The Masseurs and a Woman

The Masseurs and a Woman (1938) Japanese : Hiroshi Shimizu ♥♥♥♥

หมอนวดตาบอดออกเดินทางไปยังรีสอร์ทบนเขา ระหว่างทางรถโดยสารแล่นผ่าน ได้กลิ่นหอมรัญจวนของหญิงสาวจาก Tokyo เกิดความฉงนสงสัย เธอมาพักผ่อนหรือทำอะไร? แม้สายตามองไม่เห็นแต่จิตใจมิได้มืดบอด

ญี่ปุ่นขณะนั้นกำลังเข้าสู่สงคราม Second Sino-Japanese War (1937-45) รัฐบาลทหารเรียกร้องให้บรรดาผู้กำกับสรรค์สร้างภาพยนตร์ชวนเชื่อ รักชาติ (Patriotic Film) แต่ทว่าผกก. Shimizu ไม่สนห่าเหวอะไรใครทั้งนั้น ขนอุปกรณ์/สิ่งข้าวของถ่ายทำภาพยนตร์ ออกเดินทางไปท่องเที่ยวพักผ่อนยังออนเซ็น รีสอร์ทบนเขา

The Masseurs and a Woman (1938) มองผิวเผินอาจเป็นหนังแนวแอบรัก & คอมเมอดี้ มีความเพลิดเพลินผ่อนคลาย แต่การเลือกตัวละครหมอนวดตาบอด สายตามองไม่เห็นกลับสามารถรับรู้แทบจะทุกสิ่งอย่าง! และหญิงสาวที่เหมือนจะหลบหนีจากอะไรบางอย่างจาก Tokyo … นี่เป็นการสำแดงทัศนคติของผกก. Shimizu ต่อบางสิ่งอย่าง ฤาจะสื่อถึงสงคราม?


Hiroshi Shimizu, 清水宏 (1903-66) ผู้กำกับภาพยนตร์ สัญชาติญี่ปุ่น เกิดที่ Yamaka, Shizuoka บิดาเป็นพนักงานบริษัทเหมือง Furukawa Mining Company ส่วนมารดาคือทายาทตระกูล Ohashi เจ้าของธุรกิจป่าไม้ ฐานะครอบครัวถือว่าร่ำรวย กินหรูอยู่สบาย แต่บุตรชายไม่ชอบเรียนหนังสือ ทำตัวเป็นนักเลงรีดไถเงินเพื่อนฝูงไปเที่ยวเกอิชา ถูกบังคับให้เข้าศึกษาคณะวนศาสตร์ Hokkaido University ทนอยู่เพียงปีเดียวก็ลาออก เดินทางสู่กรุง Tokyo เข้าร่วมสตูดิโอ Shōchiku ฝึกงานเป็นผู้ช่วยผู้กำกับ Yoshinobu Ikeda สรรค์สร้างภาพยนตร์เรื่องแรกเมื่อปี ค.ศ. 1924 ขณะอายุเพียง 21 ปี!

按摩と女 อ่านว่า Anma to Onna แปลตรงตัว The Masseurs and a Woman (สังเกตว่า The Masseurs เป็นคำพหูพจน์ ส่วนหญิงสาวมีคนเดียว a Woman) สร้างขึ้นจากบทดั้งเดิมของผกก. Shimizu เพราะเป็นคนชื่นชอบท่องเที่ยว จึงมีความคุ้นเคยรีสอร์ทบนเขา หมอนวดตาบอด น่าจะพัฒนาเรื่องราวจากประสบการณ์ส่วนตัวเลยกระมัง

สองหมอนวดตาบอด Tokuichi (รับบทโดย Shin Tokudaiji) และ Fukuinchi (รับบทโดย Shinichi Himori) ในช่วงฤดูร้อนของทุกปีจะย้ายจากโรงแรมติดทะเล (Seaside) เดินทางไปยังรีสอร์ทออนเซ็นบนเขา (Mountain) เพราะเป็นช่วงเวลา (High Season) ที่มีนักท่องเที่ยวมาพักผ่อนมากกว่า

โดยในปีนี้ Tokuichi มีความสนอกสนใจหญิงสาวจากโตเกียว Michiho Misawa (รับบทโดย Mieko Takamine) เดินทางมาตัวคนเดียว ชอบเทียวไปเทียวมา แถมช่วงเวลานี้มีข่าวการลักขโมยเกิดขึ้นบ่อยครั้ง จนสร้างความเข้าใจผิดครุ่นคิดว่าเธอคือหัวขโมย พอได้ยินตำรวจกำลังจะมา จึงแอบให้ความช่วยเหลือพาหลบหนี แต่แท้จริงแล้ว …


Shin Tokudaiji, 徳大寺伸 ชื่อจริง Shizuo Terada, 寺田 静夫 (1911-95) นักแสดงสัญชาติญี่ปุ่น เกิดที่ Tokyo ครอบครัวประกอบกิจการร้านอาหาร ฐานะค่อนข้างดี โตขึ้นสอบเข้ามหาวิทยาลัย Keio University ก่อนตัดสินใจออกมาเข้าร่วมสตูดิโอ Shōchiku ทีแรกตั้งใจจะเป็นนักเขียน ก่อนเปลี่ยนมาเป็นนักแสดง ผลงานเด่นๆ อาทิ Woman in the Mist (1936), The Masseurs and a Woman (1938) ฯ

รับบทหมอนวดตาบอด Tokuichi ผู้มีสัมผัสพิเศษ (Sixth Sense) สามารถแยกแยะลูกค้าได้จากกลิ่น ตกหลุมรักแรกพบหญิงสาวจาก Tokyo แม้ลึกๆไม่อยากเชื่อว่าเธอคือหัวขโมย แต่หลากหลายความบังเอิญทำให้เขาครุ่นคิดเข้าใจผิด จึงแอบให้ความช่วยเหลือพาหลบหนี ก่อนเธอยินยอมเปิดเผยเบื้องหลังความจริง

ในขณะที่เพื่อนนักแสดง หมอนวดตาบอดอีกคน Shinichi Himori เวลาก้าวเดินไปไหนมาไหนมักลืมตา แล้วแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นเบื้องหน้า, แต่สำหรับ Tokudaiji โอบรับความตาบอดของตัวละคร ใช้การเหลือบตาขึ้นบน และหลับตาเดินจริงๆ ผมเห็นแล้วยังเกิดความหวาดเสียวแทนในหลายๆฉาก

แม้มองไม่เห็นแต่จิตใจมิได้มืดบอด Tokuichi ชอบทำจมูกฟุดฟิด สัมผัสทางกลิ่นไม่เป็นสองรองใคร โดยเฉพาะน้ำหอมของหญิงสาวจากกรุง Tokyo ช่างเตะจมูกเตะใจ (เตะตาเตะใจ) แค่เพียงเดินสวนทาง เขาก็สามารถจดจำเธอได้ … นี่มันสุนัขดมกลิ่นชัดๆ

ด้วยความที่ตนเองเป็นเพียงหมอนวดตาบอด แอบตกหลุมรักหญิงสาวจาก Tokyo ไม่ต่างจากดอกฟ้ากับหมาวัด! รับรู้ตนเองว่าไม่มีวันได้ครอบครอง แต่ขอได้ทำบางสิ่งอย่าง ปกปักษ์รักษา เทวดาผู้พิทักษ์ (Guardian Angel) ให้ความช่วยเหลือพาหลบหนี โชคยังดีที่เธอไม่ได้กระทำผิดอะไร แต่การจากไปโดยไม่กล่าวร่ำลา ทอดทิ้งกลิ่นหอมหวน ให้ปั่นป่วนหัวใจตราบชั่วกาลนาน


Mieko Takamine, 高峰三枝子 ชื่อจริง 鈴木 三枝子, Mieko Suzuki (1918-90) นักแสดงสัญชาติญี่ปุ่น เกิดที่ Tokyo หลังเรียนจบมัธยมได้เข้าร่วมสตูดิโอ Shōchiku แสดงภาพยนตร์เรื่องแรก แสดงภาพยนตร์เรื่องแรก Kimi yo takarakani utae (1936) ผลงานเด่นๆ อาทิ The Masseurs and a Woman (1938), Brothers and Sisters of the Toda Family (1941), The Inugami Family (1976) ฯ

เกร็ด: Mieko Takamine ไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดใดๆกับ Hideko Takamine

รับบท Michiho Misawa หญิงสาวจาก Tokyo น่าจะเป็นชู้รักของใครบางคน แล้วเกิดความเบื่อหน่ายที่ต้องหลบๆซ่อนๆ ราวกับนกในกรง โหยหาอิสรภาพชีวิต จึงตัดสินใจหลบหนี ทอดทิ้งทุกสิ่งอย่าง มาพักผ่อนยังรีสอร์ทบนเขา พบปะเพื่อนใหม่ ได้รับน้ำใจจากหมอนวด Tokuichi หลังเหตุการณ์วุ่นๆวายๆ จึงตัดสินใจออกเดินทางต่อ

การแสดงของ Takamine ราวกับนกน้อยที่ได้รับการปลดปล่อย เบิกบานด้วยรอยยิ้ม ร่าเริงสดใส เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ไม่เคยแสดงความทุกข์ทรมานจากอดีต ผู้ชมเลยไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าเธอเคยพานผ่านอะไรมา แค่พอสังเกตได้ว่ามันดูผิดปกติที่หญิงสาวมาท่องเที่ยวตัวคนเดียว

ความสัมพันธ์ระหว่าง Michiho กับหมอนวดตาบอด Tokuichi คงเกิดจากความฉงนสงสัย ใคร่อยากรู้อยากเห็น จงใจเดินผ่าน/ผิดนัดหมาย/แกล้งไม่สนใจ เพลิดเพลินกับปฏิกิริยาของอีกฝ่าย จักสามารถรับรู้หรือไม่ว่าฉันคือใคร? และเมื่อเขาพยายามพาหลบหนี แม้เป็นเรื่องเข้าใจผิด แต่นั่นสร้างความประทับใจอย่างล้นหลาม … ช่วงแรกๆเธอมองเขาเพียงเพื่อนกลั่นแกล้งเล่น แต่หลังเหตุการณ์นั้นจึงเริ่มเห็นเป็นมนุษย์ขึ้นมา


ถ่ายภาพโดย Masao Saitō, 斎藤正夫 ตากล้องในสังกัดสตูดิโอ Shōchiku ไต่เต้าจากเป็นผู้ช่วย No Blood Relation (1932), Every-Night Dream (1933), Street Without End (1934), ได้รับเครดิตถ่ายภาพ Children in the Wind (1937), The Masseurs and a Woman (1938), Four Seasons of Children (1939) ฯ

แตกต่างจากยุคสมัยหนังเงียบที่ ‘สไตล์ Shimizu’ แพรวพราวด้วยสารพัดลูกเล่นภาพยนตร์, งานภาพของ The Masseurs and a Woman (1938) แทบไม่มีอะไรให้พูดกล่าวถึง ส่วนใหญ่ตั้งกล้องแน่นิ่ง น้อยครั้งถึงมีการขยับเคลื่อนไหวติง ยกตัวอย่าง ระหว่างการเดินขึ้นเขาใช้วิธีเคลื่อนติดตาม (Tracking Shot) บางครั้งนำหน้าตัวละคร บางครั้งก็ถ่ายจากด้านหลัง หรือถ่ายฝีเท้าขณะเร่งรีบหลบหนี ฯ

การตั้งกล้องทิ้งไว้เฉยๆ เป็นการสร้างระยะห่างระหว่างผู้ชม-ตัวละคร ใกล้สุดพบเห็นคือ Medium Shot จุดประสงค์เพื่อให้อิสระผู้ชมในการสังเกตการณ์ (Observation Cinema) จะชื่นชมองค์ประกอบภาพ ความงดงามทิวทัศน์พื้นหลัง หรือจับจ้องมองเหตุการณ์บังเกิดขึ้นกับตัวละคร … ก็แล้วแต่ความสนใจ

จริงๆมันมีอีกเหตุผลที่หนังแทบไม่พบเห็นช็อตระยะใกล้ เพราะวิธีการของผกก. Shimizu คือบันทึกเสียงภายหลังการถ่ายทำ (เพราะอุปกรณ์บันทึกเสียงสมัยนั้นมีความอ่อนไหวสูง (Sensitive) เลยยังไม่สามารถถ่ายภาพ+บันทึกเสียงยังสถานที่จริงไปพร้อมๆกัน) นั่นทำให้บ่อยครั้งปากขยับไม่ตรงกับเสียงได้ยิน การถ่ายภาพที่มีระยะห่างจากใบหน้านักแสดง ผู้ชมจึงมองไม่ค่อยเห็นความผิดพลาดดังกล่าว!


ตัดต่อไม่มีเครดิต, หนังดำเนินเรื่องผ่านมุมมองหมอนวด และบางครั้งหญิงจาก Tokyo (ตามชื่อหนัง The Masseurs and a Woman) เริ่มต้นจากการเดินทางมาถึงยังรีสอร์ทบนภูเขา เกิดเหตุวุ่นๆวายๆเพราะโจรลักขโมยสิ่งข้าวของ นั่นทำให้ Tokuichi เกิดความครุ่นคิดเข้าใจผิดว่า Michiho คืออาชญากรหลบหนีคดี แอบให้ความช่วยเหลือ ก่อนเรียนรู้เบื้องหลังความจริง

  • การมาถึงของหมอนวด
    • Tokuichi & Fukuinchi พูดคุยกันระหว่างเดินขึ้นเขา
    • พอมาถึงก็ทักทายเจ้าของโรงแรม
    • ให้บริการนวดกับลูกค้า
  • เรื่องวุ่นๆในโรงแรม
    • วันถัดมาคณะของหนุ่มๆปีนเขาไม่ไหว พ่ายแพ้ให้กับคณะของสาวๆ
    • Michiho เรียกใช้บริการ Tokuichi แต่ระหว่างทางเธอกลับเดินสวนไป
    • เกิดเหตุลักขโมยเงินในโรงแรม
    • Michiho กลับมาถึงโรงแรม แต่ก็ไม่ได้ใช้บริการของ Tokuichi
    • เด็กชายไม่อยากกลับ Tokyo เลยหนีมาพึ่งใบบุญของ Michiho
    • ค่ำคืนนี้ Tokuichi ปฏิเสธรับงานนวด เพราะต้องการให้บริการ Michiho แต่เธอไม่เคยเรียกขาน, Fukuinchi จึงออกงานแทน
    • ระหว่างทาง Tokuichi มีเรื่องชกต่อยกับคณะของหนุ่มๆ ได้รับบาดเจ็บขณะเดินทางกลับบ้าน
  • เธอคือผู้ต้องสงสัย
    • เช้าวันถัดมา Fukuinchi เล่าว่าเมื่อคืนที่โรงแรมเกิดเหตุเงินหาย ถูกสอบปากคำจนไม่ได้หลับได้นอน
    • Michiho ทำเหมือนแสดงความสนใจลุงของเด็กชาย
    • ลุงของเด็กชายพยายามยืดยื้อไม่ยอมกลับบ้าน
    • Tokuichi แสร้งว่าจะเล่นน้ำกับเด็กชาย แต่จุดประสงค์แท้จริงคือเรียกร้องความสนใจจาก Michiho 
    • ลุงของเด็กชายตัดสินใจกลับบ้านเสียที!
    • ตำรวจเดินทางมาตรวจค้น
    • Tokuichi จึงแอบให้ความช่วยเหลือ Michiho พาหลบหนี
    • Michiho เปิดเผยความจริงว่าไม่เคยลักขโมยเงินใคร เป็นความเข้าใจผิดล้วนๆ
    • วันถัดมา Michiho ออกเดินทางโดยไม่ร่ำลาจาก Tokuichi

เพลงประกอบโดย Senji Itō, 伊藤宣二 นักแต่งเพลงในสังกัดสตูดิโอ Shōchiku ร่วมงานขาประจำผู้กำกับ Yasujirô Ozu และ Hiroshi Shimizu ผลงานเด่นๆ อาทิ The Only Son (1936), Children in the Wind (1937), The Masseurs and a Woman (1938), Four Seasons of Children (1939), Osaka Woman (1940), The Brothers and Sisters of the Toda Family (1941), Children of the Beehive (1948), Late Spring (1949), Early Summer (1951) ฯ

ผมมีความประทับใจเพลงประกอบภาพยนตร์ Mr. Thank You (1936) เลยเต็มไปด้วยความคาดหวังว่าผลงานถัดๆมา ผกก. Shimizu จักเลือกบทเพลงที่สามารถสร้างความอภิรมย์เริงใจระหว่างการรับชม แต่กลับกลายเป็นว่า … เกินกว่าครึ่งของ The Masseurs and a Woman (1938) แทบจะไม่ได้ยินเพลงประกอบเลยด้วยซ้ำ!

มันก็พอทำความเข้าใจได้ว่า The Masseurs and a Woman (1938) ไม่ได้มีช่องว่างสำหรับแทรกใส่เพลงประกอบได้เหมือน Mr. Thank You (1936) แต่การเลือกใช้ความเงียบงัน สร้างความตึงเครียดมากกว่าจะรู้สึกผ่อนคลาย ทำให้อรรถรสในการรับชมสูญเสียไปพอสมควร

แต่นี่ผมไม่ได้จะกล่าวโทษงานเพลงของ Itō ลองฟังจาก Opening Credit สัมผัสได้ถึงความขี้เล่น ซุกซน สอดคล้องเข้ากับเรื่องราวของหนัง อารัมบทความตลกขบขันได้อย่างน่าประทับใจ แค่ว่าเพลงประกอบโดยรวมถูกนำไปใช้งานไม่เต็มศักยภาพสักเท่าไหร่ … จริงๆเพราะข้อจำกัดการบันทึกเสียงของยุคสมัยนั้นด้วยละ ยังไม่มีเทคนิคการผสมเสียง (Sound Mixing) เลยทำให้การพากย์เสียงพร้อมเพลงประกอบทำได้ยากยิ่งนัก!

The Masseurs and a Woman (1938) นำเสนอเรื่องราวของหมอนวดตาบอด และหญิงสาวจาก Tokyo ทั้งสองมีความแตกต่างตรงกันข้าม ดอกฟ้ากับหมาวัด! แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไม่มีสามารถมีปฏิสัมพันธ์ พึ่งพาอาศัย ให้ความช่วยเหลือกันและกัน

ในมุมของหมอนวดตาบอด แม้ไม่เคยพบเห็นใบหน้า โฉมสะคราญเพียงใด แต่กลิ่นหอมรัญจวนของหญิงสาวจาก Tokyo ทำให้เขาตกหลุมรักแรกพบ แม้รับรู้ตนเองว่ามิอาจเอื้อมมือไขว่คว้า ขอแค่มีโอกาสได้ปกป้อง ให้ความช่วยเหลือ เทวดาผู้พิทักษ์ (Guardian Angel) แค่นั้นก็เป็นสุขใจ

ในมุมของหญิงสาวจาก Tokyo ไม่ได้ครุ่นคิดอะไรกับหมอนวดตาบอด เพียงความฉงนสงสัย อยากรู้อยากเห็น กลั่นแกล้งเล่นตามประสา เพราะชีวิตเพิ่งได้รับอิสรภาพมาไม่นาน จึงกำลังเรียนรู้จักโลกใบใหม่ หลังจากเขาพยายามช่วยเธอหลบหนี สำแดงมนุษยธรรมออกมา แม้ทั้งหมดคือเรื่องเข้าใจผิด กลับสร้างความประทับใจ บังเกิดขวัญกำลังใจ พร้อมออกเดินทางต่อโดยไม่หันกลับมาเหลียวหลัง

ญี่ปุ่นขณะนั้นกำลังเข้าสู่สงคราม Second Sino-Japanese War (1937-45) รัฐบาลทหารเรียกร้องให้บรรดาผู้กำกับภาพยนตร์สร้างหนังชวนเชื่อ รักชาติ (Patriotic Film) นี่ไม่ใช่ว่าผกก. Shimizu ปิดหูปิดตา ไม่สนใจโลกภายนอก จริงๆแล้วเขารับรู้ทุกสิ่งอย่างเหมือนหมอนวด แม้สายตามองไม่เห็น แต่จิตใจไม่ได้มืดบอด

การเดินทางไปท่องเที่ยวพักผ่อน/สรรค์สร้างภาพยนตร์ The Masseurs and a Woman (1938) ก็เหมือนกับหญิงสาวจาก Tokyo เพราะความเบื่อหน่ายวิถีชีวิตที่เป็นอยู่ รู้สึกเหมือนถูกกักขัง นกในกรง ไร้ซึ่งอิสรภาพ จึงต้องการหลบหนี กางปีกโบยบิน ทำไมฉันต้องทำตามสิ่งที่รัฐบาลทหารเรียกร้อง? เป็นหนังที่ไม่ได้มีใจความต่อต้านสงคราม แต่ซุกซ่อนทัศนคติ Anti-War ได้อย่างแนบเนียน!

