In the Realm of the Senses (1976) : Nagisa Oshima ♥♥♥♥
ผมไม่ได้พูดเล่นนะครับกับการบอกว่า นี่เป็นหนังที่ “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย” หนังเรต X สุด Cult เรื่องนี้ ถ้าคุณดูเพื่อสนองกามารมณ์ มันก็เหมือนหนังโป๊ทั่วๆไป แต่ถ้ามองเข้าไปให้เห็นสาระของมัน ต้องบอกว่าล้ำลึกสวยงามมากๆ แฝงข้อคิดต่อคนที่หลงใหล คลั่งไคล้ ยึดติด จนเลยเถิดเกินสามัญมนุษย์ ไม่แน่ถ้าคุณดูหนังเรื่องนี้แบบตั้งใจสุดๆ ตอนจบอาจไม่เกิดความอยากในกามารมณ์อีกต่อไปเลยก็ได้
ความอยากรู้อยากลอง เป็นเหตุให้ผมหาหนังเรื่องนี้มาดูเมื่อหลายปีก่อน แต่ก็ไม่ได้ดูแบบจริงๆจังๆ กระโดดข้ามไปหาฉากสำคัญๆ ที่พอจะใช้ระบายความใคร่ของวัยรุ่นหนุ่มคนหนึ่งได้เท่านั้น กระนั้นพอดูไปเรื่อยๆถึงฉากตอนจบก็อารมณ์หด รีบปิดหนัง ลบทิ้งแทบทันที … โอ้ มาย ก๊อด นี่มันไม่ใช่หนังโป๊ธรรมดาแน่ๆ ต้องคนประเภท S & M เท่านั้นถึงจะสามารถดูหนังเรื่องนี้ได้ ไม่คิดจะดูมันอีกเลยนับจากนั้น, น่าจะสักปี 2013 ที่ผู้กำกับ Nagisa Oshima เสียชีวิต แล้วหนังเรื่องนี้ได้รับการพูดถึงอีกครั้งในข่าวหลายสำนัก เห้ย! หนังโป๊เรื่องนี้เนี่ยนะ ได้รับการยกย่องชื่นชมว่าเป็นหนึ่งในหนัง Cult ที่ยอดเยี่ยมที่สุด มันจะเป็นไปได้ยังไง!
ผมเริ่มคิดที่จะหาหนังเรื่องนี้มารับชม เมื่อตอนดู Un Chien Andalou (1929) และ L’Age d’Or (1930) ของ Luis Buñuel ที่อยู่ดีๆ ก็นึกถึง In the Realm of the Senses ขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย, คงเพราะหนังของ Buñuel ทำให้ผมระลึกถึงความ S & M ที่ไร้ขอบเขต มันเกิน Senses ที่สามัญสำนึกมนุษย์ทั่วไปจะรับรู้ ทำความเข้าใจ และยอมรับได้ เช่นกันกับ In the Realm of the Senses นี่น่าจะถึงเวลาพิสูจน์ตัวเอง ว่าผมสามารถไปถึงจุดๆนั้นได้หรือเปล่า ก้าวข้ามผ่านกามารณ์ สู่โลกแห่งศิลปะไร้ขอบเขต
ผลลัพท์ก็อย่างที่จ่าหัวไปตอนต้นนะครับ ผมพบว่านี่เป็นหนังที่ทรงคุณค่ามากๆ ไม่ใช่แค่ในแง่ศิลปะ แต่ยังข้อคิด บทเรียนชีวิต เป็นหนังที่สอนทั้งชายหญิง วัยรุ่นหนุ่มสาว ถึงความรัก ความต้องการ ความหลงใหล ความยึดติด และความหึงหวง ในระดับที่ก้าวผ่านขอบเขตความรู้สึกของมนุษย์ทั่วไป, นิยามของ ศิลปะ มันไม่มีขอบเขตใดๆ แม้แต่ในเรื่องของ Sex, Passion คุณรู้อยู่แล้วว่านี่คือหนังที่สร้างขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการทางเพศ แต่ขณะเดียวกัน มันก็มีอีกโลกหนึ่งที่ซ่อนอยู่ นั่นคือความสวยงามที่แท้จริงของหนังเรื่องนี้
Nagisa Oshima (1932-2013) ผู้กำกับและนักเขียนบทชาวญี่ปุ่น เป็นคนแรกของญี่ปุ่นและเอเชียที่ได้รางวัล Best Director จากเทศกาลหนังเมือง Cannes กับหนังเรื่อง Empire of Passion (1978) ที่ถือเป็นหนังภาคต่อของ In the Realm of Senses, Oshima เป็นพวกขวาจัด ต่อต้านรัฐบาล สไตล์หนังของเขาจึงชอบตั้งคำถามเกี่ยวกับข้อจำกัดทางสังคม และโครงสร้างของระบอบการเมือง หนังดังๆของเขาเรื่องอื่นๆ อาทิ Death by Hanging (1969), The Ceremony (1972), Merry Christmas, Mr. Lawrence (1984), Taboo (2000) ฯ
หนังได้แรงบันดาลใจมาจากเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นเป็นข่าวดังในญี่ปุ่น เมื่อปี 1936, Sada Abe และ Kichizō Ishida ทั้งสองมีตัวตนจริงนะครับ เรื่องของทั้งสองถือเป็นประเด็นอ่อนไหวในญี่ปุ่น ที่ต่อมาได้กลายเป็นทั้งเรื่องเล่า ภาพวาด บทกวี นิยาย และภาพยนตร์ เกิดขึ้นมากมายเต็มไปหมด
ก่อนหน้าหนังเรื่องนี้ เคยมีการสร้างหนังเกี่ยวกับชีวประวัติ Sada Abe มา 2 ครั้ง
– History of Bizarre Crimes by Women in the Meiji, Taisho and Showa Eras (1969) เป็นหนังสารคดีกำกับโดย Teruo Ishii มีตอนหนึ่งที่เป็นเรื่องของ Sada Abe และเธอปรากฎตัวเป็นผู้ถูกสัมภาษณ์ในหนังด้วย (Sada Abe เสียชีวิตปี 1971)
– A Woman Called Sada Abe (1975) กำกับโดย Noboru Tanaka ** นี่เป็นเวอร์ชั่นที่ได้รับการเปรียบเทียบกับ In the Realm of the Senses มากที่สุด เพราะออกฉายปีใกล้ๆกัน ถูกแบนเหมือนกัน แต่มีฉากโป๊เปลือยและความโจ๋งครึ่มน้อยกว่ามาก
หลังจากนี้ก็ยังมีอีกหลายครั้งเลยนะครับ (ส่วนใหญ่จะเป็นหนังโป๊)
– Sexy Doll: Abe Sada Sansei (1983)
– Sada (1998) กำกับโดย Nobuhiko Obayashi นำแสดงโดย Hitomi Kuroki.
– Heiseiban: Abe Sada: Anta ga Hoshii (1999) กำกับโดย Sachi Hamano
– Pure (2009) นำแสดงโดย Asa Akira
– Abe Sada Saigo no Nanokakan (2011) กำกับโดย Kyōko Aizome
นำแสดงโดย Eiko Matsuda รับบท Sada Abe หญิงสาวที่หลงใหลคลั่งไคล้ หึงหวงในความรักและจมปลักอยู่กับความต้องการ Sex อย่างโงหัวไม่ขึ้น ไม่คิดจะทำกินอะไรนอกจากเติมเต็มความสุขของตนเอง, ผมค่อนข้างเชื่อว่า Sada เป็น Nymphomania ประเภท Sadist ชอบเห็นคนอื่นเจ็บปวดแล้วจะมีอารมณ์มาก แต่ไม่มีหลักฐานอะไรจดบันทึกไว้นะครับ อาจเป็นแค่ความหึงหวงที่มีความรุนแรงแฝงความริษยาก็ได้
Kichizō Ishida รับบทโดย Tatsuya Fuji ที่ได้ร่วมงานกับผู้กำกับ Oshima อีกครั้งในหนัง Empire of Passion (1978), ตัวละคร Ishida เป็นคนที่ปฏิเสธใครไม่เป็น ในทุกสิ่งอย่าง นี่ทำให้ Sada ฉวยโอกาสในความอ่อนโยนของเขาทุกๆเรื่อง, เชื่อว่า Ishida ก็เป็น Nymphomania เช่นกัน ประเภท Masochist ยิ่งเจ็บปวดยิ่งมีอารมณ์มาก
ทั้ง Matsuda และ Fuji ในหนังเรื่อง ทุ่มเททั้งกายและใจ ในสิ่งที่พวกเขาเชื่อว่าคือ ศิลปะ, ในหนังเราอาจจะรู้สึกว่า อะไรกัน เดี๋ยวก็เอากันอีกแล้ว นับครั้งไม่ถ้วน แต่ถ้าคุณสังเกตสักหน่อย มันจะมีฉากขณะร่วมเพศ Intercourse แบบที่เห็นอวัยวะทั้งคู่ร่วมกันไม่กี่ฉากเท่านั้น คือต้องแบบไคลน์แม็กซ์ด้วยอารมณ์ และสถานการณ์จริงๆ เราถึงจะเห็นจังๆแบบนั้น หลายฉากดูก็รู้ว่ามันสามารถถูไถภายนอก เล่นมุมกล้องเอาได้
ว่าไป ผมว่าไอ้จ้อนของ Fuji ก็ถือเป็นอีกตัวละครหนึ่งของหนัง ไม่ใช่แค่ MacGuffin ให้พูดถึง แต่มีการจับ สัมผัส ลูบไล้ เลียดม เห็นกี่ทีก็ตั้งขึ้นชูชันพร้อมรบตลอดเวลา เป็นที่ต้องการครอบครองของ Sada อย่างมาก, ผิดกับน้องหนูของ Sada ที่มีให้เห็นไม่บ่อยนัก แบบจังๆก็ตอนกินไข่ ใครเคยไปดูโชว์แถวพัทยา อาจเคยเห็นการแสดงเป่าลูกโป่ง ยิงเป้า กินกล้วย ใครเคยเห็นกับตา รับรองไม่มีวันลืมเลือน (ผมกับเพื่อนเคยหลงเข้าไปครั้งหนึ่ง กลับออกมาไม่มีใครพูดถึงมันอีกเลย เพราะต่างก็รู้สึกว่า ‘ต้องทำกับขนาดนี้เลยเหรอ เพื่อ…เงินไม่กี่บาทเนี่ยนะ!’)
ถ่ายภาพโดย Hideo Ito คุณคิดว่าการถ่าย Sex Scene แบบไหนสวยงามและเป็นศิลปะที่สุด, ช็อตที่ผมเลือกมานี้แหละครับ ผู้หญิงขึ้นด้านบน (Woman on the top/Cowgirl) ถ่ายตรงไปตรงมาจากด้านหน้า, WOT เป็นท่าที่ผู้หญิงสามารถควบคุมจังหวะ ความต้องการ ความรู้สึกของตนเองได้ ในหนังจะมีหลายครั้งทีเดียวที่ Sada ขึ้นด้านบนแบบนี้ นี่แสดงถึงการที่ผู้หญิงมีอำนาจเหนือผู้ชาย
กับคนที่ไม่เชื่อว่า หนังเรื่องนี้มันศิลปะยังไง ลองดูช็อตต่อไปนี้นะครับ, ฉากนี้กำลังแต่งตัว จะเห็นด้านหน้าของพระเอกสะท้อนผ่านกระจก มีช็อตลักษณะนี้หลายครั้งทีเดียว แสดงถึงจิตใจของเขาที่เรามองเห็นอยู่ไม่ใช่กายอย่างเดียว
ฉาก Harem ที่ดูก็รู้ว่าไม่ได้มีอะไรเท่าไหร่ แต่การจัดวางองค์ประกอบสวยมากๆ ทั้งแสงและสี กล้องจะค่อยๆเคลื่อนถอยออกช้าๆ เริ่มจากชายชุดสีดำที่ร้องเต้น จากนั้นก็จะเห็นสาวๆ Harem พระเอก (Sada ซ่อนตัวกกอยู่ระหว่างขาพระเอก)
ฉากส่วนใหญ่ของหนังถ่ายภายใน ที่มีการจัดแสงสี พื้นผนัง ชุดกิโมโน ได้อย่างสวยสดงดงาม, สีแดงจะเด่นที่สุดในหนัง (Sada มักจะใส่กิโมโนสีแดง) แสดงถึง passion ความต้องการและเลือด
ตัดต่อโดย Keiichi Uraoka, มีครั้งหนึ่งในหนัง ที่แวบภาพในจินตนาการของ Sada ถึงสิ่งที่เธออยากทำ นั่นเป็นอะไรที่ผมคาดไม่ถึงทีเดียว เป็นครั้งเดียวเท่านั้น ลองไปส่องดูเองนะครับว่าฉากไหน, สำหรับฉาก Sex Scene แต่ละครั้งมีการตัดต่อที่น่าสนเท่ห์ไม่น้อย ระดับของอารมณ์ความรู้สึกเทียบกับความใกล้ไกลของกล้อง กล่าวคือ เริ่มต้นทั้งสองจะมี Sex ภาพถ่ายให้เห็น Full-Shot ตัวละครทั้งสองแบบเต็มๆ จากนั้นเมื่อเริ่ม Intercourse ก็จะถ่าย Mid Shot เข้าใกล้ขึ้น และขณะไคลน์แม็กซ์ก็ Close-Up ให้เห็นสีหน้า ใบหน้า อารมณ์
เพลงประกอบโดย Minoru Miki ใครชอบฟังเกอิชาขับร้องเล่นซามิเซ็น (Shamisen) มีเพราะๆหลายเพลงเลยนะครับ ใช้ประกอบฉาก แทนบรรยากาศหนังมากกว่าสร้างอารมณ์ความรู้สึก, ฉาก Sex Scene ไม่มีเพลงประกอบนะครับ มีแต่เสียงร้องครวญคราง
หนังเรื่องนี้ไม่ได้สอนการมี Sex นะครับ คือมันไม่ใช่ กามาสูตรที่แนะนำท่วงท่าทาง ลีลา หรืออะไรแบบนั้น ถึงเราจะเห็นท่าร่วมรักหลากหลายก็จริงอยู่ แต่ก็ไม่ได้แปลกพิศดารอะไรมาก ศึกษาไว้ก็ได้ Missionary, Doggy, WOT, Face Off, Spoon, Blowjob ฯลฯ
เชื่อว่าถ้าตอนวัยรุ่นผมดูหนังเรื่องนี้จนจบได้ อาจมีความรู้สึกนี่คล้ายเป็นหนังแฟนตาซี มันมีด้วยเหรอ ผู้หญิงที่มีความต้องการมากขนาดนี้… หลังจากได้ประสบพบเจออะไรมามาก คำตอบก็คือมีครับ ผู้หญิงแบบ Sada ในปริมาณหนึ่งเลยละ ผมมีเพื่อนใกล้ตัวที่รู้จัก เรียนไม่จบเพราะติดหญิงอยู่ 2-3 คน ไม่ยอมมาเรียนเป็นเทอม หมกตัวอยู่แต่ในห้อง โทรศัพท์ไม่รับ ทำอะไรกันคงไม่ต้องอธิบาย ตอนไปทริปกับเพื่อนมันก็พาแฟนตามไปด้วย แต่ไม่เคยเห็นห่างกันเกินคืบ (เว้นแต่ตอนไปเข้าห้องน้ำ) สุดท้ายก็เลิกกัน ไม่รู้ทำไม, บางสิ่งอย่าง ให้มันเป็นแฟนตาซีในจินตนาการเราก็พอแล้ว ถ้าได้ประสบพบเจอกับตัวเอง คงไม่น่าอภิรมย์แม้แต่น้อย
ดูหนังเรื่องนี้ทำให้ผมตระหนักบางสิ่งขึ้นมาได้ ใช่ว่าทุกความต้องการจะน่าอภิรมย์ แต่นี่อาจเพราะรสนิยมส่วนตัวของผมด้วย เช่น Sex กับหญิงสูงวัย, ชายแก่ข้างทาง, หรือใช้ความรุนแรง บีบคอ รัดเชือก เอามีดขู่ ฯ ผมไม่มีอคติอะไรกับคนที่มีรสนิยมพวกนี้นะครับ คือถ้ามันเป็นเรื่องส่วนตัวของพวกคุณ ผมก็มีสิทธิ์อะไรไปก้าวก่ายอยู่แล้ว แต่อย่าให้มันเกินเลยแบบในหนังเป็นพอ, นี่ฟังดูอาจตลก แต่ไม่ขำนะครับ คู่พระนางไม่มีเงินจ่ายค่าอาหาร ฝ่ายหญิงต่อรองเจ้าของร้านให้มี Sex กับเธอแลกค่าอาหาร … ถ้าเจ้าของร้านยังหนุ่มแน่นคงไม่แน่ แต่ในหนังเขาไม่เอา คือปู่แกแก่เกินแกงแล้ว แบบนี่ไม่มากเกินไปหน่อยหรือ?
ถึงหนังจะถ่ายทำในญี่ปุ่น แต่ Post-Production ต้องไปทำกันที่ฝรั่งเศส เพราะความเข้มงวดของกองเซนเซอร์ในญี่ปุ่นสมัยนั้น (ญี่ปุ่นตอนนั้น ธุรกิจหนังโป๊ยังไม่เริ่มขึ้นเลยนะครับ นี่ถือเป็นหนังโป๊เรื่องแรกๆของญี่ปุ่นเลย) ซึ่งภายหลังกองเซนเซอร์ได้ยื่นคำร้องต่อศาล ฟ้อง Oshima ในข้อหาเป็นผู้สร้างสรรค์สื่อลามกอนาจาร ยื้อเรื่องกันถึง 4 ปี ไม่รู้ผลลัพท์เป็นยังไง, หนังฉายรอบปฐมทัศน์ที่เทศกาลหนังเมือง Cannes ได้รับความสนใจสูงมาก ถึงขนาดต้องเพิ่มรอบฉายถึง 13 รอบ และได้ฉายในญี่ปุ่น 16 ตุลาคม 1976 แต่มีหลายฉากที่โดนเซนเซอร์ด้วยหมอกศีลธรรม (ปัจจุบันเวอร์ชั่นที่มีขายในญี่ปุ่นก็ยังเซนเซอร์อยู่นะครับ ทั้งๆที่ประเทศเปิดกว้างเรื่อง Sex ขนาดนั้นแล้ว)
ผมจัดหนังเรื่องนี้ “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย” ในใจความของหนังที่สอนทั้งชายหญิง ถึงความหมกมุ่นหลงใหลในกามารมณ์ที่ควรมีความ ‘พอเพียง’ สนุกได้เต็มที่ ถ้าไม่สร้างความลำบากเดือดร้อนให้กับตนเองหรือคนอื่น จนไม่สามารถทำอะไรอย่างอื่นได้, ถ้าคุณปล่อยชีวิตให้เริงรมย์กับกามารมณ์อย่างถึงที่สุดแบบในหนัง ผลลัพท์ก็คงไม่ต่างกัน อย่างที่พระเอกเคยพูดไว้ว่า ‘ฉันไม่สามารถมี Sex กับฉี่ได้พร้อมกัน’ นี่หมายความว่า ‘มนุษย์ไม่สามารถหมกมุ่นอยู่กับ Sex อย่างเดียวแบบไม่ต้องทำอะไรอย่างอื่นได้’
ถึงหนังจะไม่ได้ต้องใช้ความเข้าใจอะไรก็สามารถดูให้จบได้ แต่คนส่วนใหญ่มักจะดูหนังเรื่องนี้ไม่จบ, ลองปลดปล่อยตัวเองในวิธีการอื่น แล้วสักครั้งหนึ่งในชีวิต รับชมหนังเรื่องนี้แบบว่า สนใจกับเนื้อเรื่อง ชื่นชมความสวยงามของงานภาพ ดื่มด่ำกับดนตรี ปลดปล่อยอารมณ์ มองการมี Sex เหมือนฉากการต่อสู้ในหนัง Action, เมื่อถึงจุดๆหนึ่ง ผมเชื่อว่าคุณจะสามารถสัมผัสถึงความงดงามอันเลอค่า และบทเรียนที่เป็นประโยชน์ของหนังได้
แนะนำกับคอหนัง Cult ที่สามารถแยกแยะศิลปะ กับกามารมณ์ออกจากได้, และจิตแพทย์และนักจิตวิทยา ดูเพื่อศึกษา ทำความเข้าใจสภาวะทางจิตของผู้ป่วย Nymphomania
จัดเรต NC-17 ผมไม่อยากสร้างเรต X เพิ่มนะครับ ก็เลยเลือกเรตนี้ มันมากกว่าเรต R เพราะเห็นอวัยวะเพศและการร่วมเพศ
Leave a Reply