
ย้อนเวลากลับไปยุคสมัยญี่ปุ่นโบราณ (Ancient Japan) หมอผี/คนทรง Himiko (รับบทโดย Shima Iwashita) มีความสามารถได้ยินพระวจนะของเทพสุริยัน (Sun God) มักจะทำนายทายทัก กำหนดทิศทางอาณาจักร แต่เธอมีพลังพิเศษนั้นจริงๆนะหรือ?

ย้อนเวลากลับไปยุคสมัยญี่ปุ่นโบราณ (Ancient Japan) หมอผี/คนทรง Himiko (รับบทโดย Shima Iwashita) มีความสามารถได้ยินพระวจนะของเทพสุริยัน (Sun God) มักจะทำนายทายทัก กำหนดทิศทางอาณาจักร แต่เธอมีพลังพิเศษนั้นจริงๆนะหรือ?

ในขณะที่ Silence (2016) ของผู้กำกับ Martin Scorsese นำเสนอผ่านมุมมองคนนอก เต็มไปด้วยสัญญะศาสนา ความเชื่อศรัทธาส่วนบุคคล, ฉบับของผู้กำกับ Masahiro Shinoda มุ่งเน้นฉายภาพการใช้อำนาจรัฐ กดขี่ข่มเหงประชาชนครุ่นคิดเห็นแตกต่าง ซึ่งสามารถสะท้อนสภาพสังคม-การเมืองญี่ปุ่นปัจจุบัน(นั้น)

Anna Karina ไม่ได้มีความเต็มใจอยากเป็นแม่ชี (The Nun) แต่ถูกครอบครัวบีบบังคับ ขายให้กับอารามชีลับ จึงพยายามแสดงอารยะขัดขืน หาหนทางออกไปจากคุกคุมขังสตรี แต่ช่วงกลางศตวรรษที่ 18 เรื่องพรรค์นี้มันทำได้เสียทีไหนกัน!

งานเลี้ยงฉลองสุดหรูหราด้วยฝีมือเชฟจากภัตตาคารฝรั่งเศสชื่อดัง ปรุงให้กับชาวบ้านผู้เคร่งครัดศาสนา (Pietistic Lutheranism) แต่พวกเขากลับเชื่อว่าอาหารมื้อนี้จักทำให้ตกนรกหมกไหม้, คว้ารางวัล Oscar: Best Foreign Language Film

ได้แรงบันดาลใจจากเหตุการณ์จริง! ครูวิทยาศาสตร์ถูกจับกุมข้อหาสอนทฤษฎีวิวัฒนาการ (Theory of Evolution) ของ Charles Darwin เพราะเป็นสิ่งขัดแย้งต่อกฎหมาย Butler Act ทำการปฏิเสธหนังสือปฐมกาล (Book of Genesis) รังสรรค์นิยม (Creationism) พระเจ้าสร้างจักรวาลและชีวิต ไม่ใช่วิวัฒนาการจากลิงสู่มนุษย์, “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย”

ภาพยนตร์อ้างอิงศาสนา (Religious) ที่ไม่ใช่แค่ชีวประวัติ Jesus Christ แต่ยังรวมถึงผู้กำกับ Martin Scorsese เคยพานผ่านช่วงเวลาสับสน กระวนกระวาย อึดอัดอั้นภายใน ไม่แน่ใจเป้าหมายของตนเอง และเมื่อได้สรรค์สร้าง ‘passion project’ ก็ถือว่าภารกิจสำเร็จลุล่วงเสียที!

ค่ำคืนวันคริสต์มาสกับ Maud (รับบทโดยสุดสวย Françoise Fabian) ที่แม้มีเพียงการพูดคุยสนทนา (All-Talk) กลับทำให้ Jean-Louis Trintignant ผู้เคร่งศาสนา ยึดถือมั่นในอุดมการณ์ กล้าลุกขึ้นมากระทำสิ่งบางสิ่งอย่างตอบสนองความต้องการของหัวใจ, “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย”

ไม่ว่าแม่อธิการ Joan of the Angels จะถูกซาตานเข้าสิงหรือไม่? ภาพยนตร์เรื่องนี้พยายามท้าทายความเชื่อศรัทธาชาวคริสต์ เมื่อต้องเผชิญหน้าสิ่งชั่วร้ายรุกรานเข้ามาในจิตใจ เราควรจะโอบกอดยินยอมรับ หรือขับไล่ผลักไสออกห่างไกล

ภาพยนตร์เรต X ถูกแบนในหลายๆประเทศ เพราะความสุดโต่งเหนือจริงของการล่าแม่มด พฤติกรรมเก็บกดทางเพศของแม่ชี หรือแม้แต่กษัตริย์ King Louis XIII ยังถูกตีความว่าเป็น Queer แต่ถ้าเราสามารถมองผ่านสิ่งชั่วร้ายทั้งหลายเหล่านั้น ก็อาจพบเห็นสรวงสวรรค์ที่แท้จริง

คำสอนแปลกๆของนักบุญฟรังซิสแห่งอัสซีซี (Saint Francis of Assisi) ได้ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้หอมหวน ตลบอบอวล ด้วยกลิ่นดอกไม้งาม ทั้งผู้กำกับ Pier Paolo Pasolini และ François Truffaut ต่างยกให้ ‘the most beautiful film in the world’

โชคชะตาของโจรขโมยม้า ในยุคสมัยที่ชาวทิเบต ค.ศ. 1923 ยังเต็มเปี่ยมด้วยแรงเชื่อมั่นศรัทธาพุทธศาสนา จึงถูกขับไล่ออกจากชนเผ่า ต้องหาหนทางเอาตัวรอดท่ามกลางธรรมชาติกว้างใหญ่ และเฝ้ารอคอยชดใช้ผลกรรมติดตามทัน

เมื่อประธานกรรมการเทศกาลหนังเมือง Cannes ปีนั้น Yves Montand ประกาศรางวัล Palme d’Or อย่างเป็นเอกฉันท์! ทำให้เกิดทั้งเสียงปรบมือและโห่ขับไล่ ผู้กำกับ Maurice Pialat ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์บอกว่า ‘ถ้าคุณไม่ชอบผลงานผม ผมก็ไม่ชอบขี้หน้าพวกคุณเหมือนกัน’

ตั้งใจให้เป็นภาพยนตร์ขนาดยาวสร้างโดยสามผู้กำกับดัง แต่สำเร็จเสร็จสรรพเพียงส่วนของ Luis Buñuel เลยแปรสภาพสู่หนังสั้นความยาว 45 นาที เรื่องราวของของนักพรต Simón ยืนอยู่บนแท่นสูงกลางทะเลทรายนาน 6 ปี 6 สัปดาห์ และ 6 วัน, คว้ารางวัล Grand Jury Prize (ที่สอง) จากเทศกาลหนังเมือง Venice

คณะพันธมิตร(แห่งแหวน) จาริกแสวงบุญมุ่งสู่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ คาดหวังจะโจรกรรมองค์ความรู้ที่ทำให้กลายเป็นอมตะ แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้กลับมีลักษณะชวนเชื่อ (Propaganda) ชี้นำเข้าสู่ลัทธินอกรีต (Cults) ก่อนทรยศหักหลังผู้ชมให้ต้องหวนกลับสู่โลกความจริง

ชายชุดดำควบขี่ม้าอยู่กลางทะเลทราย ด้านหลังมีเด็กชายเปลือยเปล่าไม่สวมใส่เสื้อผ้า พอมาถึงเสาไม้แห่งหนึ่งสั่งให้ขุดกลบฝังตุ๊กตาหมีและรูปถ่ายมารดา, ถ้าคุณสามารถทำความเข้าใจนัยยะเชิงสัญลักษณ์ดังกล่าวได้ ค่อยลองหาโคตรหนัง Surrealist เรต NC-17 เรื่องนี้มารับชมนะครับ

เด็กหญิงพยายามปกป้อง ‘ไข่’ ของรักของหวง ราวกับลูกในครรภ์ แต่การมาถึงของชายคนหนึ่ง ชักชวนให้ครุ่นคิดตั้งคำถาม สิ่งมีค่าข้างในนั้นคืออะไร? ซึ่งวินาทีที่เขาตัดสินใจทุบทำลาย ความเชื่อมั่น ศรัทธาต่อพระเจ้า ของผู้กำกับ Mamoru Oshii ก็พลันสูญสิ้นไป

The Mission (1986) : Roland Joffé ♥♥
เรื่องราวของ Missionary คณะ Jesuit เดินทางเข้าไปเผยแพร่ศาสนายังทวีปอเมริกาใต้ ให้กับชนเผ่าพื้นเมืองแห่ง Amazon แต่พอศรัทธาเริ่มบังเกิด กลับถูกสั่งให้ล้มเลิกภารกิจ นี่นะหรือลัทธิอาณานิคม, น่าจะเป็นภาพยนตร์รางวัล Palme d’Or ยอดแย่ที่สุด

Devi (1960) : Satyajit Ray ♥♥♥
ก้าวเข้าสู่ยุคที่สองของ Satyajit Ray หลังจากเสร็จสิ้น The Apu Trilogy วิพากย์วิจารณ์วิถีความเชื่อ งมงายในศรัทธาศาสนา เมื่อพ่อเพ้อฝันว่าบุตรสาวเป็นเทวดากลับชาติมาเกิด (Devi แปลว่า Godness) ก้มลงกราบแทบเท้า เทิดทูนยกขึ้นเหนือเกล้ากระหม่อม แต่ความจริงเป็นเช่นไร ใครพบเห็นย่อมตระหนักเข้าใจได้, “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย”

Samsara (2001) : Pan Nalin ♥♥♥
การที่เจ้าชายสิทธัตถะ ตัดสินใจทอดทิ้งพระนางยโสธารา เพื่อออกค้นหาหนทางหลุดพ้นจากสังสารวัฏ ในมุมคนนอกศาสนาช่างเป็นความเห็นแก่ตัว ขาดความรับผิดชอบ ไร้ซึ่งสามัญสำนึก แต่นั่นเพราะพวกเขามองไม่เห็นความล้ำค่าของสัจธรรมความจริงเหนือสิ่งอื่นใด ก็เหมือนผู้กำกับ Pan Nalin พยายามนำมุมมองตะวันตกเข้ามาเพื่อความสากล แต่กลับคลุกเคล้าเข้ากันได้ไม่ทั้งหมด

Mandala (1981) : Im Kwon-taek ♥♥♥♡
Mandala ภาษาเกาหลีแปลว่า ภาพพระพุทธ, ไม่ได้สื่อถึงรูป วัตถุหล่อปั้น หรือเจตสิกที่ปรุงแต่ง แต่คือธรรมชาติของทุกสรรพสิ่ง แก้วน้ำ ไม้เท้า หรือแม้แต่ก้อนขี้ก็สามารถแทนด้วยพุทธองค์ นี่ไม่ใช่การลบหลู่ดูหมิ่นแคลน แต่คือปริศนาธรรมสุดลึกล้ำ, “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย”