มือปืน 2 สาละวิน

มือปืน 2 สาละวิน (พ.ศ. ๒๕๓๖) หนังไทย : หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล ♥♥♥♥♥

มันมีมนต์เสน่ห์บางอย่างของแม่น้ำสาละวินที่ทำให้’คนไทย’ต่างหลงรักหนังเรื่องนี้ เรายืนมองทหารพม่าสู้กับทหารกระเหรี่ยง KNU ที่อยู่เพียงตรงข้ามแม่น้ำ แต่เมื่อฝ่ายหนึ่งพ่ายแพ้ย่อยยับกำลังถูกไล่กวดหนีข้ามแม่น้ำ อีกฝั่งตามติดตั้งใจฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ให้สูญสิ้น จะเป็นไปได้อย่างไรที่เราจะทนเพิกเฉยไม่เข้าไปช่วยเหลือ, “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย”

ที่ผมต้องเน้นว่า ‘คนไทย’ เพราะว่ากันตามตรงอาจมีเฉพาะชาวเราเท่านั้นที่รับชมหนังเรื่องนี้แล้วเกิดความตระหนัก อกสั่นสะท้าน แม้จะไม่รู้ว่าสาละวินอยู่ตรงไหน แต่เห้ย! นั่นมันชายแดนประเทศไทยจริงๆนี่หว่า จากที่เคยเป็นเรื่องไกลตัวกลับรู้สึกใกล้ตัวขึ้นมาทันที แม้กาลเวลาจะผ่านมากว่า ๒ ทศวรรษ หนังยังคงเต็มเปี่ยมความทรงพลัง ที่เชื่อว่าฉบับ Remaster จะนำความยิ่งใหญ่กลับคืนให้ผู้ชมสมัยนี้ได้พบเห็นอีกครั้ง

ผมเกิดทันหนังเรื่องนี้นะครับ แต่ยังเด็กอยู่มากที่จะได้รับชมในโรงภาพยนตร์ มีโอกาสรู้จักจากญาติคนหนึ่งเอาม้วนวีดิโอมาเปิดให้ดู ก็จำไม่ได้ว่าตอนนั้นอายุกี่ขวบ สนุกว่ะ! น่าจะเป็นหนังไทยคลาสสิกเรื่องแรกๆที่ผมชื่นชอบประทับใจอย่างยิ่ง ยกขึ้นหิ้งให้เป็นหนังไทยเรื่องโปรดตั้งแต่ตอนนั้น, หลายปีถัดมาก็ไปคุ้ยๆหาพบเจอในกอง CD/DVD สามแผ่นร้อย รีบซื้อกลับมาดู … คือหนังยังคงสนุกอยู่นะ แต่คุณภาพแบบว่าเลวร้ายขั้นรุนแรง ฉากกลางคืนมองอะไรแทบไม่เห็น ยังดีที่ได้เห็นลางๆ มาดแรมโบ้ของสรพงศ์ ชาตรี แอบหวังมาตั้งแต่ตอนนั้น ขอให้ได้รับการ Restore/Remaster/ฟื้นฟูบูรณะ อะไรก็ได้ที่ทำให้คุณภาพหนังดีกว่านี้

รับชมรอบนี้เขียนขึ้นก่อนที่ฉบับ Remaster จะเข้าฉายรอบพิเศษ หยิบมาดูเพราะแอบหงุดหงิดตัวเองเพราะจองที่นั่งไม่ทัน ทำการหวนระลึกถึงความโปรดปรานที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง แม้ อุกาฟ้าเหลือง (พ.ศ. ๒๕๒๓) หนังอีกเรื่องของท่านมุ้ยจะแซงหน้าความโปรดปรานหนังไทยคลาสสิกที่สุดของผมไปแล้ว แต่ก็ไม่เคยลืมเลือนสาลวิน เพราะครั้งหนึ่งผมยังได้รับอีกประสบการณ์ที่ไม่เคยลืมเลือน คือล่องเรือในแม่น้ำสายนี้ ที่อำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน

ตอนผมบวช สักประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๔-๕๕ เคยไปปริวาสกรรมแถวๆจังหวัดตาก แล้วขึ้นไปจิตอาสาต่อที่แม่ฮ่องสอน เกือบเมาเพราะถนนพันโค้ง (นั่งหลังรถกระบะด้วยนะ) วัดที่ไปสร้างอยู่บนดอยห่างจากชายแดน เพียง ๓๐-๔๐ กิโลเมตร มีเวลาประมาณ ๗-๘ วันช่วงปีใหม่ในการสร้างโรงครัว แต่ก่อนจะเริ่มทำงานหลวงพี่ก็ออกปากชวนก่อนเลย ไปล่องสาลวินกัน เอิ่ม… (งานมันประมาณ ๓-๔ วันก็เสร็จนะครับ ไม่ได้รีบร้อน), ระหว่างทางก็พบเจอกับหมู่บ้านผู้ลี้ภัยกระเหรี่ยง บางคนเกิดเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่นี่ด้วยซ้ำ ไม่เคยข้ามไปฝั่งพม่า (สหประชาชาติก็เคยส่ง Angelina Jolie มาเยี่ยมค่ายแถวๆนี้ด้วย) พอถึงริมแม่น้ำ ล่องเรือเป็นกิจกรรมที่ขาดไม่ได้ ถึงไม่มี passport ก็ไม่เป็นไรข้ามได้ (เห็นว่าใช้การนับหัวเอา คือถ้ากลับไม่ครบอาจมีเรื่อง) หนึ่งในหัวข้อสนทนาที่ขาดไม่ได้ เคยดูมือปืน ๒ สาละวิน กันรึเปล่า? ผมกระหยิ่มยิ้ม นั่งกินลมฮัมเพลงสาละวินเพลิดเพลินใจ ใช้เวลาทั้งทริปประมาณ ๒ ชั่วโมง

ก็ขอแนะนำเลยนะครับสำหรับผู้ชื่นชอบหนังเรื่องนี้ สักครั้งหนึ่งควรไปลองล่องสาละวิน (เดี๋ยวนี้มันไม่ได้อันตราย ยิงกันอย่างบ้าคลั่งเหมือนเมื่อก่อนแล้ว) ไฮไลท์เลยคือสบเมย จุดที่แม่น้ำสองสายประกบกัน (สาละวินกับแม่น้ำเมย) ผมก็ไปเห็นมาแล้วละ แต่ต้องเดินต่อไปอีกหน่อยเพราะมันไปถึงน้ำตกไม่ได้ แถวนั้นโคตรเหี้ยนโคตรแรง ได้ยินว่าตอนสงครามโลกครั้งที่ ๒ มีทหารญี่ปุ่นล่องเรือมาอับปางตายเรียบ จำไม่ได้แล้วว่ามาทำไม แต่ชาวบ้านเล่าให้ฟังว่า ใครก็ตามที่แอบล่องเรือข้ามฝากตอนกลางคืนมักมีโอกาสได้เห็น…

จุดเริ่มต้นหนังเรื่องนี้ ท่านมุ้ยเล่าให้ฟังว่าเกิดขึ้นขณะถ่ายทำ คนเลี้ยงช้าง (พ.ศ ๒๕๓๓) ฉากจบอยากให้ตัวละครของสรพงศ์ ชาตรีและครอบครัว เดินผ่านไหล่เขาที่มีหลงเหลือแต่ตอไม้ (แต่คุ้นๆว่าตอนจบของหนังไม่ใช่ฉากนี้นะ!) ออกสำรวจไปถึงที่ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก ซึ่งระหว่างถ่ายทำได้ยินเรื่องราวของนายตำรวจคนหนึ่งที่นิยมวิสามัญคนร้าย ขึ้นชื่อลือชาหนาหูแถบชายแดน ระหว่างหาข้อมูลมีโอกาสเข้าไปพบเจอพูดคุย ให้เหตุผลของการต้องวิสามัญส่วนใหญ่เป็นคนพม่าหรือกระเหรี่ยงที่ข้ามแม่น้ำเมยมาปล้นฆ่าคนไทย มีอยู่รายหนึ่ง(เกิดขึ้นสดๆร้อนๆก่อนหน้านั้นเลย) มีโจรลุยข้ามแม่น้ำเมยมาฆ่าครอบครัวชาวไร่ พ่อแม่กับลูกสามคนรวมเป็น ๕ ศพ ได้เงินไปสองร้อยบาท “คนอย่างนี้จะให้ผมเก็บเอาไว้หรือครับ”

ด้วยความที่ก็ไม่รู้จะตอบแกยังไง หลังเสร็จจากถ่ายทำคนเลี้ยงช้าง พร้อมด้วยทีมงานประจำออกสำรวจตามตะเข็มชายแดนไทย-พม่า เพื่อศึกษาทำความเข้าใจปัญหาจริงๆที่เกิดขึ้น ก็พบว่าขณะนั้นการต่อสู้รบระหว่างทหารพม่ากับทหารกระเหรี่ยง KNU (Karen National Union) ยังคงมีความหนักหน่วงรุนแรง หลายครั้งที่กระสุน/ระเบิด ลอยมาตกฝั่งไทย หรือบางทีค่ายกระเหรี่ยงแตก ก็อพยพข้ามน้ำหนีมาฝั่งไทย ถูกทหารพม่าตามล่ามาติดๆก็ออกบ่อยครั้ง

ผสมกับความสนใจต่อเนื่องจากคนเลี้ยงช้าง นำประเด็นเกี่ยวกับการทำลายทรัพยากรธรรมชาติแทรกใส่เข้า เริ่มพัฒนาบทภาพยนตร์จากตัวละครเจ้าพ่อค้าไม้เถื่อน ที่เบื้องหลังค้าอาวุธเถื่อนให้กับทั้งทหารกระเหรี่ยงและทหารพม่า แลกกับการเข้าไปสัมปทานตัดไม้ ขนข้ามแม่น้ำมาฝั่งไทย (เพราะฝั่งไทยตอนนั้นแทบจะไม่มีป่าไม้หลงเหลือแล้ว อากาศร้อนตับแตก)

สำหรับชื่อหนังตอนแรกมีเพียง สาลวิน ไม่ได้เป็นภาคต่อหรือเกี่ยวเนื่องกับหนังเรื่อง มือปืน (พ.ศ. ๒๕๒๖) แต่เพราะนายทุน (น่าจะสหมงคลฟีล์ม ที่เป็นผู้จัดจำหน่ายหนังเรื่องนี้) ประทับใจการทำเงินของชื่อหนังนั้น จึงร้องขอให้ใช้ชื่อเหมือนภาคต่อ มือปืน ๒ ก็เลยนำใส่เป็นสร้อยกลายเป็น มือปืน ๒ สาละวิน, แต่ผมจะช่วยแถให้นิดหนึ่ง ถ้าเราอ่านชื่อหนังนี้ว่า ‘มือปืน สอง(ฝั่ง)สาละวิน’ นี่เจ๋งอยู่นะ

reference: http://topicstock.pantip.com/chalermthai/topicstock/2008/03/A6424708/A6424708.html

สำหรับพระเอกของหนัง ตั้งชื่อว่าจ่าแร่ม (ท่านมุ้ยบอกไม่แน่ใจว่าคิดถึงแรมโบ้ไว้ในใจอยู่หรือเปล่า แต่เป็นชื่อที่เคยตั้งไว้นานแล้วจากบทภาพยนตร์ที่ยังไม่ได้สร้าง เลยนำมาใช้) เลือกสรพงศ์ ชาตรี พระเอกคู่ใจ นี่เป็นบทบาทที่พี่เอกมีความขบถ โคตรเท่ห์ที่สุดแล้ว

จ่าแร่ม เริงชัย คงเพราะตั้งแต่ภรรยาถูกข่มขืนฆ่า ทัศนคติในการเป็นตำรวจจึงเปลี่ยนไป กับผู้ร้ายเxยๆหนักแผ่นดิน จะคิดมากทำไมก็วิสามัญไปเลย แม้มันผิดกฎหมายบ้านเมือง แต่สถานที่ไกลปืนเที่ยงขนาดนี้ ศาลใช่ว่าจะสามารถตัดสินถูกต้อง หรือคุกใช่ว่าจะเปลี่ยนสันดานคนได้ แต่เมื่อการมาถึงของผู้หมวดคนใหม่ อะไรๆอาจกำลังจะเปลี่ยนไป

ฉากที่ใครๆพูดถึงคุณสรพงศ์มากสุดในหนังเรื่องนี้ คือแรมโบ้แบกปืนบาซูก้า ทั้งๆที่ตำรวจอื่นดวลปืนสู้กับผู้ร้ายแทบแย่เกือบตาย โดนบาซูก้าไปนัดเดียวจอด เป็น Anti-Climax เท่ห์ระเบิดแบบเดียวกับ Raiders of the Lost Ark (1981) เมื่อคู่ต่อสู้ของ Indiana Jones กวัดแกว่งโชว์ดาบอย่างเท่ห์ พี่แกชักปืนยิงตูมเดียวดับดิ้น

สิรคุปต์ เมทะนี ลูกชายคนโตของ สมบัติ เมทะนี และกาญจนา เมทะนี เหมือนว่าทั้งชีวิตจะมีผลงานภาพยนตร์เพียงเรื่องเนี้เรื่องดียว ที่เหลือเป็นผลงานละครโทรทัศน์, ออกอัลบั้มเพลง ฟิตเปรี้ยะ สังกัดค่ายเพลงดีเดย์ และเป็นนักแข่งรถ

รับบทร้อยตำรวจโท ดนัย คนหนุ่มจบใหม่ ด้วยอุดมการณ์แรงกล้าจึงขอมาประจำอยู่ชายแดนฟ้าสูงป่าสัก เป็นคนซื่อตรงไปตรงมา ยังถือว่าอ่อนต่อโลกไร้เดียงสานัก กำลังจะได้พบเจอกับโลกความจริงที่แสนโหดร้าย

คุณสิรคุปต์นั้นหล่อทีเดียว (ได้เชื้อพ่อมาอย่างเยอะ) พอใส่แว่นปุ๊ปกลับกลายเป็นหนุ่มเนิร์ด ไร้ซึ่งความโหดเหี้ยมดูเจี๋ยมเจี้ยม วางมาดเป็นอย่างดีในฉากเปิดตัวก่อนลงไปคลุกขี้หมู เรียกรวมพลนายตำรวจแห่งสถานี อบรมสั่งสอนทั้งๆเปลอะเปลื้อนแบบนั้น (ไม่อายที่จะขายหน้า)

เกร็ด: สำหรับคนที่ไม่รู้ โรงเรียนเตรียมทหารจะไม่รับคนสายตาสั้นนะครับ เว้นถ้าสั้นหลังจากสอบติดเข้าเรียนแล้ว เหมือนจะอะลุ่มอะล่วยให้ได้

ฉัตรชัย เปล่งพานิช ชื่อเล่นนก ลูกของ พล.ต.อ.ถวิล เปล่งพานิช ตามติดพ่อมาเรียนต่อในกรุงเทพ เข้าสู่วงการโดยการชักชวนของ เพิ่มพล เชยอรุณ แสดงนำเรื่อง ระย้า (พ.ศ. ๒๕๒๔) โด่งดังจากละครโทรทัศน์ ตี๋ใหญ่ (พ.ศ.๒๕๒๘), ผลงานอื่นๆ อาทิ สารวัตรเถื่อน (พ.ศ. ๒๕๓๐), น้องเมีย (พ.ศ. ๒๕๓๓), ซุ้มมือปืน (พ.ศ. ๒๕๔๘), จอมขมังเวทย์ (พ.ศ.๒๕๔๘), รับบทสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชใน สุริโยไท และตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ฯ

ทูเล่ นายทหารหนุ่มแห่งกองกำลังปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) ปรากฎตัวมาอย่างเงียบๆ แอบช่วยจ่าแร่มในช่วงแรก ก่อนได้รับการตอบแทนโดยการช่วยเหลือชาวกระเหรี่ยงค่ายแตกข้ามแม่น้ำสู่ประเทศไทย แต่แล้วหน้าที่ก็ทำให้เขาต้องทรยศกับมิตรภาพเล็กๆนี้

คุณนกมักติดภาพลักษณ์กับตัวละคร ไม่เป็นเจ้าพ่อเลวก็โคตรตำรวจดี ฝั่งใดฝั่งหนึ่งไปเลย แต่หนังเรื่องนี้ไม่รู้เป็นครั้งแรกหรือเปล่าที่ต้องชั่งน้ำหนัก ว่าจะเลือกข้างไหน กับคำพูดประโยคที่ว่า “เราหายกันแล้วนะ” ถึงน้ำเสียงที่ออกมาจะนุ่มๆซึ้งๆ แต่มันคงเจ็บร้าวส่วนลึกภายใน

นพพล โกมารชุน นักแสดง/ผู้จัดรายการ/ผู้กำกับละครไทย ชื่อเล่นตู่ เข้าสู่วงการจากเป็นนักแสดงภาพยนตร์เรื่อง ใต้ฟ้าสีคราม (พ.ศ. ๒๕๒๑) มีชื่อเสียงจากละครโทรทัศน์ เก้าอี้ขาวในห้องแดง (พ.ศ. ๒๕๒๗), โบตั๋น (พ.ศ. ๒๕๓๓), ลอดลายมังกร (พ.ศ. ๒๕๓๕) ฯ