ใครกันคือหัวขโมย? โดยไม่รู้ตัวผกก. Shimizu ได้สร้าง MacGuffin ที่ไม่มีใครตอบได้ว่าคือใคร? มาจากไหน? ทุกคนล้วนเป็นผู้ต้องสงสัย ลูกค้า พนักงาน หมอนวด หรือแม้แต่หญิงสาวจาก Tokyo (ต่อให้เธอยืนยันว่าไม่ได้ทำ แต่หนังก็ไม่ได้แสดงหลักฐานพิสูจน์ความบริสุทธิ์เช่นกัน) ถึงอย่างนั้นเราสามารถมองในเชิงสัญลักษณ์ บุคคลที่สร้างความหวาดระแวง วิตกจริต (รวมถึงการเข้าใจผิด) นี่สามารถสะท้อนบรรยากาศสงครามของญี่ปุ่นได้ด้วยเช่นกัน

ชีวิตจริงของผกก. Shimizu ก็เป็นคนชื่นชอบเที่ยวเตร่ สำมะเลเทเมา เปลี่ยนหญิงสาวไม่ซ้ำหน้า โหยหาอิสรภาพชีวิต และยังเป็นผู้กำกับชาวญี่ปุ่นคนแรกๆที่มักถ่ายทำนอกสถานที่ ห่างไกลจากกรุง Tokyo หรือสตูดิโอ Shōchiku แม้ในยุคหนังพูดที่อุปกรณ์บันทึกเสียงยังมีความละเอียดอ่อน ก็ยังคงปฏิเสธครอบงำตนเองอยู่ภายใต้ข้อจำกัดดังกล่าว

ผลงานของผกก. Shimizu ผมสังเกตว่ามักเคลือบแฝงข้อคิดเกี่ยวกับมนุษยธรรม The Masseurs and a Woman (1938) อาจไม่ได้กล่าวถึงความแตกต่างทางสถานะชนชั้นโดยตรง แต่ความรักเกิดขึ้นได้ทุกแห่งหน กับทุกผู้คน หมอนวดตาบอดรับรู้ว่ามิอาจได้ครอบครองหญิงสาวจาก Tokyo แต่ขอแค่ให้ได้ปกปักษ์รักษา เทวดาผู้พิทักษ์ ช่วยเหลือยามเธอตกทุกข์ยากลำบาก … นี่เรียกว่าความรักอันบริสุทธิ์ มันช่างหอมหวน ตลบอบอวน


ปัจจุบันหนังน่าจะยังไม่ได้รับการบูรณะ แต่ดีวีดีบ็อกเซ็ต Travels with Hiroshi Shimizu (2009) ของค่าย Criterion Collection ประกอบด้วย Japanese Girls at the Harbor (1933), Mr. Thank You (1936), The Masseurs and a Woman (1938), Ornamental Hairpin (1941) ทำการแสกนใหม่ มันอาจยังมีริ้วรอยขีดข่วนอยู่บ้าง คุณภาพโดยรวมถือว่าใช้ได้เลยละ

The Masseurs and a Woman (1938) อาจไม่ได้มีความลุ่มลึกเทียบเท่า Mr. Thank You (1936) ถึงอย่างนั้นทำการปรับเปลี่ยนจากสะท้อนปัญหาสังคม มาเป็นสำแดงความรู้สึกตนเอง ฉันไม่ได้มืดบอดต่อสงคราม แต่สงครามต่างหากที่ทำให้ใครต่อใครมองไม่เห็นมนุษยธรรม มันช่างมีความงดงามยิ่งนัก!

จัดเรตทั่วไป รับชมได้ทุกเพศวัย

คำโปรย | The Masseurs and a Woman แม้สายตามองไม่เห็น แต่จิตใจมิได้มืดบอด กลิ่นหอมรัญจวนของเธอตลบอบอวลในใจฉัน
คุณภาพ |
ส่วนตัว | หอมหวน

Leave a Reply

avatar

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.

  Subscribe  
Notify of
%d bloggers like this: