสักนิด!

อาจถือเป็นภาคต่อทางจิตวิญญาณของ The Woman in the Window (1944) นักแสดง+ทีมงานแทบจะยกชุดเดิม! เรื่องราวก็มีความละม้ายคล้าย Edward G. Robinson ถูกลวงล่อหลอกโดยมารยาหญิงของ Joan Bennett แต่คราวนี้มันไม่ใช่ความฝันอีกต่อไป!

หนังทุนต่ำเกรดบี ไม่มีนักแสดงชื่อดัง เรื่องราวอาจงั้นๆ แต่ลีลานำเสนอของผู้กำกับ Robert Aldrich มีความดิบ-เถื่อน บ้าระห่ำ (Hard-Boiled) ชักชวนตั้งคำถาม อะไรอยู่ในกระเป๋า? (MacGuffin) มันช่างลุ่มร้อน มอดไหม้ สร้างหวาดระแวงต่อการมาถึงของวันสิ้นโลก (Apocalyptic)