รับบทสมศักดิ์ ลูกชายโทนของพ่อเลี้ยงทวีพงศ์ ครอบครัวนักธุรกิจที่เต็มไปด้วยความละโมบโลภมาก สนแค่เรื่องเงินๆทองๆ ความสุขสบายของตนเอง วางหมากต่อรองกับทั้งทหารกระเหรี่ยงและทหารพม่า ใครเอื้อประโยชน์ให้มากกว่าก็เลือกฝ่ายนั้น, สมศักดิ์แต่งงานกับกานดา (รับบทโดย ปวีณา ชารีฟสกุล) แต่เพราะตัวเองเป็นเกย์จึงไม่สามารถสนองความสุขต่อเธอได้ ความแพร่งออกไปจะสร้างความร้าวฉานให้กับวงศ์ตระกูล แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ทำให้ต้องลบลี้หนีไปอยู่ฝั่งพม่า ไม่วายโดนจ่าแร่มและพวกตามไปถึงที่ พยายามนำกลับมาสู่ฝั่งไทยแต่จะไปถึงหรือไม่

สงสัยเพราะภาพลักษณ์ของคุณตู่มีความแต๋วอยู่มาก (ตัวจริงแต่งงานกับปรียานุช ปานประดับ แต่ไม่มีลูก) ท่านมุ้ยเลยชักชวนกึ่งท้าทาย นี่เป็นบทบาทค่อนข้างมีมิติลึกทีเดียว ครึ่งแรกก่อนที่ความจริงจะเปิดเผย น้อยคนคงสังเกตออก แต่ครึ่งหลังเมื่อถูกโดนจับลากไปเรื่อยๆ ก็เริ่มเจี้ยวจ้าว ค่อยๆแสดงความเรื่องมาก อีแอบออกมา, การให้ตัวละครนี้เป็นเกย์ มีลูกสืบเชื้อสายวงศ์ตระกูลไม่ได้ คงมีนัยยะสื่อถึงความสิ้นสุดของระบอบนายทุน เมื่อป่าไม้หมดจากไทย ก็ไม่มีอะไรให้คนพวกนี้ลักลอบตัด กอบโกยผลประโยชน์อีก หลงเหลือเพียงหายนะคลืบคลานเข้ามา

ถ่ายภาพโดยอานุภาพ บัวจันทร์ หรืออาเปี๊ยก ตากล้องคู่ใจของท่านมุ้ย เพิ่งเสียชีวิตอุบัติเหตุรถคว่ำเมื่อต้นปี พ.ศ. ๒๕๖๐ นี้เอง
– เจ้าของ ๔ รางวัลถ่ายภาพตุ๊กตาทอง: คนทรงเจ้า (พ.ศ. ๒๕๒๓), ปีหนึ่งเพื่อนกันและวันอัศจรรย์ของผม (พ.ศ. ๒๕๓๖), เสียดาย (พ.ศ. ๒๕๓๗), เสียดาย ๒ (พ.ศ. ๒๕๓๙),
– ๒ รางวัล สุพรรณหงส์: ต้องปล้น (พ.ศ.๒๕๓๓), อำแดงเหมือนกับนายริด (พ.ศ. ๒๕๓๗)
– และ ๒ รางวัลจาก ชมรมวิจารณ์บันเทิง: บุญตั้งไข่ (พ.ศ. ๒๕๓๕), ปีหนึ่งเพื่อนกันและวันอัศจรรย์ของผม (พ.ศ. ๒๕๓๖),
– ผลงานทิ้งทวนคือ ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

สถานที่ถ่ายทำหลักๆประกอบด้วย อำเภอแม่สอด, สถานีตำรวจอยู่บ้านแม่ตะวอ อำเภอท่าสองยาง, บ้านแม่สามแลบ อำเภอสบเมย, งานครบรอบ ๔๒ ปีคณะปฏิวัติ KNU โชคดีได้ข้ามฝากไปขอถ่ายทำในค่ายใหญ่ของกระเหรี่ยงสำเร็จ ฯ

ยังพอเห็นเทคนิค ซูมออก-แพนกล้อง-ซูมเข้า อยู่บ้างในช่วงแรกๆแต่จะไม่เยอะเท่า คนเลี้ยงช้าง (คงเริ่มหมดสมัยนิยมแล้ว) ซึ่งหนังเรื่องนี้เปลี่ยนไปนิยมทำการแพนหมุนกล้องไปพร้อมๆกับการซูมแทน คงเพื่อให้ความรู้สึกเหมือนสายน้ำไหลมากกว่า

ปัญหาใหญ่ของ DVD ฉบับที่ผมได้รับชมคือฉากกลางคืนที่แทบมองอะไรไม่เห็น ใช้เทคนิคเดียวกับคนเลี้ยงช้าง คือตั้งสปอตไลท์ไว้ด้านหลังไกลๆ สาดส่องแสงที่ก็ไม่รู้สีขาวหรือสีน้ำเงิน ก็แอบหวังว่าฉบับ Remaster จะทำให้พอมองเห็นอะไรบ้างนะ (จริงๆคืออยากเห็นฉาก love scene ที่ว่านักแสดงหญิงเปลือยตัวเข้าฉากด้วย แต่เพราะมันฉากตอนกลางคืนเลยมองไม่เห็นอะไรสักอย่าง *-*)

ตัดต่อโดย หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล, เว้น Prologue แนะนำจ่าแร่ม หนังใช้มุมมองของร้อยตำรวจโทดนัย เป็นผู้เล่าเรื่อง (เพราะเป็นคนเดียวที่รอดชีวิตตอนจบ) บางครั้งผ่านเสียงบรรยายอ่านจดหมายที่เขียนถึงญาติที่กรุงเทพฯ

หนังไม่ได้มีความรีบร้อนนำเข้าเรื่องราวหลัก องก์ ๑ เริ่มต้นจากการแนะนำตัวละครหลักฝั่งพระเอก ตามด้วยผู้ร้ายที่จะมาในมาดต่างๆ แนบเนียนกลมกลืนพบเจอโดยบังเอิญ ซึ่งถ้าคุณคุ้นหน้านักแสดงอยู่แล้วคงจะจดจำรัศมีของพวกเขาได้ไม่ยาก ต่อไปคงมีบทบาทสำคัญอะไรแน่,

องก์ ๒ สงครามระหว่างกระเหรี่ยงกับทหารพม่า ที่ฝั่งพระเอกตำรวจไทยทำได้เพียงหลบในบังเกอร์ เฝ้ามองดูความขัดแย้ง (เหมือนพระเจ้าเฝ้ามองดูมนุษย์) การต่อสู้ของทั้งสองฝ่าย หลายคนคงรู้สึกได้ว่าเป็นเรื่องไร้สาระ แต่สำหรับพวกเขามันคือเกียรติ ศักดิ์ศรี หน้าที่ และความจำเป็น เพราะนั่นคือสถานที่ ดินแดนบ้านเกิดของตนเอง

องก์ ๓ เมื่อเกิดความผิดพลาดทางเทคนิคของฝั่งผู้ร้าย พระเอกตำรวจไทยก็รีบแจ้นออกสร้างภาพ ค้นพบว่าสมศักดิ์ซ่อนตัวอยู่ในพม่า ปลอมตัวลักลอกเข้าไปลากคอกลับไทยเพื่อพาขึ้นศาลตัดสินสาวความโฉดชั่ว แต่เพราะนี่เป็นการลุกล้ำอำนาจอธิปไตยของพม่าและชาวกระเหรี่ยง จากที่เคยแค่เป็นพระเจ้าผู้เฝ้ามองดู กลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นเกม ต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่อแสวงหาทางหวนคืนกลับสู่สรวงสวรรค์เมืองไทย แต่มันกลับแลกมาด้วยอะไรต่างๆมากมาย

เพลงประกอบโดย พิเศษ สังข์สุวรรณ หนึ่งในสุดยอดนักประพันธ์เพลงประกอบของเมืองไทย (ลุงแกเสียชีวิตไปแล้วเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๑) มีผลงานหนังของท่านมุ้ยดังๆอย่าง มือปืน (พ.ศ. ๒๕๒๖), มือปืน ๒ สาละวิน(พ.ศ. ๒๕๓๖), กล่อง (พ.ศ. ๒๕๔๑) ฯ ผลงานอื่นอาทิ บางระจัน (พ.ศ. ๒๕๔๓), ลองของ (พ.ศ. ๒๕๔๘) ฯ

ขอพูดถึง Soundtrack ก่อนแล้วกัน ต้องถือว่าไม่ธรรมดาทีเดียว ใช้การผสมเสียงที่ค่อนข้างหลากหลาย เน้นๆคือคีย์บอร์ด/อิเล็กโทน (เป็นเครื่องดนตรีที่เปลี่ยนเสียงได้หลากหลาย), ลีดกีตาร์ไฟฟ้า, เสียงรัวกลอง (ที่เหมือนเสียงปืนกล), ไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่ามีการใช้เครื่องดนตรีพื้นบ้านของกระเหรี่ยง/พม่า ร่วมด้วยหรือเปล่า แต่จะมีบทเพลงหนึ่งที่ภาษากระเหรี่ยงแน่ๆ

ฉากที่ฝั่งกระเหรี่ยงค่ายแตก ผู้คนอพยพหนีข้ามแม่น้ำเมยเข้ามาฝั่งไทย บทเพลงภาษากระเหรี่ยงที่ใส่เข้ามา เห็นว่าต.ช.ด. ค้นพบในเป้หลังของศพทหารนายหนึ่ง เนื้อเพลงแปลได้ประมาณว่า จะมารอที่รักอยู่ริมฝั่งสาลวินจนกว่าจะกลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง, ท่านมุ้ยบอกว่าก็ไม่รู้ใครแต่ง แต่เนื้อหาดีเลยนำมาใส่ไว้ ไม่น่าเชื่อจะทำให้ฉากนี้มีความทรงพลังอย่างยิ่ง ด้วยทำนองที่ให้สัมผัสถึงความหวัง ปรารถนาดี แม้สงครามจะพ่ายแพ้แต่ชีวิตยังไม่สิ้นสุด

ฉากเปิดตัวร้อยตำรวจโทดนัย ขณะกำลังขับมอเตอร์ไซด์ผ่านถนนลูกรัง สองทางโล่งโปร่ง ไร้ซึ่งต้นไม้สูงใหญ่ที่เคยอุดมสมบูรณ์ บทเพลงประกอบฉากนี้คือ มนต์เมืองเหนือ แต่งคำร้อง/ทำนองโดย ไพบูลย์ บุตรขัน ขับร้องโดย สมยศ ทัศนพันธ์, จริงๆหาเพลงนี้ต้นฉบับฟังไม่ได้แล้วนะครับ มีแต่ที่ขับร้อง Cover โดยศิลปินรุ่นใหม่ แต่ไปบังเอิญเจอพบเจอคลิปที่อัดจากแผ่นเสียงเลย ไพเราะประทับใจมาก น่าจะมีใครนำมาแปลงเป็นไฟล์ดิจิตอลได้แล้วนะเนี่ย

ใครๆคงจดจำได้กับบทเพลงสาละวิน เนื้อร้อง/ทำนองโดย พิเศษ สังข์สุวรรณ ขับร้องโดย ยืนยง โอภากุล, คนส่วนใหญ่คงจดจำฮัมได้ร้องแต่ท่อน “น้ำเย็นยะเยือกจากเทือกเขาหิมาลัย ไหลเชี่ยวเลี้ยวลดไหลไป กำเนิดเกิดสาย สาละวิน” แต่ท่อนไฮไลท์ของบทเพลงนี้คือ

“สาละวิน มีทั้งสิ้นกี่หยดน้ำ มนุษย์ตาดำๆ มีทั้งสิ้นกี่ผู้คน
หยดน้ำแห่งสาละวิน รวมกันทั้งสิ้นเป็นหนึ่งสายชล
แต่มนุษย์ผู้น่าฉงน มีไม่กี่คนกลับไม่เคยรวมกัน”

นัยยะของเพลงนี้คือการเปรียบเปรยผู้คนกับสายน้ำ(สาละวิน) เราอาศัยอยู่ด้วยกันเคียงข้างร่วมกันมาอย่างยาวนาน แต่ขณะที่สายน้ำไม่เคยสนความแตกต่างหรือก่อเกิดความขัดแย้ง สังคมมนุษย์กลับแก่งแย่งชิงดี ต้องการครอบครองเป็นเจ้าของพื้นแผ่นดินแดนรอบสายน้ำนี้ ไม่รู้เมื่อไหร่จะมีวันจักจบจักสิ้น

อีกหนึ่งบทเพลงที่ขอพูดถึงคือ เพลงสายน้ำ แต่งเนื้อร้อง/ทำนองโดย พิเศษ สังข์สุวรรณ ขับร้องโดยอานนท์ สายแสงจันทร์ (ปู แบล็คเฮด) นี่เป็นเพลงตอนจบ Ending Credit ที่บอกถึงหนึ่งในคุณประโยชน์ของสายน้ำ คือการชะล้างเลือดชั่วของมนุษย์ให้เจือจางไป ต่อให้ความขัดแย้งรุนแรงมากน้อยแค่ไหน แต่สายนธีแห่งนี้ก็สามารถทำความสะอาดให้กลับมาใหม่เอี่ยมได้หมดจด

แม่น้ำสาละวิน (Salween River) ความยาว ๒,๘๐๐ กิโลเมตร เป็นแม่น้ำยาวอันดับ ๒๖ ของโลก ส่วนภูมิภาคเอเชียอาคเนย์เป็นรองเพียงแม่น้ำโขง ต้นกำเนิดจากการละลายของหิมะเหนือเทือกเขาหิมา –> ไหลผ่านมณฑลยูนนาน ประเทศจีน ซึ่งจะเรียกแม่น้ำสายนี้ว่า นู่เจียง หมายถึง แม่น้ำพิโรธ –> ผ่านประเทศพม่าผ่านรัฐฉาน รัฐกะยา รัฐกะเหรี่ยง –> กั้นพรมแดน ระหว่างพม่ากับไทยที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ไหลลงมาบรรจบกับแม่น้ำเมย –> จากนั้นไหลวกกลับเข้าประเทศพม่า –> และไหลลงสู่มหาสมุทรอินเดียที่อ่าวเมาะตะมะ รัฐมอญ, เนื่องจากเป็นแม่น้ำที่เกิดจากการละลายของหิมะ อุณหภูมิของน้ำจึงมีความเย็นกว่าน้ำในแม่น้ำสายอื่นๆ ในประเทศไทย บางช่วงมีความลึกมากและน้ำไหลแรง

มือปืน ๒ สาละวิน เป็นหนังที่ใช้สถานที่ผูกติดเรื่องราวทั้งสองฝากฝั่ง เรื่องราวสะท้อนซึ่งกันและกัน และข้ามฝากฝั่งไขว้ไปมา ความน่าสนใจอยู๋ที่การเปรียบเทียบสายน้ำกับพฤติกรรมของมนุษย์ที่ช่างตรงกันข้ามเสียเหลือเกิน และเมื่อกาลเวลาผ่านไปสายน้ำแหล่งนี้ยังคงเคลื่อนไหลอยู่ แล้วมนุษย์ละ?

ความขัดแย้งระหว่างกระเหรี่ยงvsทหารพม่า สะท้อนกับฝั่งไทย ตำรวจvsพ่อเลี้ยงค้าไม้เถื่อน ขณะที่คู่แรกคือระดับสงครามโลก คู่หลังคือสงครามเย็นที่คุกกรุ่น ต่างฝ่ายจะคอยสังเกตการณ์กันอย่างใกล้ชิด โดยมี(พ่อเลี้ยง)แอบป้อนยุทโธปกรณ์ และ(ตำรวจ)ให้การช่วยเหลือผู้พ่ายแพ้อพยพหนี, องก์สามของหนังคือการข้ามฝากไขว้คู่ ตำรวจไทยเข้าไปในเขตประเทศพม่า พยายามลักพาตัวผู้ต้องหากลับประเทศ แต่กลับถูกกัดขวางโดยหน่วยคอมมานโดของกระเหรี่ยง ต่อสู้กันระดับเอาเป็นเอาตาย แต่สุดท้ายกลับถูกทรยศหักหลัง ด้วยข้อตกลงเงียบๆแบบไม่รู้ตัวของพ่อเลี้ยงกับทหารพม่า ก่อนตบถ้ายด้วยไหนๆข้าก็จะตายแล้ว ขอพาเอ็งไปด้วยอีกคนแล้วกัน

ใจความหลักของหนังคือการตั้งคำถามกับความขัดแย้ง ต่อสู้ทำสงคราม โกรธเกลียด ฆ่าแกงกัน มันมีค่าอะไร?

อย่างการวิสามัญฆ่าคนตาย ใครๆคงรู้แก่ใจว่าเป็นสิ่งผิด แต่กับสถานที่ที่มีความขัดแย้งรุนแรงบ้าคลั่งระดับนี้ ถ้าไม่ตอบโต้เลือดด้วยเลือด เห็นทีจะไม่มีประโยชน์อะไร, นี่ผมก็จนปัญญา ตอบคำถามนี้ไม่ได้ เพราะเมื่อครุ่นคิดถึงต้นตอแท้จริงของปัญหา มันเกิดจากความไม่เท่าเทียมกันของชีวิต กรรมเวรของผู้ที่เกิดมาเป็นศัตรูคู่ขัดแย้ง ถ้าเขาไม่ตายก็อาจเป็นเราที่สิ้นชีวี ฆ่าเพื่อปกป้องตนเอง คนที่เรารัก และประเทศชาติ ไม่จองเวรกับผู้อื่น กรรมจะไม่รุนแรงหนักเท่าพวกที่ ฆ่าเพื่อความบันเทิง ล้างแค้น เพื่อตนเองเท่านั้น

ส่วนใจความรองคือ ปลุกจิตสำนึกเรื่องรักษ์ธรรมชาติ และการไม่คอรัปชั่นหักหลังโกงกิน

หลังจากคนเลี้ยงช้าง ข้อสรุปของท่านมุ้ยคือ นักอนุรักษ์คงไม่มีทางตามทันพวกลักลอบตัดอยู่แล้ว แต่เราจะสามารถควบคุม สกัดกั้น หรือหาทางออกอื่นให้กับปัญหา ที่ไม่ใช่รังแต่จะผลักภาระให้ประเทศอื่นได้หรือเปล่า? นี่ถ้าพม่า/ลาว ป่าไม้หมดสิ้นประเทศไปอีกละ ลักลอบตัดคนที่ปลูกถูกกฎหมายงั้นเหรอ (เหตุการณ์นี้เคยมีเกิดขึ้นจริงแล้วนะครับ ไม่ได้พูดเล่นๆ) มันจะชั่วช้าขนาดนรกส่งมาเกิดไปหรือเปล่า

เอาละผมได้คำตอบของตัวเองแล้ว (และอาจเป็นคำตอบเดียวกับท่านมุ้ย ที่นำเสนอมาในตอนจบของหนัง) เมื่อถึงจุดๆหนึ่ง ความนิ่งเฉยไม่สามารถแก้ไขปัญหาอะไรได้ ก็ยิงๆแม้งไปเถอะครับ บางคนมันหนักโลกจริงๆ ปล่อยไว้ก็รังแต่สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นอีกมากมาย อย่างน้อยคนชั่วตายไปหนึ่ง โลกคงจะได้มีสุขสงบสันติขึ้นมา แม้อาจจะในช่วงเวลาเล็กๆก็เถอะ, กระสุนสามนัดที่ยิง ราวกับว่าเป็นการถามตัวเองให้แน่ชัด ชัวร์รึเปล่าที่จะฆ่าหมอนี่ แบบตอนซื้อของประมูล ฆ่าครั้งที่ ๑, ฆ่าชัวร์ครั้งที่ ๒, คำตอบสุดท้ายครั้งที่ ๓, การเสียชีวิตของสมศักดิ์ ถูกยิงเข้าข้างหลัง ล้มลงเกาะท่อนไม้ห้อยต่องแต่ง ค้างคาอยู่ตรงนั้น ไปไม่ถึงฝั่งฝันเขตแดนพม่า

ขอพูดถึงการตายของทูเล่สักหน่อย หวนระลึกถึงหนังเรื่อง Kagemusha (1980) ของปรมาจารย์ผู้กำกับ Akira Kurosawa เรื่องนั้นผมวิเคราะห์การล่องลอยไปตามสายน้ำของ Kagemusha คือถึงตัวตายแต่อุดมการณ์ยังมั่นคงอยู่สืบทอดต่อไป, ซึ่งกับหนังเรื่องนี้เหมือนจะตรงกันข้าม เพราะลักษณะการตายมีความไร้ค่า สูญเปล่า แต่ก่อนที่จะถูกสายน้ำพัดพาไปเจ้าตัวคงตระหนักคิดได้ จึงมีลูกฮึดเฮือกสุดท้ายจัดการยิงหัวหน้าทหารพม่าล้มลงสิ้นลม อย่างน้อยการตายของตัวเองยังสามารถนำพาศัตรูตัวฉกาจให้ลงนรกตามไปด้วย สิ้นสุดเสียทีความวุ่นวายบ้าคลั่งของชีวิต แล้วสายน้ำก็พัดพาร่างของทูเล่ลอยไหลหายลับไป

Ye Shall be as gods, knowing good and evil.

ข้อความเกริ่นนำของหนังเรื่องนี้ มาจากคัมภีร์ไบเบิ้ล Genesis 3:5 ขณะที่ Adam กับ Eve ได้รับคำยั่วยวนจากซาตานที่แปลงกายเป็นอสรพิษ ชักชวนให้พวกเขาเด็ดกินผลแอ็ปเปิ้ลในสวน Eden โดยพูดบอกว่า ‘เมื่อนั้นเธอจะกลายเป็นดั่งพระเจ้า รับรู้ความดีความชั่วทุกสิ่งอย่างบนโลก’

นี่มีนัยยะพูดถึงร้อยตำรวจโทดนัย ตอนแรกเป็นคนใสซื่อบริสุทธิ์ (คล้ายกับ Adam & Eve) เต็มเปี่ยมด้วยความดีงามบริสุทธิ์พร้อม ได้รับการยั่วยวนชักจูงจากจอมมาร พบเจอกับด้านมืดความชั่วร้าย ทำให้กระจ่างแจ้งพบเห็นสัจธรรมความจริงของโลก

ท่านมุ้ยก็เป็นชาวพุทธแท้ๆ แต่กลับเลือก Quote ไบเบิ้ลนี้มาเฉยเลย ก็ไม่รู้คิดอะไรอยู่ แทนที่จะอัญเชิญคำสอนของพระพุทธเจ้ามานะ … แต่ผมก็สังเกตเห็นว่าช่วง Opening Credit ต้นเรื่องเป็นภาษาอังกฤษล้วน สงสัยนายทุนสั่งมาให้นำไปขายฝรั่ง เลยจำต้องยกข้อความที่พวกเขาอาจเข้าใจได้ คนไทยไม่รู้เรื่องก็หาใช่สาระสำคัญหรือเปล่านิ

หนังได้รับ ๕ รางวัลพระสุรัสวดีหรือรางวัลตุ๊กตาทอง ประกอบด้วย
– ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
– ผู้กำกับการแสดงยอดเยี่ยม
– ผู้แสดงนำชายยอดเยี่ยม (สรพงศ์ ชาตรี)
– ลำดับภาพและตัดต่อยอดเยี่ยม
– บันทึกเสียงยอดเยี่ยม

ปัจจุบันสงครามระหว่างกระเหรี่ยงกับกองทัพพม่า ไม่ได้มีความรุนแรงเหมือนแต่ก่อนแล้ว เพราะแกนนำหลักของฝั่งกระเหรี่ยง ท่าน ปธน. ได้เสียชีวิตไปแล้ว ทำให้รัฐมนตรีหลายคนแปรพักตร์ยินยอมรับข้อเสนอของฝั่งพม่า แต่ก็ยังมีบางกลุ่มหัวรุนแรง ก่อความไม่สงบ สร้างสถานการณ์อยู่เรื่อยๆ รัฐบาลพม่าก็ขี้เกียจปราบให้หมดเพราะสิ้นเปลืองงบประมาณ เคยยังคาราคาซังอยู่นิดหน่อย แต่คนไทยไปเที่ยวแถวสาละวินก็ไม่ต้องวิตกไปนะครับ อย่างน้อยไม่ต้องวิ่งหลบกระสุนเข้าบังเกอร์เหมือนแต่ก่อนแล้ว

กระนั้นยังมีเรื่องน่าวิตกอีกอย่างคือ กาลอนาคตต่อไปจะยังมีน้ำในแม่น้ำสาละวินหลงเหลือไหม เพราะเห็นว่าฝั่งพม่ามีการสร้างเขื่อนในแม่น้ำสายนี้ รู้สึกจะเสร็จไป ๕ แห่งแล้ว (เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าใช้) นี่ถ้าสงครามยังไม่จบแล้วแม่น้ำเหือดแห้ง ต.ช.ด.ฝั่งไทย คงงานเข้าหนักเลยละครับ

รับชมมือปืน ๒ สาละวินรอบนี้ ทำให้ผมหวนระลึกถึงอีกหนังเรื่องโปรดที่เคยเขียนไปแล้ว The Wind Will Carry Us (1999) ของผู้กำกับ Abbas Kiarostami สายลมในหนังเรื่องนั้น เปรียบได้กับสายธาราในหนังเรื่องนี้ เป็นสิ่งที่เรียกว่า ‘จิตวิญญาณของภาพยนตร์’ ราวกับมีชีวิตเป็นของตัวเอง ไม่จบสิ้นสูญลมหายใจไปตามกาลเวลา, ในบรรดาหนังไทยคลาสสิกหลายสิบร้อยเรื่องที่ผมได้รับชม มือปืน ๒ สาละวิน เป็นหนึ่งในไม่กี่เรื่องที่ไม่เคยเก่าเลย เปลี่ยนการต่อสู้จาก กระเหรี่ยงvsพม่า เป็น เหลืองvsแดง, อเมริกาvsเกาหลีเหนือ ฯ ทุกความขัดแย้งของโลกที่เราสามารถมองเห็น หนังเรื่องนี้ได้ตั้งคำถาม ตอบโจทย์ สิ่งที่ประชาชน’คนไทย’สามารถทำได้ ควรแสดงออกอย่างเหมาะสมควร ที่ไม่ใช่แค่การนิ่งเฉย ถ้าสักวันต้องกลายเป็นส่วนหนึ่งแล้วคุณจะรู้สึกเอง นี่จะไม่ให้เรียกว่าเหนือล้ำกาลเวลาได้เช่นไร

“ต้องดูให้ได้ก่อนตาย” หลายครั้งในชีวิตจำต้องตัดสินใจเลือกระหว่าง ถูก/ผิด, ดี/ชั่ว, หน้าที่/ความรู้สึก, ส่วนตัว/ส่วนรวม ฯ หนังเรื่องนี้ไม่ได้สั่งสอนบีบบังคับให้คุณต้องเลือกข้างฝั่งไหน เพียงแค่ให้สังเกตเฝ้ามองดูสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขาทั้งหลายคิดตัดสินใจกระทำ มันมีอะไรเกิดขึ้นเป็นผลลัพท์ต่อไปบ้าง แล้วตัวคุณมีปฏิกิริยาความรู้สึกต่อเหตุการณ์นั้นๆเช่นไร, สิ่งที่คุณจะได้รับจากหนังเรื่องนี้ โดยไม่รู้ตัวหรอก มันจะแปรสภาพเป็นบางสิ่งอย่างฝังลึกอยู่ในใจ พัฒนาต่อกลายเป็นความต้องการ ตัวตน จิตวิญญาณแท้จริงของคุณเอง

แนะนำอย่างยิ่งกับคอหนังไทยคลาสสิก, รู้จัก เคยไปเที่ยวแม่น้ำสาละวิน, อยากเห็นท่านผู้นำกระเหรี่ยงตัวจริง, นักอนุรักษ์ป่าไม้ สิ่งแวดล้อม ธรรมชาติทั้งหลาย, แฟนหนังท่านมุ้ย, สรพงศ์ ชาตรี, ฉัตรชัย เปล่งพานิช ไม่ควรพลาด!

จัดเรต ๑๕+ กับสงคราม ความรุนแรง และความตาย

TAGLINE | “มือปืน ๒ สาละวิน ของท่านมุ้ย ได้ทำให้จิตวิญญาณของแม่น้ำสายนี้ ฝังอยู่ในใจคนไทยตลอดกาล”
QUALITY | RARE-GENDARY
MY SCORE | FAVORITE

1
Leave a Reply

avatar
1 Comment threads
0 Thread replies
1 Followers
 
Most reacted comment
Hottest comment thread
1 Comment authors
MiwCA Recent comment authors

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.

  Subscribe  
newest oldest most voted
Notify of
MiwCA
Guest
MiwCA

ผมอายุ 44 บังเอิญได้ดูครั้งแรก 22/4/24 อยู่ๆยูทูปก็ขึ้แนะนำมา เอาวะว่างๆ เลยลองดู …ดูไปกลางเรื่อง นั่งคิด เห้ย เรามีหนังไทยเจ๋งๆแบบนี้ด้วยว่ะ ดาราเพียบเลย พี่เอกอย่างที่ผู้เขียนบอก โครตเท่จังวะ ณ เวลาที่พิมมานี่หนังยังดูไม่จบ เพราะเหตุการณ์มันเหมาะกับตอนนี้ที่พม่าตีกันพอดี ยิ่งดูหนังสนุกไปอีก ต้องมาหาอ่านบทความวิเคราะห์ในกุเกิล หาไล่มาเรื่อยๆจนมาเจอบล๊อคอันนี้ขอบคุณที่เขียนเรื่องราวดีๆ ทำให้ดูหนังสนุกอีกเป็นเท่าตัว

%d bloggers like this: