เจ้าไก่ผู้น่าสงสาร มันถูกฝึกให้ขยับโยกเต้นทุกครั้งเมื่อได้ยินเสียงเพลง ใครพบเห็นย่อมรู้สึกขบขัน ครื้นเครง แปลกประหลาดชะมัด แต่มนุษย์เราก็ไม่แตกต่าง ใครให้เงินมาก็พร้อมทำทุกสิ่งอย่างเพื่อตอบสนองตัณหา ความต้องการ โสเภณีก็เฉกเช่นเดียวกัน
ตอนจบภาพยนตร์เรื่อง Stroszek (1977) ของผู้กำกับ Werner Herzog กลายเป็นฉมวกทิ่มแทงหัวใจผมอย่างรุนแรง ยิ่งกว่าผลงาน Surrealist เรื่องใดๆของ Luis Buñuel, Alejandro Jodorowsky, David Lynch หรือ Roy Andersson เพราะนี่มันคือภาพแทนยุคสมัยทุนนิยม โลกปัจจุบันนี้ที่ใครๆล้วนมีสภาพไม่ต่างจากเจ้าไก่ เมื่อไหร่ได้ยินเสียงเพลงก็จักลุกขึ้นมาโยกเต้น ต่อสู้ดิ้นรน หาหนทางธำรงชีพรอด
แต่เจ้าไก่มันไม่สามารถมาอยู่ในตู้หยอดเหรียญด้วยตนเองหรอกนะ ต้องมีใครบางคนเป็นผู้ฝึกฝน ถ่ายทอดวิชา กระทำประจำจนติดนิสัย (พฤติกรรมการเรียนรู้แบบมีเงื่อนไขของ Ivan Petrovich Pavlov) เอาจริงๆมนุษย์พวกนั้นก็ไม่ได้แตกต่างออกไป ครุ่นคิดประดิษฐ์เครื่องเล่นเหล่านี้ก็เพื่อจักได้เพลิดเพลิน สุขสบาย ปล่อยตัวกายใจไปกับยุคสมัยนิยมเงินทอง แค่มิต้องดิ้นรนอะไรมาก ก็สามารถจับจ่ายใช้สอยสนองพีงพอใจส่วน
และที่สำคัญสุดคือ อุปสงค์-อุปทาน ถ้าไม่มีคนหยอดเหรียญ มันจะมีตู้หยอดสร้างความบันเทิงทำไม เพราะใครๆเมื่อเดินทางผ่านไปยังสถานที่แห่งนี้ มักเต็มไปด้วยความใคร่สงสัย อยากรู้อยากเห็น อดรนทนไม่ได้ ยินยอมจ่ายแค่ไม่กี่เซนท์ มิอาจควบคุมตนเอง ฝืนทนแรงกระตุ้นผลักตันความต้องการจากภายใน
แล้วมันจะมีวิธีการใดให้เราไม่ต้องกลายเป็นเหมือนเจ้าไก่? ถ้าไม่สามารถบรรลุหลุดพ้นจากวัฎฎะสังสาร ไม่ว่าใครย่อมมีสภาพไม่แตกต่างจากเจ้ากุ๊กไก่ ดังนั้นคำตอบจึงมิใช่การกระทำ แต่คือความรู้สึกนึกคิดภายในจิตใจ ทำอย่างไรถึงมีสติ สามารถควบคุมตนเอง ไม่ให้อลเวงไปกับโลกมายา
ตั้งแต่เริ่มกลับมาทำบล็อกรอบปีนี้ ผมครุ่นคิดจะทำ Excutive Content มาสักระยะ แต่ยังสองจิตสองใจเพราะมันขัดต่ออุดมการณ์ความตั้งใจของส่วนตน เชื่อว่าทำไปย่อมไม่สัมฤทธิ์ผลประโยชน์อะไรสักเท่าไหร่ อาจทำให้คนติดตามเสียความรู้สึกข้างใน เปิดฟรีมา 6 ปี แล้วจู่ๆจะมาขอทานเศษเงิน กรูไม่ได้อ่านก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร
บางคนอาจสงสัย ถ้าอยากหารายได้จากการทำเว็บ แปะโฆษณา ทำ Google Ads ก็ได้ไม่ใช่รึ? จริงอยู่วิธีดังกล่าวมันสามารถหาเศษเงินเล็กๆน้อยๆ แต่บอกตามตรงว่าผมโคตรรำคาญโฆษณาเลยว่ะ! นอกจากรกหูรกตา เวลาเข้าไปเว็บไหน(ที่มันมีโฆษณาเยอะ) ก็มักด่าพ่อล่อแม้ง สะท้อนทัศนคติเจ้าของเว็บ ช่างละโมบโลภ เห็นแก่เงิน ขูดเลือดขูดเนื้อ และมันยังเป็นการสร้างกำไรให้นายทุนอย่าง Google เปิดประตูระบายน้ำเพียงน้อยนิด จนสามารถเดินข้ามโขงไปฝั่งประเทศลาว
ถ้าผมจะทำจริงๆคงมีลักษณะคล้าย pateron สมาชิกสามารถติดตามข่าวสาร (ว่ากำลังเขียนอะไร) หรืออ่านบทความล่วงหน้า (ที่ยังไม่ได้เผยแพร่สาธารณะ) คงคลังไว้สัก 1-2 เดือน 10-20 เรื่อง (หรือมากกว่านั้น) … แต่ปัญหามันวกกลับมาประเด็นเดิม บทความของ raremeat.blog มันไม่ได้ต้องเร่งรีบร้อนอ่านทันทีเลยก็ได้ รอคอยสักหนี่งสองสามเดือนก็ไม่เห็นเป็นไร
คือถ้าจะให้ Excutive Content มันรู้สึกคุ่มค่าน่าจ่ายจริงๆ คงต้องทำคลิปวีดิโอ, podcast หรือ Live! พูดคุยสดๆเฉพาะสมาชิก แต่นั่นมันเป็นงานที่วุ่นวาย เสียเวลา แค่เขียนบทความลงเว็บอย่างเดียวก็ใช้รับประทานชีวิตไปเยอะแล้ว และการที่ผมไม่บ้าพลังวันละเรื่องเหมือนกาลก่อน ก็เพื่อถนอมร่างกายไม่ให้หักโหมจนเกินไป จักได้เหลือพลังงานไว้ทำงานอย่างอื่นบ้าง ทั้งยังสามารถครุ่นคิดวิเคราะห์ไห้ละเอียดครอบคลุมยิ่งกว่าเก่า (มาถึงจุดที่ต้องการเน้นคุณภาพงานเขียน มากกว่าปริมาณพันเรื่องในสามปี)
เหตุผลจริงๆที่ผมอยากทำ Excutive Content ไม่ใช่เพื่อหาเงินมาจับจ่ายใช้สอยหรอกนะครับ สักวันมันอาจถึงจุดๆนั้นแต่ยังไม่ใช่วันนี้ จุดประสงค์หลักๆคือต้องการสิ่งที่สามารถเป็น ‘แรงกระตุ้น ผลักดัน’ ให้ทำบล็อคนี้ต่อไปเรื่อยๆ เพราะอีกสักพักเมื่อผมรู้สึกเบื่อๆ อยากเปลี่ยนบรรยากาศไปทำอย่างอื่นบ้าง ก็คงเหมือนปีก่อนๆที่ห่างหายหน้าหายตาไปหลายเดือน ว่างงานแล้วค่อยกลับมาเขียนต่อ (อารมณ์แบบ Yoshihiro Togashi ผู้แต่ง Hunter x Hunter) เงิน คือตัวกระตุ้นชั้นเลิศเชียวละ เมื่อมีใครยินยอมจ่าย ผมก็จะกลายเป็นไก่ในตู้หยอดเหรียญ ไม่สามารถหยุดเต้นเริงระบำได้ … อุปสงค์-อุปทาน
อีกเหตุผลลึกๆที่มโนไว้ในใจ อยากลองสร้างสามัญสำนึกพื้นฐานในการให้ค่าผลงาน สนับสนุนศิลปินที่ชื่นชอบประทับใจ เหมือนถ้าเราตกหลุมรักภาพยนตร์/อนิเมะเรื่องไหน ก็อยากซื้อของที่ระลึก แผ่น DVD/Blu-Ray (ที่จับต้องได้)เก็บสะสมเอาไว้ เป็นกำไรให้ผู้สร้างมีทุนเริ่มต้นผลงานถัดๆไป … คนไทยสามารถมีทัศนคติแบบนั้นต่อ visual artist นักวิจารณ์ภาพยนตร์ ได้หรือไม่?
จะว่าไป NFT (Non-Fungible Token) ก็น่าสนใจเหมือนกัน เอาไว้เมื่อผมถึงจุดอิ่มตัวในการเขียนบล็อคนี้เมื่อไหร่ (จริงๆแอบเขียนบทความสุดท้ายไว้แล้วละ) ก็อาจปล่อยขายทั้งเว็บ หวังว่ามันจะได้ราคาสัก Token ก็ยังดี
สรุปแล้วผมเลยยังหาข้อสรุปให้ตนเองไม่ได้ คงดิ้นรนแบบเจ้าไก่ไปอีกสักพัก หมดสิ้นเรี่ยวแรง กำลังกาย-ใจ เมื่อไหร่เดี๋ยวก็รู้กัน ตักตวงช่วงเวลาทรงคุณค่านี้ไว้ ก่อนกาลเวลาจักหลงเหลือเพียงความทรงจำ ขอบคุณที่ติดตามกันมาเข้าสู่ปีที่ 6 อย่างกระท่อนกระแท่น 1,400+ บทความแล้วนะละ
15-Nov-2021
Leave a Reply