As I Was Moving Ahead Occasionally I Saw Brief Glimpses of Beauty (2000) : Jonas Mekas ♥♥♥♥
ชำเลืองมองเศษเสี้ยวความทรงจำของ Jonas Mekas ในภาพยนตร์แนวทดลอง ‘Diary Films’ ความยาวเกือบๆห้าชั่วโมง แปะติดปะต่อฟุตเทจถ่ายทำไว้ตั้งแต่ทศวรรษ 70s ไม่ได้มีเนื้อเรื่องราวอะไร แต่มีความงดงามจับใจ
ผมมีความสนใจในผลงานของ Jonas Mekas มาสักพักใหญ่ๆ เพราะการได้รับฉายา “The Godfather of American Avant-Garde Cinema” แสดงถึงอิทธิพลต่อวงการภาพยนตร์ที่มากๆล้น ตอนแรกก็เล็งๆ Walden (Diaries, Notes, and Sketches) (1969) และ Reminiscences of a Journey to Lithuania (1972) แต่พอพบเห็น As I Was Moving Ahead… (2000) ติดอันดับ 225 (ร่วม) ชาร์ท The Greatest Films of All Time ของนิตยสาร Sight & Sound: Critic’s Poll 2022 เลยเปลี่ยนมาเขียนเรื่องนี้ดีกว่า
จริงๆผมก็หารับชม Walden (1969) และ Reminiscences of a Journey to Lithuania (1972) เพื่อทำความคุ้นเคยสไตล์ Mekas บอกเลยว่าทั้งสองเรื่องสร้างความประทับใจมากกว่าภาพยนตร์ที่กำลังจะเขียนนี้เสียอีก! เพราะมันมีโครงสร้าง เนื้อเรื่องราวจับต้องได้ แต่หลังจากครุ่นคิดไปมา ตระหนักว่าแนวคิดของ As I Was Moving Ahead … (2000) มีความยิ่งใหญ่ระดับมหากาพย์ ‘Epic Diary Film’ สมควรได้รับยกย่องมาสเตอร์พีซแห่งวงการภาพยนตร์
นั่นเพราะ As I Was Moving Ahead… (2000) พยายามเลียนแบบ’ความทรงจำ’ของมนุษย์ ไม่มีทางที่คนเราจะจดจำอะไรๆได้ทุกสิ่งอย่าง แค่เมื่อวานทานอะไรก็อาจหลงลืมไปแล้วด้วยซ้ำ กาลเวลาทำให้หลงเหลือเพียงเศษเสี้ยวรายละเอียดเล็กๆ กระโดดไปกระโดดมา เหมือนกระเบื้องโมเสกนำมาแปะติดปะต่อกัน
ไม่ใช่แค่โครงสร้างดำเนินเรื่อง ‘non-narrative’ ที่เต็มไปด้วย ‘jump cut’ แต่ยังต้องชมคำบรรยายอธิบายความครุ่นคิดของ Mekas และลีลาถ่ายภาพตลอดระยะเวลากว่า 30 ปี มอบสัมผัสหนังบ้าน ‘Home Movie’ มือสมัครเล่นถ่ายทำภาพยนตร์ (เทคโนโลยีกล้องอาจพัฒนาไป แต่สไตล์การถ่ายทำยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง)
I am not really a filmmaker. I do not make films… I just film.
Jonas Mekas
Jonas Mekas (1922-2019) ศิลปิน นักกวี ผู้กำกับ วิจารณ์ภาพยนตร์ เกิดที่ Semeniškiai, Lithuania ช่วงระหว่างถูกยึดครองโดย Nazi Germany แอบทำงานบรรณาธิการ เขียนบทความให้นิตยสารใต้ดิน Naujosios Biržų žinios ของ Lithuanian Activist Front, เมื่อปี ค.ศ. 1944 ร่วมกับพี่ชายพยายามออกเดินทางสู่ Switzerland แต่ถูกทหารเยอรมันจับกุมตัว ส่งไปค่ายกักกันแรงงาน ณ Elmshorn เป็นเวลาแปดเดือนก่อนสามารถหลบหนีไปซ่อนตัวจนสิ้นสุดสงคราม
หลังจากนั้นเข้าศึกษาปรัชญา University of Mainz แล้วได้รับทุนสนับสนุนเรียนต่อสหรัฐอเมริกา เลยปักหลักอาศัย Williamsburg, Brooklyn เก็บเงินซื้อกล้อง Bolex 16mm ก่อตั้งนิตยสาร Film Culture ตีพิมพ์บทความ Movie Journey ลงนิตยสาร The Village Voice, ตามด้วยร่วมก่อตั้ง Film-Makers’ Cooperative และ Filmmakers’ Cinematheque (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น Anthology Film Archives) คลังเก็บหนัง Avant-Garde ขนาดใหญ่สุดในโลก
Mekas กำกับภาพยนตร์เรื่องแรก Guns of the Trees (1962), ก่อนเริ่มบันทึกภาพกิจวัตรประจำวันของตนเองด้วยกล้อง Bolex 16mm ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1964 ใช้เวลาสี่ปีจนสามารถสรรค์สร้างผลงาน ‘diary film’ เรื่องแรก Walden หรือ Diaries, Notes, and Sketches (1968)
To me Walden exists throughout the city. You can reduce the city to your own small world which others may never see. Walden is made up of bits of memories of what I wanted to see. I eliminated what I didn’t want to see.
Jonas Mekas
อีกผลงาน ‘diary film’ ที่ถือเป็นไฮไลท์ของ Mekas ก็คือ Reminiscences of a Journey to Lithuania (1972) บันทึกภาพการเดินทางหวนกลับสู่บ้านเกิด เยี่ยมเยียนครอบครัวที่ Lithuania ในรอบยี่สิบกว่าปี … บางสำนักยกให้เป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับ Lithuania ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาล!
The film is a personal diary, a record of my thoughts and feelings as I returned to Lithuania after an absence of 27 years. It is a film about the beauty and the sadness of Lithuania, about the joy and the pain of homecoming.
It is a film about memory, about the past, about the present, about the future. It is a film about the journey of life, about the journey of the soul. It is a film about the journey of the artist, about the journey of the film.
หลังจากนั้น Mekas ก็ยังคงบันทึกภาพ ‘Home Movie’ ถ่ายทำวิถีชีวิต กิจวัตรประจำวันของตนเองเรื่อยๆมา ตัดต่อทำหนังสั้น-หนังยาว ออกฉายปีละเรื่องสองเรื่อง จนกระทั่งปี ค.ศ. 1999 เมื่อศตวรรษที่ 20th ใกล้สิ้นสุดลง จึงรวบรวมฟุตเทจตั้งแต่แต่งงานภรรยา Hollis Melton เมื่อปี ค.ศ. 1974 นำมาแปะติดปะต่อสรรค์สร้างผลงานชิ้นเอก As I Was Moving Ahead… (2000)
I wanted to make a film that would be a kind of diary of my life, a record of the things that I have seen and experienced. I wanted to show the beauty of everyday life, the ordinary moments that we often take for granted. I also wanted to show the importance of memory and storytelling. I believe that our memories are what make us who we are, and that our stories are what connect us to each other.
I have never been able really to figure out where my life begins and where it ends. I have never, never been able to figure it all out, What it’s all about, what it all means.
บอกตามตรงผมก็ไม่รู้จะเขียนอะไรถึงภาพยนตร์เรื่องนี้ (แบบเดียวกับประโยคแรกที่ Mekas พูดบรรยายในหนัง) เพราะมันแทบไม่มีรายละเอียดใดๆ เพียงภาพถ่ายที่นำมาร้อยเรียง แปะติดปะต่อ กระโดดไปมา ให้มีลักษณะเหมือนกระเบื้องโมเสก ไดอารี่แห่งความทรงจำ ไม่มีเรื่องราว ลำดับเหตุการณ์ ‘non-narrative’ ทุกสิ่งอย่างล้วนคือความบังเอิญของโชคชะตา
ภาพยนตร์ก็เหมือนความทรงจำ ไม่มีทางที่เราจะสามารถเก็บบันทึกทุกรายละเอียด ถ่ายทำทุกสิ่งอย่าง แต่สิ่งที่ Mekas พยายามนำเสนอออกมานี้ คือเศษเสี้ยวช่วงเวลา/เหตุการณ์สำคัญๆในชีวิต อาทิ ภาพการแต่งงาน ภรรยาตั้งครรภ์ คลอดบุตรสาว ก้าวย่างแรก ฯลฯ มันอาจไม่ได้มีความหมายใดๆกับผู้ชม แต่สำหรับบุคคลในภาพยนตร์ (ตัวของ Mekas, ภรรยา และบุตรสาว) นั่นคือความทรงจำอันงดงาม ตราตรึง ทรงคุณค่ายิ่งนัก!
การสรรค์สร้าง As I Was Moving Ahead … (2000) ได้ทำให้ผู้เฒ่า Mekas ในวัย 77 ย่าง 78 ปี หวนระลึกความหลัง (Reminiscences) ทบทวนความทรงจำ เปิดฟีล์มเก่าๆเคยถ่ายทำ ส่วนใหญ่คงหลงลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าได้บันทึกอะไรเอาไว้ ซึ่งการแปะติดปะต่อฟุตเทจเหล่านั้น เหมือนการพยายามประมวลภาพชีวิต ค้นหาคุณค่าความหมาย ฉันเกิดมาทำไม? เมื่อจากไปจะไม่รู้สึกสูญเสียดาย … หลายคนอาจรู้สึกเศร้าๆระหว่างรับชม เพราะหนังทำให้เราระลึกถึงความตายโดยไม่รู้ตัว
สิ่งหนึ่งที่ผมไม่ค่อยเห็นด้วยนัก แต่มันเป็นปรัชญาชาวตะวันตก/โลกยุคสมัยใหม่ ที่สอดคล้องแนวคิดภาพยนตร์เรื่องนี้ “Forget eternity, enjoyed those moments, those brief moments”. อนาคตจะเป็นอย่างไรช่างหัวมัน ขอแค่เรามีความสุขกับปัจจุบัน แม้เพียงระยะเวลาสั้นๆ ก็ราวกับสรวงสวรรค์ (Paradise) … แต่มันคุ้มค่ากับความทุกข์ทรมานหลายกัปกัลป์จริงๆนะหรือ?
“Life goes on”. หนึ่งในข้อความปรากฎขึ้นซ้ำๆ(แทบจะทุกๆม้วนฟีล์ม) เหมือนเป็นคำพูดบอกกับตนเองของ Mekas ถึงการตัดต่อภาพยนตร์เรื่องนี้ที่ยังมีฟุตเทจหลงเหลืออีกมากมาย ไม่รู้ต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไหร่กว่าจะเสร็จสิ้น สำหรับผู้ชมเองบางคนก็อาจรู้สึกเหน็ดเหนื่อย เบื่อหน่าย เพราะความยาวระดับมหากาพย์ 288 นาที (4 ชั่วโมง 48 นาที) มันช่างมากเหลือหลาย … แต่ผมว่ามันก็ยังเพลิดเพลินกว่ารับชมภาพตึก Empire (1965) แปดชั่วโมงเป็นไหนๆ
I do not know how I managed to reach this point, how I have reached this point in my life. But I continue moving ahead, slowly, moving ahead, and some glimpses of happiness and beauty come my way, by chance, when I do not even expect it… when I do not even expect it… So I keep moving ahead, I keep moving ahead, my friends…
เข้าฉายรอบปฐมทัศน์ยัง London Film Festival ช่วงเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2000 เสียงตอบรับถือว่าดียอดเยี่ยม ได้รับยกย่องจากนักวิจารณ์ “A Masterpiece of Experimental Cinema.”
A film that is both a celebration of life and a meditation on death, As I Was Moving Ahead Occasionally I Saw Brief Glimpses of Beauty is a masterpiece of experimental cinema. Jonas Mekas’s lyrical and elegiac film is a reminder that even in the midst of grief, there is always beauty to be found. It is also a testament to the power of the human spirit to endure.
นักวิจารณ์ Amy Taubin จากนิตยสาร Sight & Sound
As I Was Moving Ahead Occasionally I Saw Brief Glimpses of Beauty is a film that will stay with you long after you’ve seen it. It is a film that will make you think about your own life and the passage of time. It is a film that will make you appreciate the beauty of the world around you. It is a film that will make you feel alive.
นักวิจารณ์ Peter Rainer ตีพิมพ์ลง New York Times
การจะหารับชมหนังอาจจะยุ่งยากสักนิด แต่ผมเห็นสามารถเช่า-ซื้อ ดูออนไลน์ได้ทาง Amazon Prime หรือใครสนใจ Boxset รวบรวมผลงานทั้งหมด BLU-RAY JONAS MEKAS : DIARIES, NOTES & SKETCHES มีทั้งหมด 8 Volumn คุณภาพ High-Definition ราคา 99,00€ ดูกันให้ตาเปียกตาแฉะ (As I Was Moving Ahead… (2000) รวมอยู่ในสองแผ่นสุดท้าย)
ส่วนตัวชื่นชอบหนังนะ แต่ทำได้แค่ชายตา-ชำเลือง-เหลียวมอง เพราะขี้เกียจดูจนจบ (เพราะความยาวเกือบๆ 5 ชั่วโมงเชียวนะ!) แค่เพียงพอเข้าใจแนวคิด พบเห็นเศษเสี้ยวความงดงาม ก็เหลือเฟือที่จะเขียนบทความนี้แล้วละ! … คือเราไม่จำเป็นต้องนั่งทนดูรวดเดียวจบนะครับ เพราะหนังแบ่งออกเป็น 12 ตอน (ตามความยาว Film Reel) เหนื่อยก็พัก เบื่อก็หยุด ได้แค่ไหนแค่นั้น ตามรสนิยมชื่นชอบส่วนบุคคล
และอาจโดยไม่รู้ตัว As I Was Moving Ahead … (2000) เป็นภาพยนตร์ที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้หลายๆคน ครุ่นคิดอยากทำ ‘diary film’ หรือคำเรียกยุคสมัยนี้ Vlog (Video Blog) แค่มีกล้องโทรศัพท์มือถือ ถ่ายเสร็จอัพโหลดขึ้น Tick Tock ง่ายกว่าจรดปากกาเขียนไดอารี่เสียอีกนะ!
จัดเรตทั่วไป แต่เด็กเล็กคงดูไม่เข้าใจ
Leave a Reply