Evil Under the Sun

Evil Under the Sun (1982) British : Guy Hamilton ♥♥♥

ดัดแปลงจากนิยายชุดสายสืบ Hercule Poirot ของ Agatha Christie ครั้งที่ 2 ในการรับบทนี้ของ Peter Ustinov พาไปค้นหาฆาตกรที่รีสอร์ทพักร้อนบนเกาะแห่งหนึ่ง สมทบโดย Maggie Smith, James Mason, Jane Birkin, Roddy McDowall, Diana Rigg ฯ

จากความสำเร็จ (มั้ง) ของ Death on the Nile (1978) สองโปรดิวเซอร์ John Brabourne กับ Richard B. Goodwin พยายามดิ้นรนหาทางสร้างภาคต่อมาสักพักใหญ่ แต่เพราะผู้กำกับ John Guillermin ชิ่งหนีไปหนังเรื่องอื่น ทำให้ต้องมองหาผู้กำกับใหม่ ติดต่อได้ Guy Hamilton (1922 – 2016) สัญชาติอังกฤษ ที่โด่งดังจากการกำกับหนัง James Bond ถึง 4 ภาคประกอบด้วย Goldfinger (1964), Diamonds Are Forever (1971), Live and Let Die (1973) และ The Man with the Golden Gun (1974) ถือเป็นตัวเลือกที่ใช้ได้ทีเดียว

Agatha Christie เขียนนิยายเรื่อง Evil Under the Sun ตีพิมพ์วางขายเดือนมิถุนายน 1941 เรื่องราวของ Hercule Poirot ขณะพักร้อนอาศัยอยู่ที่รีสอร์ทใน Devon (ในหนังเปลี่ยนเป็นประเทศสมมติชื่อ Kingdom of Tyrania บริเวณหมู่เกาะ Adriatic อ้างอิงจาก Albania) พบเจอกับ
– Daphne Castle (รับบทโดย Maggie Smith) เจ้าของรีสอร์ทแห่งนี้ เป็นคนเจ้ากี้เจ้าการจุกจิก ชอบคิดเพ้อจินตนาการ อดีตเคยเป็นนักแสดงแต่ไม่ได้มีชื่อเสียงเทียบเท่า Arlena Stuart
– Arlena Stuart Marshall (รับบทโดย Diana Rigg) อดีตนักแสดงชื่อดัง ประสบความสำเร็จ แต่งงานใหม่กับนักธุรกิจพันล้านกลายเป็นหนูตกถังข้าวสาร แต่กลับไม่สามารถปกปิดความส่ำส่อนมักมากของตนเองได้ เริดเชิดหยิ่งยโสโอหัง กลายเป็นที่อิจฉาหมั่นไส้ของผู้คนมากมาย
– Kenneth Marshall (รับบทโดย Denis Quilley) แต่งงานกับ Arlena Stuart ก็คิดว่าจะได้แม่คนใหม่ของลูก ตั้งใจมอบความรักความสบายให้จวบจนวันตาย แต่กลับได้ส้วมตั้งอยู่หน้าบ้าน เต็มเปี่ยมด้วยความทุกข์ทรมาน
– Linda Marshall (รับบทโดย Emily Hone) ลูกสาววัยรุ่นของ Kenneth มีความรังเกียจแม่ใหม่มาก แถมพ่อก็ไม่ค่อยแสดงความรัก โตขึ้นคงกลายเป็นวัยรุ่นใจแตกแน่
– Sir Horace Blatt (รับบทโดย Colin Blakely) นักธุรกิจพันล้าน เจ้าของเพชรที่ถูกต้มตุ๋นโดย Arlena Stuart มอบของปลอมให้ เดินทางมารีสอร์ทนี้ภายหลัง แต่ในจังหวะที่ทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยทันพอดี
– Rex Brewster (รับบทโดย Roddy McDowall) นักเขียนและนักวิจารณ์ละครเวที มีความแต๋วแตก ชื่นชอบเขียนเรื่องราวสกปรกใต้กางเกง สำหรับบทละครเรื่องใหม่ถูก Arlena Stuart โยนทิ้งใส่หน้าโดยไร้เยื่อใย
– Odell Gardener (รับบทโดย James Mason) กับ Odell Gardener (รับบทโดย Sylvia Miles) สองสามีภรรยา โปรดิวเซอร์โรงละครใน New York City พวกเขามีความต้องการว่าจ้าง Arlena Stuart ให้มารับบทนำกับผลงานเรื่องใหม่ แต่ก็ถูกเธอโยนทิ้งใส่หน้าโดยไร้เยื่อใย
– Patrick Redfern (รับบทโดย Nicholas Clay) กับ Christine Redfern (รับบทโดย Jane Birkin) สองสามีภรรยาหนุ่มสาวที่เหมือนจะมีปัญหาระหองระแหงในชีวิตคู่ เพราะ Patrick ล่อตาล่อใจอยู่กับ Arlena Stuart

มันเป็นความมหัศจรรย์อีกครั้งในนิยายของ Agatha Christie ที่ผู้คนทั้งหลายอาศัยอยู่ในรีสอร์ทตากอากาศแห่งนี้ ต่างมีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยง สัมพันธ์กับอดีตนักแสดงชื่อดัง Arlena Stuart เชื่อว่าหลายคนอ่านมาถึงตรงนี้คงคาดเดาได้ ว่าใครน่าจะเป็นผู้เสียชีวิต ก็เล่นสร้างความยั่วเย้ายวนไปทั่วขนาดนี้ ถูกฆาตกรรมคงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

ถ่ายภาพโดย Christopher Challis จากเคยเป็น Camera Operator เรื่อง The Red Shoes (1948) เลื่อนขึ้นมาเป็นตากล้องร่วมงาน The Archer ยุคหลัง ถ่ายทำ The Tales of Hoffmann (1951), Oh… Rosalinda!! (1955) ฯ

(ไม่รู้เป็นความจงใจอะไรของสองโปรดิวเซอร์หรือเปล่า เพราะ Jack Cardiff ตากล้องยุคแรกของ The Archer เป็นผู้ถ่ายทำ Death on the Nile)

หนังไม่ได้มีการใช้สีที่โดดเด่นเท่าภาคแรก คงเพราะสถานที่ถ่ายทำอยู่บนเกาะติดกับทะเล (ถ่ายทำที่เกาะ Majorca, ประเทศสเปน) ขณะที่ตัวละครจะมีสีผิวคล้ำแดงผิดปกติ นั่นเกิดจากการนอนอาบแดด เล่นน้ำทะเล แต่มันคงร้อนไม่เท่ากับอิยิปต์แน่ๆ

ตัดต่อโดย Richard Marden, กับภาคนี้ถือว่าใช้มุมมองของ Hercule Poirot เป็นหลักตั้งแต่ฉากแรกๆ และมีการใช้ Flashback จำลองสถานการณ์ทั้งหมดที่อาจเกิดขึ้นได้ แทรกใส่ระหว่างการสนทนาของ Poirot กับผู้พักอาศัยทุกคน

เพลงประกอบโดย Cole Porter นักแต่งเพลงสัญชาติอเมริกัน ที่โดดเด่นกับละครเพลง Broadway เสียมากกว่า, บทเพลงให้สัมผัสของการพักผ่อน พรรณาความสวยงามของท้องฟ้า แสงแดดทอประกาย สัมผัสกับผืนน้ำเห็นเป็นพริ้วไหวระยิบระยับ ถึงจะไม่อลังการเทียบเท่า Death on the Nile แต่มีมิติความไพเราะของตัวเอง ที่กลมกลืมเข้ากับบรรยากาศของหนังได้อย่างลงตัว

สิ่งที่ผมชื่นชอบสุดของหนังเรื่องนี้คือบทเพลง ฟังสบายๆ ชิลๆ เพลิดเพลินพักผ่อนคลายกับวันหยุด แทบจะไม่มีกลิ่นอายของความลึกลับ พิศวงปรากฎอยู่เลย ซึ่งเราจะได้ยินคลอไปตลอดแทบทั้งเรื่อง (ไม่ได้มาเป็นช่วงๆ ห้วงๆแบบ Death on the Nile)

บทเพลง Dephne’s Island พรรณาความสนุกสนานครึกครื้น อันเกิดจากการท่องเที่ยวผจญภัยไปในเกาะที่พักรีสอร์ทแห่งนี้

ขณะที่ห้องอาหาร Restaurant Interior มีความโรแมนติกหวานแหวน ด้วยเปียโนและไวโอลินบรรเลงยามค่ำคืน ปาร์ตี้ Cocktail ให้สัมผัสที่เคลิบเคลิ้ม เหมาะกับการเปิดในร้านอาหาร Dinner บรรยากาศผ่อนคลาย กินลมชมวิว

Evil Under the Sun คือภาพยนตร์ที่นำเสนอความบันเทิงของการสืบสวนสอบสวน ค้นหาผู้กระทำความผิด ใครกันที่เป็นฆาตกร ชักชวนให้ผู้ชมครุ่นคิดติดตาม หาคำตอบร่วมด้วยช่วยกัน, แต่กับหนังเรื่องนี้โดยส่วนตัวรู้สึกว่า คำตอบของ Hercule Poirot เป็นอีกครั้งที่ไม่ได้มาจากหลักฐาน แต่เป็นสมมติฐาน ถึงขนาดแน่นิ่งเงียบไปสักพักเพื่อรอคอยข้อพิสูจน์ถัดมา นี่ไม่ใช่สิ่งที่ผู้ชมจะสามารถครุ่นคิดออกได้เองแม้แต่น้อย เพราะหลักฐานไม่เพียงพอต่อการให้เกิดคำตอบ บางคนอาจจะเดาได้ถูกครึ่งเดียว แต่จะให้ 100% เป็นไปได้ยากมากเพราะมีสิ่งชวนให้สับสนมากมาย

รับชมจนจบทำให้ผมครุ่นคิดได้ว่า ชื่อนิยาย/ชื่อหนังเรื่องนี้ เป็นการแอบสปอยตอนจบอยู่เล็กๆ สิ่งชั่วร้ายภายใต้แสงอาทิตย์ มันทำให้คนหน้ามืดตามัวเสียสติ กระทำในสิ่งผิดขัดต่อศีลธรรม ซึ่งเป้าหมายของฆาตกรเรื่องนี้ คือความโลภละโมบ ไม่รู้จักเพียงพอดี ฆ่าเพื่อเพชร เงินทอง มรดก จับจ่ายซื้อความสะดวกสบายในชีวิต แต่กลับหลงลืมไปว่าถ้าสักวันถูกจับได้ ทุกสิ่งที่เก็บสร้างสะสมมา ก็จะสูญเสียเปล่าโดยสิ้นเชิง

หนังไม่มีรายงานทุนสร้าง ในอเมริกาทำเงินได้ $6.1 ล้านเหรียญ ลดลงจากภาคแรกครึ่งต่อครึ่ง นี่กระมังคือเหตุผลให้ภาค 3-5 ของ Ustinov จึงเหลือเพียงโปรดักชั่นภาพยนตร์โทรทัศน์ ก่อนล้มเหลวสุดขีดกับฉายโรงหนังภาคสุดท้าย ปิดฉากตำนาน Hercule Poirot แห่งทศวรรษ 80s โดยปริยาย

ส่วนตัวรู้สึกแค่ชอบหนังเรื่องนี้ ประทับใจมากๆในส่วนของเพลงประกอบ ขณะที่เนื้อเรื่องราวมันค่อนข้างซ้ำซากจำเจ น่าเบื่อไปเสียหน่อย แถมตอนเฉลยฆาตกร ผมว่ามันซับซ้อนเกินไป คนส่วนใหญ่ที่อ้างว่าทายถูก คงเกิดจากการคาดเดา มากกว่าเข้าใจด้วยเหตุผลเป็นแน่

แต่ผมก็เดาถูกนะ แค่ครึ่งเดียว มานึกย้อนไปถึง Death on the Nile เห้ย! มันมาตอนจบมาอีหรอบเดิมเลยนะเนี่ย แบบนี้ก็อาจเป็นไปได้ที่จะมีใครคาดเดาถูกทั้งขึ้นทั้งล่อง

แนะนำกับคอหนังสายสืบ ค้นหาฆาตกร, แนว Mystery ลึกลับซับซ้อน, ชื่นชอบตัวละคร Hercule Poirot จากนิยายของ Agatha Christie, หลงใหลในท้องทะเล พักผ่อนคลายร้อน กอปรบทเพลงเพราะๆฟังสบาย, แฟนๆของ Peter Ustinov, Maggie Smith, James Mason, Diana Rigg ฯ ไม่ควรพลาด

จัดเรต pg ไม่ค่อยมีพิษเพศภัยกับเด็กๆนัก ผู้ใหญ่ควรให้คำแนะนำเรื่องการฆาตกรรม

TAGLINE | “Evil Under the Sun ไม่ได้ตราตรึงเท่าภาคก่อน แต่ก็พอมีดีในตัวเอง ธรรมชาติสวยงาม เพลงประกอบเพราะๆ”
QUALITY | THUMB UP
MY SCORE | LIKE

Leave a Reply

avatar

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.

  Subscribe  
Notify of
%d bloggers like this: