The Lives of Others

The Lives of Others (2006) German : Florian Henckel von Donnersmarck ♥♥♥♥

ในสายตาชนชั้นปกครองประเทศสังคมนิยม East Germany ชีวิตของประชาชนแทบไม่มีคุณค่าอะไร ใครตกเป็นผู้ต้องสงสัยล้วนถูกสอดแนม ติดเครื่องดักฟัง กระทำผิดพลาดเพียงเล็กน้อยจักถูกใช้เป็นเครื่องมือต่อรองของพวกผู้มีอำนาจบาดใหญ่, คว้ารางวัล Oscar: Best Foreign Language Film

ตั้งแต่ที่กำแพงเบอร์ลินล่มสลาย ค.ศ. 1989 และรวมประเทศเยอรมัน ค.ศ. 1990 กาลเวลาพานผ่านมานับทศวรรษ กลับไม่มีใครครุ่นคิดสร้างภาพยนตร์ที่ตีแผ่เบื้องหลัง อธิบายสาเหตุผล อะไรคือสิ่งทำให้ East Germany ล่มสลาย? บางคนอาจนึกถึง Good bye, Lenin! (2003) แต่เรื่องนั้นเพียงนำเสนอผ่านมุมมองประชาชน ผลกระทบในช่วงเวลาเปลี่ยนผ่าน ไม่ได้อธิบายเบื้องหลังความเปลี่ยนแปลงใดๆ

The Lives of Others (2006) นำเสนอบรรยากาศการเมืองอันหนาวเหน็บของสาธารณรัฐประชาธิปไตยเยอรมนี (Deutsche Demokratische Republik, DDR แต่ทั่วโลกมักเรียก German Democratic Republic, GDR หรือ East Germany) ในช่วงปีท้ายๆก่อนการพังทลายของกำแพงเบอร์ลิน ชนชั้นผู้นำเต็มไปด้วยความคอรัปชั่น หวาดระแวงประชาชนจะทรยศหักหลัง ใช้อำนาจบาดใหญ่ในการสอดแนม ควบคุมครอบงำ แสวงหาผลประโยชน์ใส่ตน … นั่นคือเหตุผลที่ East Germany ไม่กี่ปีถัดมาก็ถึงกาลล่มสลาย

ผมมีความหัวเสียอย่างรุนแรงเมื่อตอนหนังออกฉาย เพราะดันแก่งแย่งรางวัล Oscar: Best Foreign Language Film ไปจากหนังเรื่องโปรดอย่าง Pan’s Labyrinth (2006) พยายามขวนขวายหารับชม แล้วปวดหัวกุมขมับ ดูไม่ค่อยรู้เรื่องสักเท่าไหร่ มันจะยอดเยี่ยมกว่าได้อย่างไร? … หนังใช้ชื่อไทย วิกฤติรักแดนเบอร์ลิน อิหยังว่ะ?

หวนกลับมารับชมคราวนี้แอบผิดคาด The Lives of Others (2006) เป็นหนังที่มีบรรยากาศหนาวเหน็บ เย็นยะเยือก เงียบๆแต่โคตรทรงพลัง หนทางเลือกแห่งมนุษยธรรม นำเสนอการล่มสลายของกำแพงเบอร์ลิน ไม่ใช่ด้วยระเบิดตูมตาม แต่คือเสียงกระซิบกระซาบดังกึกก้องกังวาล หนึ่งในภาพยนตร์ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของชาวเยอรมัน! … แต่ผมยังคงชื่นชอบ Pan’s Labyrinth (2006) มากกว่าอยู่ดี!

The Lives of Others is a powerful but quiet film, constructed of hidden thoughts and secret desires… It shows how the Wall finally fell, not with a bang, but because of whispers.

นักวิจารณ์ Reger Ebert ให้คะแนน 4/4

Florian Maria Georg Christian Graf Henckel von Donnersmarck (เกิดปี ค.ศ. 1973) ผู้กำกับภาพยนตร์ สัญชาติ German-Austrian เกิดที่ Cologne, West Germany ในตระกูลผู้ดี Henckel von Donnersmarck วัยเด็กเคยอาศัยอยู่ New York, Berlin, Frankfurt, Brussels, ค้นพบความสนใจภาพยนตร์หลังรับชมโคตรหนังเงียบ Varieté (1925), โตขึ้นร่ำเรียนวรรณกรรมรัสเซียที่ St. Petersburg, ต่อด้วยปรัชญา, การเมือง, เศรษฐศาสตร์ New College, Oxford University แล้วมีโอกาสฝึกงานกองถ่าย In Love and War (1996) สร้างความประทับใจให้ผกก. Richard Attenborough แนะนำเข้าเรียนการกำกับ University of Television and Film in Munich สร้างหนังสั้น Dobermann (1996) กวาดรางวัลมากมาย

สำหรับภาพยนตร์ขนาดยาวเรื่องแรก Das Leben der Anderen แปลตรงตัว The Lives of Others เกิดแรงบันดาลใจระหว่างนอนฟังเพลงคลาสสิก แล้วระลึกถึงบทความของ Maxim Gorky กล่าวถึงบทเพลงโปรดของ Vladimir Lenin ชื่อว่า Beethoven: Piano Sonata No. 23 in F minor, Op. 57 (1807) ชื่อเล่น Appassionata ภาษาอิตาเลี่ยนแปลว่า Passionate

I know nothing that is greater than the Appassionata. I would like to listen to it every day. It is marvelous, super-human music. I always think with pride – perhaps naïvely – what marvelous things humans can do.

[But] I can’t listen to music very often, it affects my nerves. I want to say sweet, silly things, and pat the little heads of people who, living in a filthy hell, can create such beauty. These days one can’t pat anyone on the head, they might bite your hand off. Hence, you have to beat people’s little heads, beat mercilessly, although ideally we are against doing any violence to people. Hmmm… what a devilishly difficult job!

If I keep listening to it, I won’t finish the revolution.

Vladimir Lenin กล่าวกับนักเขียน Maxim Gorky

จากนั้นผกก. Donnersmarck บังเกิดภาพแรกของหนังขึ้นในจิตใจ ชายคนหนึ่งนั่งอยู่ห้องใต้หลังคา สวมใส่หูฟัง กำลังสอดแนม แอบรับฟังบุคคลที่ถูกตีตราศัตรูของรัฐ (Enemy of the State) แล้วจู่ๆได้ยินเสียงบทเพลงบรรเลงที่มีความไพเราะจับใจ ฉุกครุ่นคิดว่าคนที่เล่นเพลงนี้ จักคือบุคคลชั่วร้ายอย่างไร?

I suddenly had this image in my mind of a person sitting in a depressing room with earphones on his head and listening in to what he supposes is the enemy of the state and the enemy of his ideas, and what he is really hearing is beautiful music that touches him. I sat down and in a couple of hours had written the treatment.

Florian Henckel von Donnersmarck

ผกก. Donnersmarck ใช้เวลาถึงสี่ปีในการค้นคว้าหาข้อมูล เดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ สัมภาษณ์ถามอดีตสมาชิก Stasi (Ministry for State Security) และเห็นว่าใช้เวลานับเดือนขังตนเองในโบสถ์ Stift Heiligenkreuz (มีลุงเป็นเจ้าอธิการ) เพื่อพัฒนาบทร่างแรกเสร็จในปี ค.ศ. 2001


พื้นหลัง ค.ศ. 1984 ณ East Berlin, เรื่องราวของ Gerd Wiesler (รับบทโดย Ulrich Mühe) ได้รับมอบหมายให้ทำการสอดแนมดักฟังนักเขียนบทละคอนชื่อดัง Georg Dreyman (รับบทโดย Sebastian Koch) ที่แม้สำแดงตนเองว่าฝักใฝ่อุดมการณ์คอมมิวนิสต์ แต่เพราะภรรยาสุดสวย Christa-Maria Sieland (รับบทโดย Martina Gedeck) ถูกหมายปองโดยรัฐมนตรี Bruno Hempf (รับบทโดย Thomas Thieme) พยายามสรรหาข้อกล่าวหา เพื่อยัดความผิด กำจัดศัตรูหัวใจให้พ้นภัยพาล

แต่ทว่า Dreyman ไม่เคยกระทำความผิดสักสิ่งอย่าง! แถมครั้งหนึ่งบรรเลงบทเพลง Sonate vom Guten Menschen (Sonata of the Good People) มีความไพเราะจับใจ Wiesler จนมิอาจยัดข้อกล่าวหาอีกฝ่ายได้ลง แม้ภายหลังจะแอบตีพิมพ์บทความลงนิตยสาร Der Spiegel ก็ให้ความช่วยเหลือจนรอดพ้นจากการถูกจับกุม


Friedrich Hans Ulrich Mühe (1953-2007) นักแสดงสัญชาติ German เกิดที่ Grimma, East Germany หลังออกจากโรงเรียน ทำงานก่อสร้าง อาสาสมัครทหาร Nationale Volksarmee (National People’s Army) ประจำการอยู่กำแพงเบอร์ลิน แต่พอตรวจพบโรคแผลในกระเพาะอาหารเลยถูกละเว้น เข้าฝึกฝนการแสดงยัง Theaterhochschule “Hans Otto” Leipzig แล้วกลายเป็นสมาชิก Deutsches Theater มีชื่อเสียงโด่งดังในแวดวงละคอนเวที ซีรีย์โทรทัศน์ ภาพยนตร์เด่นๆ อาทิ Schtonk! (1991), Benny’s Video (1992), Funny Games (1997), The Lives of Others (2006) ฯ

รับบท Hauptmann (กัปตัน) Gerd Wiesler สายลับรหัส HGW XX/7 ได้รับมอบหมายทำการสอดแนมนักเขียนบทละคอนชื่อดัง Georg Dreyman หลบซ่อนตัวอยู่ในห้องใต้หลังคา ทีแรกเต็มไปด้วยข้อครหา เชื่อมั่นว่าต้องเป็นบุคคลมีลับลมคมใน แต่หลังจากดักฟังการสนทนามาสักพักใหญ่ ไม่พบเห็นความผิดปกติใดๆ กระทั่งวันหนึ่งรับฟังเขาบรรเลงบทเพลง Sonata of the Good People ทำให้ปรับเปลี่ยนมุมมองทัศนคติ กลายเป็นนางฟ้าเทวดาผู้พิทักษ์ (Guardian Angel) ปกป้อง ช่วยเหลือ จนรอดพ้นจากการถูกใส่ร้ายป้ายสี

ในตอนแรก Mühe ไม่ได้มีความสนใจบทหนังเกี่ยวกับ East German สักเท่าไหร่ “always too concise, always too short-sighted” แต่หลังจากถูกคะยั้นคะยอ พออ่านบทของ Donnersmarck ชวนนึกถึงประสบการณ์ตอนเป็นทหารประจำการอยู่กำแพงเบอร์ลิน เลยยินยอมตอบตกลง

หลายคนอาจรู้สึกว่าบทบาทของ Mühe มีความละม้ายคล้าย Gene Hackman ภาพยนตร์ The Conversation (1974) แต่มันเฉพาะเปลือกภายนอกของสายลับ บุคคลเพลิดเพลินกับการสอดแนม แอบรับฟังเรื่องราวชีวิตคนอื่นได้เป็นชั่วโมงๆ มักมีความเงียบขรึม ไร้อารมณ์ ไม่ชอบเข้าสังคม อยู่ตัวคนเดียว เปล่าเปลี่ยวจิตวิญญาณ

Wiesler is a fascinating character. His face is a mask, trained by his life to reflect no emotion. Sometimes not even his eyes move. As played in Mühe ’s performance of infinite subtlety, he watches Dreyman as a cat awaits a mouse. And he begins to internalize their lives — easy, because he has no life of his own, no lover, no hobby, no distraction from his single-minded job.

นักวิจารณ์ Roger Ebert

การแสดงของ Mühe อาจดูเหมือนแค่ทำหน้านิ่งๆ จริงจังกับการทำงาน แต่แท้จริงแล้วเต็มไปด้วยความเก็บกด อดกลั้น ชีวิตใน East Germany มันช่างเคร่งเครียด กดดัน จนใกล้ถึงจุดแตกหัก! การได้สอดแนมดักฟัง Dreyman ทำให้เขาเรียนรู้ที่จะปลดปล่อย สำแดงอารมณ์ ร่วมเพศสัมพันธ์โสเภณี (น่าจะเพิ่งเสียความบริสุทธิ์ครั้งแรกเลยกระมัง) นั่นคือสิ่งที่ผู้ชมต้องคอยสังเกต ทำความเข้าใจตัวละคร เหตุใดเขาถึงยินยอมเสียสละตนเอง ให้ความช่วยเหลือนักเขียนแปลกหน้าคนนั้น?


Sebastian Koch (เกิดปี ค.ศ. 1962) นักแสดงสัญชาติ German เกิดที่ Karlsruhe, Baden-Württemberg (West German) แล้วมาเติบโตที่ Stuttgart, วัยเด็กวาดฝันอยากเป็นนักดนตรี แต่เลือกเข้าเรียนการแสดง Otto Falckenberg School of the Performing Arts เริ่มต้นจากละคอนเวที ซีรีย์โทรทัศน์ แจ้งเกิดกับมินิซีรีย์ Napoleon (2002), ภาพยนตร์เด่นๆ อาทิ Amen (2002), The Lives of Others (2006), Black Book (2006), Bridge of Spies (2015), The Danish Girl (2015), Never Look Away (2018) ฯ

รับบทนักเขียนบทละคอนชื่อดัง Georg Dreyman ผู้มีอุดมการณ์ฝักใฝ่คอมมิวนิสต์ (pro-Communist) อุทิศตนให้กับ East Germany แต่เพราะครองรักอยู่กับแฟนสาวสุดสวย Christa-Maria Sieland เลยถูกรัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรม Bruno Hempf สั่งให้ทำการสอดแนม มองหาข้ออ้างใส่ร้ายป้ายสี หวังจะกำจัดให้พ้นภัยทาง

Dreyman ไม่เคยกระทำสิ่งใดๆเป็นภัยต่อ East Germany จนกระทั่งเพื่อนผู้กำกับ Albert Jerska กระทำอัตวินิบาตหลังถูกทางการแบล็กเมล์ เขาเลยแอบเขียนบทความส่งให้นิตยสาร Der Spiegel ที่อยู่ฟากฝั่ง West Germany ทางการพยายามติดตามหาตัวการ แต่จนแล้วจนรอดเขากลับรอดพ้นความผิด มันเกิดห่าเหวอะไรขึ้นกันแน่?

แม้ในวัยสี่สิบกว่าๆ Koch เป็นนักแสดงที่ยังดูหล่อเหล่า ทรงเสน่ห์ ภาพลักษณ์ ‘perfect guy’ แถมได้แฟนสาวสุดสวย เซ็กซี่ ร่วมรักอย่างอีโรติก สร้างความอิจฉาริษยาให้ใครๆ แต่เหตุไฉนแววตากลับดูเศร้าๆ เหงาๆ เวิ้งว่างเปล่า โหยหาบางสิ่งอย่าง … อิสรภาพในการสรรค์สร้างผลงาน?

การแสดงของ Koch อาจไม่ถึงระดับรถไฟเหาะ แต่มีความหลากหลายทางอารมณ์ยิ่งนัก! ครึ่งแรกเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ทะเยอทะยาน จุดสูงสุดในอาชีพการงาน ครุ่นคิดว่าฉันสามารถทำอะไรๆได้ทุกสิ่งอย่าง แต่หลังจากเพื่อนผู้กำกับฆ่าตัวตาย จับได้ว่าแฟนสาวแอบนอกใจ ทำให้ค่อยๆสูญเสียความเชื่อมั่น อยากทำบางสิ่งอย่างระบายอารมณ์อัดอั้น กลับยิ่งสร้างความห่อเหี่ยวสิ้นหวัง ไม่รู้ไม่เข้าใจ หมดอาลัยต่อชีวิต ภายหลังการล่มสลายของกำแพงเบอร์ลิน ถึงรับทราบเบื้องหลังความจริง ได้ค้นพบสิ่งคาดไม่ถึง

ความสำเร็จของหนังเรื่องนี้ทำให้ Koch สามารถโกอินเตอร์ กลายเป็นที่ต้องการของทั้งยุโรปและ Hollywood แม้ส่วนใหญ่เล่นบทตัวประกอบ Stereotypes ตัวละครสัญชาติเยอรมัน (เล่นบทนาซีเสียส่วนใหญ่) แต่เจ้าตัวมองว่าไม่ใช่เรื่องเสียหายใดๆ เพราะมันคือโอกาสพบปะร่วมงานผู้คนหลากหลาย และได้รับการจดจำจากผู้ชมทั่วโลก


ถ่ายภาพโดย Hagen Bogdanski (เกิดปี ค.ศ. 1965) สัญชาติ German เกิดที่ Berlin วัยเด็กใฝ่ฝันอยากเป็นนักแสดง แต่เลือกเข้าเรียนการถ่ายภาพ Staatliche Fachschule für Optik und Fototechnik (ปิดโรงเรียนเมื่อปี ค.ศ. 2000) จากนั้นทำงานเป็นผู้ช่วยตากล้อง ถ่ายทำหนังสั้น ซีรีย์โทรทัศน์ ภาพยนตร์เด่นๆ อาทิ The Lives of Others (2006), The Beaver (2011), The Physician (2013) ฯ

งานภาพของหนังช่างดูซีดเซียว แห้งเหี่ยว แทบจะไร้สีสัน กอปรกับการถ่ายภาพที่มักไม่ค่อยขยับเคลื่อนไหว ตั้งกล้องไว้นิ่งๆ ทิ้งเวลาให้ผู้ชมเกิดความอึดอัด กดดัน สัมผัสถึงสภาพแวดล้อมดูไม่ค่อยเป็นมิตร แถมมักได้ยินเพียงเสียงกระซิบกระซาบ เต็มไปด้วยความลับลมคมใน หายนะซุกซ่อนเร้นไว้

หนังอาจไม่มีลูกเล่นภาพยนตร์ตื่นตาตื่นใจ แต่งานภาพของหนังสะท้อนบรรยากาศ East Germany ได้อย่างตรงไปตรงมา! ยกตัวอย่างการที่กล้องมักหยุดแน่นิ่ง หรือถ้าขยับเคลื่อนไหวก็จะดำเนินไปอย่างเชื่องช้า ราวกับหวาดระแวงว่าถ้าทำอะไรโดดเด่นมากเกิน จักถูกจับจ้องจนกลายเป็นผู้ต้องสงสัย/ศัตรูของรัฐ

ผกก. Donnersmarck พยายามเก็บรายละเอียด อุปกรณ์ (เครื่องดักฟัง, เครื่องพิมพ์ดีด ฯ) รวมถึงเลือกใช้สถานที่จริง แต่ยกเว้นเพียงฉากแรก ณ เรือนจำ Hohenschönhausen prison (ปัจจุบันกลายเป็นพิพิธภัณฑ์/อนุสรณ์สถานอุทิศให้กับเหยื่อของ Stasi) ไม่ได้รับอนุญาตจากผู้อำนวยการ Hubertus Knabe ให้เหตุผลว่าหนังทำการบิดเบือนข้อเท็จจริง “making the Stasi man into a hero” และแม้ผู้กำกับจะพยายามเปรียบเทียบถึง Schindler’s List แต่ได้รับคำตอบกลับ “That is exactly the difference. There was a Schindler. But there was no Wiesler.”

เกร็ด: หนังใช้เวลาถ่ายทำเพียง 37 วัน ระหว่างวันที่ 28 ตุลาคม – 21 ธันวาคม ค.ศ. 2004


An jenem Tag im blauen Mond September
Still unter einem jungen Pflaumenbaum
Da hielt ich sie, die stille bleiche Liebe
In meinem Arm wie einen holden Traum.
Und über uns im schönen Sommerhimmel
War eine Wolke, die ich lange sah
Sie war sehr weiß und ungeheuer oben
Und als ich aufsah, war sie nimmer da.

(คำแปลอังกฤษ)
One day in blue-moon September
silent under a plum tree
I held her, my silent pale love
in my arms like a fair and lovely dream..
And above us in the summer sky
was a cloud that caught my eye.
It was white and so high up.
And when I looked up, it was no longer there.

Erinnerung an die Marie A. (1920) แปลว่า Reminiscence of Marie A.

Bertolt Brecht ชื่อจริง Eugen Berthold Friedrich Brecht (1898-1956) นักเขียนบทละคอน สัญชาติ German เกิดที่ Augsburg, Bavaria ขณะนั้นคือ German Empire โด่งดังในช่วง Weimar Republic (1919-33) เป็นผู้บุกเบิก Epic Theatre (หรือ Dialectical Theatre) และ Verfremdungseffekt (หรือ Distancing Effect) ก่อนอพยพหนีออกนอกประเทศระหว่างการเรืองอำนาจนาซี ปักหลักอยู่ Southern California เคยถูกสอดแนมโดย FBI ภายหลังสงครามลงหลักปักฐาน East Berlin ก่อตั้งคณะการแสดง Berliner Ensemble

ไม่เพียงแค่การอ่านบทกวี แต่ยัง Sonata of the Good People ได้แรงบันดาลใจจากบทละคอน Der gute Mensch von Sezuan (1943) แปลว่า The Good Person of Szechwan (Sichuan) นำเสนอเรื่องราวในเชิงตั้งคำถามเกี่ยวกับสิ่งที่ตัวละครได้รับการปลูกฝัง เสี้ยมสอนสั่งถึงความดี แต่นั่นใช่สิ่งที่ถูกต้องแท้จริงหรือไม่? สะท้อนเข้ากับ Gerd Wiesler เชื่อมั่นว่าตนเองทำในสิ่งถูกต้องมาโดยตลอด จนกระทั่งได้สอดแนวชีวิต Georg Dreyman ถึงเริ่มตั้งคำถามกับตนเองว่าสิ่งที่ทำอยู่นี้ถูกต้องแท้จริงหรือไม่?

มันไม่ใช่แค่ Wiesler ค้นพบว่า Dreyman เป็นคนดีแท้ ไม่เคยครุ่นคิดการร้าย เป็นศัตรูของรัฐ, แต่คือเขายังได้ค้นพบความงดงามของศิลปะ ตระหนักถึงคุณค่าชีวิต ความรักที่แสนงดงาม

  • เริ่มต้นจากบทกวีของ Bertolt Brecht อ่านแล้วพร่ำเพ้อชวนฝัน
  • บทเพลง Sonata of the Good People ช่างมีความไพเราะจับใจ แทบมิอาจอดกลั้นธารน้ำตาหลั่งไหล

เมื่อตอนได้ยินเสียง Dreyman ร่วมรักกับแฟนสาว Wiesler ตีพิมพ์รายงานด้วยความเย็นชา “Then presumably have intercourse.” แต่หลังจากได้เรียนรู้จักความงดงามชีวิต (และศิลปะ) โดยคาดไม่ถึงเขาซื้อบริการโสเภณี โหยหาความรัก เรียนรู้ที่จักปลดปล่อยตนเอง ทำสิ่งตอบสนองความต้องการหัวใจ

ความตลกร้ายยังโรงอาหารก็เป็นอีกสิ่งที่สร้างความผิดหวังอย่างรุนแรงให้ Wiesler จุดเริ่มต้นจากสหายหนุ่มเล่าเรื่องล้อเลียนท่านผู้นำ แล้วจู่ๆ Grubitz แสดงสีหน้าจริงจัง สอบถามชื่อ ตำแหน่งงาน ทำราวกับไม่พอใจเหตุการณ์บังเกิดขึ้น ทั้งๆเจ้าตัวขอให้อีกฝ่ายเล่าเรื่องดังกล่าวเอง จากนั้นตลบหลังบอกแค่ล้อเล่น … มาถึงจุดนี้มันไม่ตลกเลยสักนิด! สำแดงความกลับกลอกปอกลอกของชนชั้นปกครอง สร้างความหวาดระแวงให้ใครต่อใคร สะท้อนบรรยากาศการเมืองของ East Germany ได้อย่างชัดเจน

เรื่องราวของนักแสดงสาว Christa-Maria Sieland (รับบทโดย Martina Gedeck) คงสะท้อนบทบาทสตรีเพศใน East Germany พวกเธอไร้ซึ่งสิทธิ์เสียง เพียงวัตถุทางเพศของบุรุษ แม้ตกหลุมรัก Dreyman แต่มิอาจแสดงความจงรักภักดี ถ้าต้องการชื่อเสียงความสำเร็จ จำเป็นต้องไต่เต้าสู่เบื้องบน ทรยศหักหลังคนเบื้องล่าง … นักแสดงไม่ต่างจากหุ่นเชิดชัก ห้อยประดับผนังกำแพง

ความตายของเธอ ไม่เพียงสะท้อนสภาพจิตวิทยาชาวเยอรมันตะวันออก ที่แทบมิอาจอดกลั้นฝืนทน ต่อสภาพสังคมอันบิดเบี้ยว เต็มไปด้วยความคอรัปชั่น และการทรยศหักหลัง, ขณะเดียวกันยังสามารถตีความในแง่จุดจบของ East Germany ชีวิตของ Dreyman (รวมถึง Wiesler) ไม่สามารถดำเนินต่อไป จมปลักอยู่กับความทุกข์โศก จนกว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลง ค้นพบแสงสว่างใหม่

ความตายของเพื่อนผู้เคารพรัก Albert Jerska ทำให้ Dreyman ตกอยู่ในสภาพห่อเหี่ยวสิ้นหวัง สูญเสียอุดมการณ์ ความเชื่อมั่นมีต่อ East Germany ตระหนักถึงเบื้องหลังความจริง โดยเฉพาะการบิดเบือนคำว่า Suicide เลือกใช้คำว่า Self Murders ปิดบังตัวเลขการฆ่าตัวตาย กลายเป็นแรงผลักดันเขียนบทความ แอบส่งให้นิตยสาร Der Spiegel ของ West Germany … บทความดังกล่าวไม่มีอยู่จริง (หน้าปกนิตยสารก็สำหรับใช้ในหนัง) เกิดจากการค้นพบของผกก. Donnersmarck ระหว่างศึกษาหาข้อมูลสำหรับพัฒนาบทหนัง

เหตุไฉนชาว East Germany ถึงมีอัตราการฆ่าตัวตายสูงมากๆ นี่เป็นเรื่องทำความเข้าใจไม่ยาก เพราะสภาพสังคม การเมือง ความคอรัปชั่นของชนชั้นผู้นำ สร้างความตึงเครียด กดดันให้ประชาชน เมื่อมิอาจอดกลั้นฝืนทน หาหนทางหลบหนีไปตะวันตกไม่ได้ หนทางออกเดียวก็คือกระทำการอัตวินิบาต … แบบเดียวกับตัวละคร Jerska เมื่อถูกทางการแบล็กลิสต์ ไม่อนุญาตให้กำกับละคอนเวที ชีวิตก็ไม่หลงเหลืออะไรอีกต่อไป

ตอนต้นเรื่องขณะยังเป็น East Germany การแสดงละคอนเวที มีลักษณะ Realism ดราม่าระหว่างการทำงาน เรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตประจำวันทั่วๆไป ออกแบบฉากที่ดูจับต้องได้ … แอบพยากรณ์อนาคตของ Wiesler ที่พอเลิกทำงานสายลับ กลายมาเป็นพนักงานไปรษณีย์

แต่ภายหลังการรวมประเทศ Germany นี่คือละคอนเวทีเรื่องเดียวกับตอนต้น แต่มีการตีความรูปแบบใหม่ ทำการออกแบบฉาก และนำเสนอในเชิงนามธรรม (แล้วแต่จะเรียกว่า Experimental Theatre, Avant-Garde Theatre ฯ) … อาจจะสื่อถึงอนาคตแห่งความเป็นไปได้ไม่รู้จบ

หน้าปกหนังสือ Die Sonate vom Guten Menschen (The Sonata of the Good People) เลือกใช้พื้นขาว (=Good People ผู้มีจิตวิญญาณอันบริสุทธิ์) และภาพร่างที่แลดูเหมือนเค้าโครงมนุษย์ ก็เพื่อสื่อถึงบุคคลนิรนาม ไม่แสดงตัวตน คนปิดทองหลังพระ แต่มีเพียงเขาที่รับรู้ตัวเอง “It’s for me.”

แต่คำว่า “It’s for me.” ไม่ได้จะสื่อถึงแค่ Gerd Wiesler ยังสามารถเหมารวมภาพยนตร์เรื่องนี้ที่ผกก. Donnersmarck สร้างขึ้นเพื่อตนเอง และอุทิศให้ชาวเยอรมัน(ตะวันออก) ผู้รอดชีวิตจากประวัติศาสตร์อันมืดหม่น

ตัดต่อโดย Patricia Rommel (เกิดปี ค.ศ. 1956) เกิดที่กรุง Paris แล้วมาเติบโตใน Germany เข้าสู่วงการภาพยนตร์จากเป็นผู้ช่วยตัดต่อ ได้รับเครดิตครั้งแรก Der Fan (1982), ผลงานเด่นๆ อาทิ Nowhere in Africa (2001), Kammerflimmern (2004), The Lives of Others (2006), First They Killed My Father (2017), Never Look Away (2018) ฯ

หนังดำเนินเรื่องผ่านมุมมองของ Gerd Wiesler สายลับรหัส HGW XX/7 ได้รับมอบหมายทำการสอดแนม แอบดักฟังชีวิตของนักเขียนบทละคอน Georg Dreyman ช่วงแรกๆก็มุ่งมั่นตั้งใจจะจับผิดพฤติกรรมอีกฝ่าย แต่ไม่นานนักเขาต้องตัดสินใจเลือกว่าปฏิบัติตามคำสั่งหัวหน้า หรือทำตามเสียงเรียกร้องหัวใจ

ด้วยความที่หนังมีโลกสองใบ (โลกของ Gerd Wiesler ดักฟังเรื่องราวชีวิตของ Georg Dreyman) บ่อยครั้งจึงมีการตัดสลับกลับไปกลับมา ภาพเหตุการณ์ในอพาร์ทเม้นท์ และปฏิกิริยาของ Wiesler ที่ส่วนใหญ่มักไม่ค่อยแสดงความรู้สึกใดๆออกมา

  • อารัมบท, คาบเรียนอาชญากรรมวิทยา
    • Gerd Wiesler ทำการซักไซร้ไล่เรียงศัตรูของรัฐ ตัดสลับกับการสอนนักศึกษา
    • Lt. Col. Anton Grubitz ชักชวน Wiesler เดินทางไปรับชมละคอนเวที ตั้งข้อสงสัยถึงนักเขียนบทละคอน Georg Dreyman
    • งานเลี้ยงหลังการแสดงรัฐมนตรี Bruno Hempf พยายามเข้าหา Christa-Maria Sieland แฟนสาวของ Wiesler
  • การสอดแนมของรัฐ
    • Wiesler จัดแจงติดตั้งอุปกรณ์ดักฟังทั่วอพาร์ทเม้นท์ของ Wiesler
    • Dreyman เดินทางไปหาเพื่อนผู้กำกับ Albert Jerska ชักชวนมาร่วมงานเลี้ยง
    • ดักฟังงานเลี้ยงในอพาร์ทเม้นท์ของ Wiesler
    • ในโรงอาหาร Wiesler ดูเอือมละอาพฤติกรรมของ Grubitz
    • รัฐมนตรี Bruno Hempf พยายามเกี้ยวพาราสี Sieland
    • Wiesler สร้างสถานการณ์ให้ Dreyman ลงมาเปิดประตู แล้วพบเห็นภาพบาดตาบาดใจ แต่ค่ำคืนนั้นอีกฝ่ายกลับไม่สำแดงพฤติกรรมผิดปกติใดๆ
  • นางฟ้าผู้พิทักษ์ (Guardian Angel)
    • Wiesler ร่วมเพศสัมพันธ์กับโสเภณี แอบเข้าไปในอพาร์ทเม้นท์ รับฟังการบรรเลงเปียโนของ Dreyman
    • Dreyman พูดคุยเปิดใจกับ Sieland ไม่ต้องการให้เธอเดินทางไปหา Bruno Hempf
    • Wiesler บังเอิญพบเจอ Sieland ในคาเฟ่ข้างอพาร์ทเม้นท์ พูดให้กำลังใจ โน้มน้าวให้เธอทำตามเสียงเรียกร้องหัวใจ
    • การฆ่าตัวตายของ Albert Jerska ทำให้ Dreyman ครุ่นคิดอยากทำบางสิ่งอย่าง
    • เพื่อนๆของ Dreyman ทำการทดลองว่ามีการสอดแนม ติดตั้งเครื่องดักฟังในอพาร์ทเม้นท์หรือไม่
      • แต่ทว่า Wiesler แสร้งทำเป็นไม่สนใจ
    • Wiesler แจ้งผลลัพท์การดักฟังกับ Grubitz แนะนำให้ลดการปฏิบัติการ
  • การทรยศหักหลัง
    • Dreyman ตีพิมพ์บทความลงนิตยสาร Der Spiegel
    • รัฐมนตรี Bruno Hempf ออกคำสั่งให้ Grubitz ทำการแบล็กเมล์ Sieland
    • Sieland ถูกจับกุม
    • ทางการบุกค้นอพาร์ทเม้นท์ของ Dreyman แต่ไม่พบเจออะไร
    • Wiesler ถูกเรียกตัวให้มาซักไซร้ Sieland จนเธอคายความลับออกมา
    • ก่อนที่ทางการจะบุกค้นอพาร์ทเม้นท์ของ Dreyman อีกรอบ, Wiesler แอบเข้าไปลักขโมยเครื่องพิมพ์ดีดออกมา
    • Sieland ออกวิ่งบนถนน จงใจให้รถพุ่งชน กระทำอัตวินิบาต
  • ปัจฉิมบท, ภายหลังการล่มสลายของกำแพงเบอร์ลิน
    • Wiesler กลายเป็นพนักงานไปรษณีย์
    • Dreyman รับชมการแสดงละคอนเวที ออกมาพบเจออดีตรัฐมนตรี Bruno Hempf
    • Dreyman สืบค้นจนพบเจอสายลับรหัส HGW XX/7 แล้วเขียนหนังสืออุทิศให้ HGW XX/7

การดำเนินเรื่องค่อนข้างเอื่อยเฉื่อย เชื่องชักช้า เพื่อสร้างบรรยากาศตึงเครียด กดดัน ไม่ต่างจากสภาพแวดล้อม East Germany ยุคสมัยนั้น ช่วงแรกๆอาจดูสับสน มึนงง แต่พอผู้ชมเริ่มปรับตัว จับทิศทางของหนัง พอเริ่มการสอดแนม เรื่องราวก็ดูน่าสนใจขึ้นทันตา


เพลงประกอบโดย Gabriel Yared, غبريال يارد (เกิดปี ค.ศ. 1949) นักแต่งเพลงสัญชาติ Lebanese-French เกิดที่ Beirut, Lebanon ตั้งแต่อายุ 7 ขวบ บิดาส่งไปร่ำเรียนแอคคอร์ดเดียน ต่อด้วยเปียโน ออร์แกน ทฤษฎีดนตรี โตขึ้นเลือกเรียนกฎหมาย Université Saint-Joseph แล้วเดินทางสู่ Paris แอบเข้าเรียน École Normale de Musique de Paris จบออกมาแต่งเพลงให้ศิลปินมากมาย ก่อนเริ่มทำเพลงภาพยนตร์ตั้งแต่ Every Man for Himself (1980), ผลงานเด่นๆ อาทิ Betty Blue (1986), The English Patient (1996), City of Angels (1998), The Talented Mr. Ripley (1999), Cold Mountain (2003), The Lives of Others (2006) ฯ

ผกก. Donnersmarck มีความประทับใจงานเพลงของ Yared แต่ตอนแรกเมื่อติดต่อหาได้รับคำตอบปฏิเสธเพราะไม่เข้าใจเรื่องราวทั้งหมด จึงจำต้องเสียเวลานับเดือนแปลบทหนังภาษาฝรั่งเศส ส่งให้พิจารณาอีกครั้งถึงยินยอมตอบตกลง เริ่มต้นด้วยการประพันธ์บทเพลง Sonate vom Guten Menschen (Sonata of the Good People) อาจถือเป็น Main Theme ของหนังเลยก็ว่าได้

Sonata of the Good People แม้ชื่อเพลง “Sonata ของคนดี” แต่ฟังแล้วรู้สึกเศร้าๆ เจ็บปวดรวดร้าว Georg Dreyman เล่นเพลงนี้หลังรับรู้ข่าวการฆ่าตัวตายของเพื่อนผู้กำกับ Albert Jerska ราวกับเป็นการอุทิศให้ “คนดีไม่มีที่อยู่” ในประเทศ East Germany

เกร็ด: Sebastian Koch จากไม่เคยเล่นเปียโนมาก่อน ซักซ้อมวันละ 4 ชั่วโมง 6 สัปดาห์ สำหรับเข้าฉากนี้โดยเฉพาะ ผลลัพท์ถือว่ายอดเยี่ยมอย่างคาดไม่ถึง

เหมือนว่า Gabriel Yared จะงานยุ่งมาก ในส่วนการเรียบเรียงออร์เคสตราจึงส่งต่อให้ Stéphane Moucha ดูแลงานแทนทั้งหมด ซึ่งบทเพลงอื่นๆของหนังล้วนมีลักษณะคล้ายๆ Sonata of the Good People บรรยากาศทะมึน อึมครึม เยอรมันนีตะวันออกช่างมืดครื้ม ดินแดนที่ประชาชนไร้สิทธิ เสรีภาพ ชนชั้นปกครองมีแต่ความคอรัปชั่น มันช่างน่าเศร้าสลดหดหู่ ประเทศแห่งนี้ใกล้ถึงจุดแตกหัก พังทลาย อีกไม่นานคงถึงกาลล่มสลาย

Gerd Wiesler คือสายลับ Stasi ได้รับการฝึกฝนให้ทำการสอดแนม ดักฟังบุคคลต้องสงสัยว่าเป็นศัตรูของรัฐ ตั้งแต่เริ่มต้นภารกิจมาหลายสิบปีไม่เคยทำงานผิดพลาด สันชาตญาณแม่นเป๊ะ แต่ด้วยความซื่อสัตย์+ซื่อตรงมากเกินไป เลยประดับยศได้เพียง Hauptmann (Captain) ดูไม่ค่อยก้าวหน้าในอาชีพการงานสักเท่าไหร่ … ผิดกับเพื่อนร่วมรุ่นที่มีความทะเยอทะยาน มักใหญ่ใฝ่สูง เลียแข้งเลียขารัฐมนตรี Bruno Hempf จนมีโอกาสประดับยศ Lieutenant Colonel Anton Grubitz

ภารกิจใหม่นี้ Wiesler มีความต้องสงสัยนักเขียนบทละคอนเวที Georg Dreyman ว่าอาจเป็นศัตรูของรัฐ แต่หลังจากทำการสอดแนม ดักฟังการสนทนา กลับไม่พบเจอหลักฐานใดๆ อีกทั้งได้พบเห็นพฤติกรรมคอรัปชั่นของหัวหน้า Grubitz และวัตถุประสงค์แท้จริงของรัฐมนตรี Hempf ที่เพียงต้องการกำจัด Dreyman เพื่อครองรักแฟนสาวสุดสวย Christa-Maria Sieland นั่นเป็นสิ่งไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย

เมื่อต้องเลือกระหว่างจงรักภักดีต่อประเทศชาติ (ที่เต็มไปด้วยความคอรัปชั่น) vs. สำแดงความมีมนุษยธรรม, Wiesler ยินยอมเสียสละตนเอง กลายเป็นนางฟ้าเทวดาผู้พิทักษ์ (Guardian Angel) ให้การปกป้อง คุ้มครอง ช่วยบิดเบือนข้อเท็จจริง จนกระทั่ง Dreyman สามารถเอาตัวรอดพ้นผิด

แต่ความเป็นจริงนั้น ไม่มีทางที่สายลับ Stasi จะสามารถบิดเบือนข้อมูลใดๆ เพราะทุกภารกิจล้วนทำงานเป็นทีมละหลายคน และมีการตรวจสอบกันเองอยู่ตลอดเวลา

No Stasi man ever tried to save his victims, because it was impossible. (We’d know if one had, because the files are so comprehensive.) Unlike Wiesler, who runs a nearly solo surveillance operation and can withhold the results from his superior, totalitarian systems rely on thoroughgoing internal surveillance (terror) and division of tasks.

To understand why a Wiesler could not have existed is to understand the “total” nature of totalitarianism. Dr Hubertus Knabe talks of the fierce surveillance within the Stasi of its own men, of how in a case like Dreyman’s there might have been a dozen agents: everything was checked and cross-checked. This separation of duties gives some former Stasi men the impression that they were just “obeying orders”, or were “small cogs” in the machine, and that therefore they couldn’t have done much harm. Perhaps this is partly why repentance like Wiesler’s is rare.

Anna Funder จากนิตยสาร The Guardian

ความตั้งใจของผกก. Donnersmarck พยายามสร้างตัวละคร Wiesler ให้เป็นเหมือน Oskar Schindler จากภาพยนตร์ Schindler’s List (1993) วีรบุรุษผู้ช่วยเหลือชาวยิวรอดชีวิตพานผ่านสงครามโลกครั้งที่สอง แต่ความแตกต่างก็คือ Schindler มีตัวตนอยู่จริง, Wiesler เป็นเพียงตัวละครสมมติขึ้นมา

ผมไม่ได้มองว่าผกก. Donnersmarck พยายามบิดเบือนข้อเท็จจริง หรือต้องการยกย่องวีรบุรุษ แต่ต้องการนำเสนอประกายความหวัง มนุษยธรรมสามารถบังเกิดขึ้นได้ทุกแห่งหน แสงสว่างในความมืดหม่นของ East Germany ช่วยนำทางชีวิตให้สามารถอดรนทน ต่อสู้ดิ้นรน จนกว่าจะถึงวันที่กำแพงเบอร์ลินพังทลายลง รอยยิ้มแห่งอิสรภาพมันช่างงดงาม เบ่งบาน แช่มชื่นหฤทัย

The Lives of Others (2006) นำเสนอความฟ่อนเฟะ เน่าเละเทะ เต็มไปด้วยความคอรัปชั่นของ East Germany (ไม่ต่างจากประเทศสารขัณฑ์) ชีวิตประชาชนช่างไร้ค่า ไร้ตัวตน ไม่มีความสลักสำคัญใดๆ เพียงของเล่นชนชั้นปกครอง สำหรับสำแดงอำนาจบาดใหญ่ ตอบสนองตัณหาความใคร่ และกอบโกยผลประโยชน์ใส่ตนเอง

แม้เรื่องราวของหนังมีความจำเจาะเจาะจงถึง East Germany แต่เมื่อกล่าวถึงการสอดแนม (Surveillance) ในปัจจุบันได้กลายเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ! ใครเคยรับชม Citizenfour (2014) หรือ Snowden (2016) น่าจะเข้าใจเหตุผลกันดี ยุคสมัยนี้สถานที่แทบทุกแห่งหนล้วนติดตั้งกล้องวงจรปิด การจัดเก็บข้อมูลอิเล็คทรอนิกส์ก็สามารถรั่วไหลโดยง่าย … เทคโนโลยีอาจทำให้เรารู้สึกปลอดภัยขึ้น แต่ขณะเดียวกันความเป็นส่วนตัวก็จักลดน้อยลง


ดั้งเดิมนั้นหนังมีแผนจะเข้าฉายเทศกาลหนังเมือง Berlin แต่กลับถูกคณะกรรมการคัดเลือกบอกปัด แหล่งข่าวหนึ่งให้เหตุผล “Cineastisches Armutszeugnis” ผมสอบถาม AI ให้คำแปล “Cinematic Indictment” คุณภาพไม่ดีพอ น่าอับอายขายหน้า

แต่พอหนังเข้าฉายในเยอรมัน เสียงตอบรับจากทั้งผู้ชมและนักวิจารณ์ถือว่าดีล้นหลาม ด้วยทุนสร้าง 1.8 ล้านยูโร (ประมาณ $2 ล้านเหรียญ) สามารถทำเงินในเยอรมัน 19.1 ล้านเหรียญ รวมทั่วโลก $77.3 ล้านเหรียญ ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม!

ช่วงปลายปีได้กลายเป็นตัวแทนประเทศเยอรมัน กวาดรางวัลระดับนานาชาติมากมาย

  • Oscar: Best Foreign Language Film **คว้ารางวัล
  • Golden Globe Award: Best Foreign Language Film พ่ายให้กับ Letters from Iwo Jima (2006)
  • BAFTA Award
    • Best Film พ่ายให้กับ Atonement (2007)
    • Best Film Not in the English Language **คว้ารางวัล
    • Best Director
    • Best Leading Actor (Ulrich Mühe)
    • Best Original Screenplay
  • César Awards: Best Foreign Film **คว้ารางวัล
  • European Film Awards
    • Best Film **คว้ารางวัล
    • Best Director
    • Best Actor (Ulrich Mühe) **คว้ารางวัล
    • Best Actress (Martina Gedeck)
    • Best Screenwriter **คว้ารางวัล
    • Best Composer

ขณะที่ German Film Awards ก็สามารถกวาดมา 7 รางวัล จากการเข้าชิง 11 สาขา

  • Best Film **คว้ารางวัล
  • Best Director **คว้ารางวัล
  • Best Actor (Ulrich Mühe) **คว้ารางวัล
  • Best Supporting Actor (Ulrich Tukur) **คว้ารางวัล
  • Best Screenplay **คว้ารางวัล
  • Best Cinematography **คว้ารางวัล
  • Best Editing
  • Best Production Design **คว้ารางวัล
  • Best Costume Design
  • Best Film Score 
  • Best Sound

สถาบัน Goethe Institut ได้ทำการสำรวจ Europa-Liste ภาพยนตร์ที่ชาวยุโรปนับหมื่นๆ แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับภาพยนตร์ยุโรปยอดเยี่ยมตลอดกาล The Lives of Others (2006) ติดอันดับ #2 รองจาก Life is Beautiful (1997)

เกร็ด: เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2007 มีการประกาศจะสร้างใหม่ฉบับภาษาอังกฤษโดย Sydney Pollack และ Anthony Minghella ร่วมกับ The Weinstein Company แต่ทั้งสองพลันด่วนจากไปเสียก่อน โปรเจคดังกล่าวเลยถูกล้มโลก

แม้ส่วนตัวจะชื่นชอบ Pan’s Labyrinth (2006) มากกว่า The Lives of Others (2006) แต่การหวนกลับมาคราวนี้ทำให้ตระหนักถึงคุณภาพถือว่าเทียบเคียง และในแง่ความสำคัญทางประวัติศาสตร์ กำแพงเบอร์ลินล่มสลาย > สงครามกลางเมืองสเปน … หรือถ้าคุณยังมีจิตวิญญาณความเป็นเด็ก Pan’s Labyrinth (2006) ก็น่าจะหลงใหลกว่าความสมจริงของหนังผู้ใหญ่ The Lives of Others (2006)

จัดเรต 18+ กับการสอดแนม บรรยากาศเย็นยะเยือกทางการเมือง

คำโปรย | The Lives of Others ชีวิตของประชาชนในประเทศสังคมนิยม มันช่างไร้ตัวตน เพียงกลเกมต่อรองทางการเมืองของผู้มีอำนาจ
คุณภาพ | ร์พี
ส่วนตัว | ชื่นชม

Leave a Reply

avatar

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.

  Subscribe  
Notify of
%d bloggers like this: