Shirobako (2014-2015)
Anime Series : Tsutomu Mizushima ♥♥♥♥
บางทีอนิเมะที่ดูธรรมดาๆ ไม่น่าจะมีอะไร กลับสามารถสร้างเรื่องราวที่สะท้อนชีวิต ก้าวเดินตามความฝัน ออกมาได้อย่างสวยสดงดงาม, ถ้าคุณเป็นคออนิเมะ อยากรู้ว่าที่ญี่ปุ่นงานสร้างเป็นยังไง ยุ่งยาก วุ่นวายแค่ไหน ต้องดูอนิเมะซีรีย์เรื่องนี้
ตอนที่อนิเมะเรื่องนี้ฉาย บอกตามตรงผมก็ไม่ได้รู้สึกสนใจอยากติดตามสักเท่าไหร่ หน้าหนังก็ดูไม่น่าสนใจ (ผมไม่ใช่พวกคลั่งไคล้งานของ P.A.Works มากขนาดต้องติดตามทุกเรื่อง) แต่เพราะกระแสที่ถือว่าแรงใช้ได้ใน pantip และช่วงปลายปี อนิเมะได้รางวัลอะไรสักอย่างเป็นข่าวดัง ทำให้ผมตัดสินลองหามาดู ก็พบว่า สร้างความประหลาดใจให้ผมอย่างมาก นี่เป็นอนิเมะที่ดีเกินคาด แม้คุณภาพของงานจะอยู่ในระดับกลางๆทั่วๆไป แต่เรื่องราวและพื้นหลังของอนิเมะ เป็นอะไรที่ ถ้าคุณเป็นคนรักอนิเมชั่น พลาดดูซีรีย์เรื่องนี้ ก็เสียชาติเกิดแล้ว
P.A.Works ถือว่าเป็นสตูดิโอน้องใหม่ ก่อตั้งโดย Kenji Horikawa ที่เคยทำงานกับ Tatsunoko Production, Production I.G. และ Bee Train ก่อนมาเปิดสตูดิโอของตนเองเมื่อปี 2000 สำนักงานหลักตั้งอยู่ที่ Toyama แต่ทีมงานโปรดักชั่นและผู้กำกับมี Office อยู่ที่ Tokyo, อนิเมะเรื่องแรกของสตูดิโอคือ True Tears ออกฉายมกราคมปี 2008 นับจากนั้นทุกๆปีจะมีอนิเมะของค่ายนี้ออกมาสม่ำเสมอปีละ 1-2 เรื่อง, งานของค่ายนี้ต้องบอกว่า การันตีคุณภาพระดับหนึ่ง มีจุดเด่นที่เรื่องราวมีแนวคิดสร้างสรรค์ ไม่ซ้ำรูปแบบกับค่ายไหน บางเรื่องภาพสวย บางเรื่องเพลงเพราะ ผลงานเด่นๆดังๆ อาทิ Canaan (2009), Angel Beats! (2010), Hanasaku Iroha (2011), Another (2012) ฯ, ดูจากเครดิตอนิเมะของ P.A.Works ถึงจะบอกว่าตัวเองไม่ใช่แฟนของค่ายนี้ แต่โดยไม่รู้ตัวเคยดูมาเกือบหมดทุกเรื่องแล้ว และส่วนใหญ่จะดูจบ (กับอนิเมะซีรีย์ ถ้าดูไปสักกลางๆเรื่องไม่ค่อยถูกจริตผมก็ Drop นะครับ ไม่ฝืนตัวเองทนดูให้จบ) คงเพราะยังมีอนิเมะจากค่ายนี้ไม่เยอะมากด้วย จึงทำให้ถูกจับตามองเป็นพิเศษของคออนิเมะทุกๆปีเลย
สำหรับ Shirobako กำกับโดย Tsutomu Mizushima ที่มีผลงานอย่าง xxxHOLiC, Yondemasuyo Azazel-san, Another ดูจากเครดิตก็มีผลงานค่อนข้างดี สไตล์ก็หลากหลาย ดูแล้วจะเน้นแนวมืดหม่น (dark) เสียมาก, สำหรับ Shirobako ก็ถือว่ามีมุมมืดหม่นเหมือนกันนะครับ เล่นกับจิตใจของมนุษย์ที่มีหลากหลาย แต่นางเอกของเรื่องนี้สดใสมาก (เกินไปด้วยมั้ง) เลยกลบความมืดหม่นเสียหมด, ส่วนตัวคิดว่า Shirobako น่าจะเป็นผลงานที่เด่นที่สุดของผู้กำกับคนนี้ต่อไปในภายภาคหน้าแน่ๆ
นี่ถือเป็น Anime Original นะครับ ไม่ได้ดัดแปลงจากอะไร เขียนบทโดย Michiko Yokote ซึ่งก่อนหน้าอนิเมะฉาย 2 สัปดาห์ ก็มีการออกมังงะรายสัปดาห์ ร่วมโปรโมทอนิเมะ (มังงะเขียน 1 ปี รวมเล่มได้ 2 เล่ม), Yokote ถือเป็นนักเขียนบทอนิเมะ ยอดฝีมือคนหนึ่งของญี่ปุ่นนะครับ เคยเป็นหนึ่งในทีมงานดัดแปลงบทอนิเมะ Air Master, Princess Tutu, xxxHolic ฯ
กับคนที่ดูอนิเมะเรื่องนี้แล้ว แทบไม่ต้องคิดอะไรมาก ย่อมรู้ว่าเรื่องราวมีเค้าโครงส่วนใหญ่มาจากเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในสตูดิโอ P.A.Works แน่ๆ แต่เห็นว่าไม่ใช่มาจากแค่สตูดิโอนี้นะครับ เพราะเจ้าของสตูดิโอถือเป็น partner กับ Tatsunoko Production และ Production I.G. รวมๆแล้วก็ทั้งวงการอนิเมะ สตูดิโอขนาดใหญ่ๆมีไม่กี่แห่งหรอก พนักงานที่มีฝีมือ ส่วนใหญ่ก็กระโดดข้ามไปมาอยู่บ่อย (ก็แบบเรื่องราวในอนิเมะนะแหละ) ดูแล้วรู้สึกเหมือนได้ไปเป็นคนทำงานในวงการนี้จริงๆ
ทีมนักพากย์ มีเยอะม๊ากก ผมว่าอาจจะเกิน 100 คนด้วยซ้ำ ส่วนใหญ่จะมารับเชิญเล็กๆ บทพูดไม่เยอะมาก นักพากย์ประจำอาจมีสัก 20-30 คน ส่วนตัวละครหลักประมาณ 10 คน (ที่น่าจะได้พากย์ทุกตอน) ส่วนใหญ่จะเป็นนักพากย์ที่ไม่ได้โด่งดังนัก เคยได้พากย์เป็นตัวประกอบ น้ำเสียงใช้ได้เข้ากับตัวละคร จึงได้รับโอกาสให้แจ้งเกิดจากอนิเมะเรื่องนี้ ผมขอยกมาแค่กลุ่มนางเอกพอนะครับ
Juri Kimura พากย์เสียง Aoi Miyamori หญิงสาวที่ได้ทำงานใน Musashino Animation ตำแหน่ง Production Manager (ผู้จัดการฝ่ายผลิต) หน้าที่ของฝ่ายนี้ คือวางแผนงาน นัดหมาย ประสานงาน รวบรวม-รับส่งงานจากฝ่ายหนึ่งไปอีกฝ่ายหนึ่ง คนที่จะทำงานสายนี้ได้ต้องมีอัธยาศัยดี เป็นมิตรกับเพื่อนร่วมงานทุกคนทุกแผนก มีหัวคิดการวางแผนการจัดการที่ดี ไม่ย่อท้อและสิ้นหวังง่ายๆ แต่สิ่งที่ไม่มีในคำอธิบายงาน คือ ต้องศึกษาเข้าใจจุดแข็งจุดอ่อน(จิตวิทยา)ของผู้ร่วมงานแต่ละคน ทั้งในด้านการทำงาน สไตล์ มิตรศัตรู ฯ ว่ากันตามตรง งานนี้อาจไม่เกี่ยวข้องอะไรกับศิลปะ หรือการสร้างสรรค์ผลงานเลย แต่คือคนที่วางแผนจัดการให้อนิเมะเกิดขึ้นสำเร็จได้
Haruka Yoshimura พากย์เสียง Ema Yasuhara เธอทำงานเป็น Key Animator ที่ Musashino Animation งานของเธอคือวาดท่าทางการเคลื่อนไหวตัวละครโดยอิงจาก Character Design เพื่อเป็นจุดอ้างอิงให้กับคนทำ Animator สามารถวาดภาพประกอบการเคลื่อนไหว, Key Animator จะวาดเฉพาะเฟรมเริ่มต้น สิ้นสุด และจุดเปลี่ยนของการเคลื่อนไหวเท่านั้น ไม่ได้วาดทุกเฟรม (หน้าที่วาดเฟรมที่เหลือเป็นของ Animator) นี่ถือเป็นอาชีพที่หนัก ต้องใช้ความสามารถในการวาดรูปสูง และความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบท่าทางการเคลื่อนไหว
ในกลุ่มของคนทำภาพเคลื่อนไหว (Animator) ประกอบด้วย 3 งานที่ผมเห็นจากในอนิเมะนะครับ
– Character Design ออกแบบตัวละคร สร้างจุดสังเกตให้กับตัวละคร ในทุกๆมุมมอง เพื่อเป็นหลักอ้างอิงสำหรับทีมงานส่วนอื่นๆ (ใช้ความคิดสร้างสรรค์เยอะที่สุด)
– Key Animator ออกแบบท่าทางการเคลื่อนไหวของตัวละคร โดยวาดอ้างอิงจากคนทำ Character Design (ใช้ทักษะการวาดรูปเยอะที่สุด)
– Animator คนทำภาพเคลื่อนไหว โดยอ้างอิงจาก Key Animation (งานนี้เน้นปริมาณ ไม่เน้นคุณภาพ)
Haruka Chisuga พากย์เสียง Shizuka Sakaki เธอเป็นนักพากย์ (Seiyuu) ในสังกัต Akaoni Production นี่เป็นอาชีพที่ไม่มีความแน่นอนที่สุดของวงการนี้ แต่ใครๆก็ฝันอยากเป็นมากที่สุด กับอาชีพนักพากย์ คนที่เป็นมืออาชีพ เก่งๆ ดังๆ งานคงล้นมือ แต่กับเด็กหน้าใหม่ การจะได้พากย์อะไรสักเรื่องย่อมไม่ง่าย เริ่มต้นจากให้เสียงตัวประกอบร่วมกับคนอื่นๆ ถ้ามีความสามารถก็อาจได้พากย์ตัวประกอบเดี่ยวๆ ถ้าเสียงดีจริง โชคดี วาสนาถึงก็จะมีโอกาสได้พากย์ตัวเอก, Sakaki ทำงาน part-time เป็นเด็กเสริฟควบคู่ไปด้วย คนที่เป็น Seiyuu ส่วนใหญ่ก็เริ่มต้นแบบนี้นะครับ มีน้อยจริงๆที่จะประสบความสำเร็จ
Asami Takano พากย์เสียง Misa Tōdō เป็นนักทำ CG (Computer Graphics) หรือ 3D Operator ช่วงแรกของหนัง เธอทำงานในสตูดิโอ Super Media Creations (วันๆเอาแต่ทำ cg ล้อรถ) แต่ภายหลังลาออกจากงาน มาทำงานที่ Studio Kanabun (เปลี่ยนไปทำเครื่องบินแทน), กับอนิเมชั่นสมัยนี้ CG 3D ได้เข้ามาช่วยลดระยะเวลาการสร้างได้มาก โดยเฉพาะฉากที่มีการใช้เครื่องยนต์กลไก, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์, ออกแบบสร้างเมือง ฯ ซึ่ง 3D จะช่วยลดเวลาการวาดภาพ (ไม่ต้องวาดพื้นหลังซ้ำไปซ้ำมาบ่อยครั้ง) และเพิ่มความตระการตาสมจริง (Special Effect) ให้กับงานภาพมากขึ้น, คนทำ 3D เก่งๆ ไม่จำเป็นต้องวาดภาพเก่งเป็นเลิศเหมือนคนทำสาย Animation นะครับ แต่ต้องมีหัวของการประยุกต์ สร้างสรรค์เทคนิคที่จะตีความการออกแบบ จากภาพ 2D กลายเป็น 3D (หัวสถาปนิก)
Hitomi Ōwada พากย์เสียง Midori Imai เธอเป็นคนฉลาด ยังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย และมีความฝันเป็นนักเขียน, เธอเป็นคนมีความกระตือรือล้น ชอบค้นหาข้อมูล เรียนรู้อะไรใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา ซึ่งต่อมาเธอได้กลายเป็นเด็กฝึกงานช่วยเขียนบทอนิเมะให้กับ Musashino Animation, อาชีพนักเขียน นอกจากต้องมีความกระตือรือล้นอยู่ตลอดเวลาแล้ว ต้องเป็นคนรู้จักคิดนอกกรอบ มองโลกในมุมที่คนอื่นมองไม่เห็น นี่เป็นอาชีพที่เป็นง่ายที่สุด แต่จะประสบความสำเร็จยากที่สุด
สำหรับทีมนักพากย์ผมขอยุติแค่ 5 สาวตัวละครหลักพอนะครับ ที่ถือว่าเป็นการรวมกลุ่มของคนที่มีความสำคัญต่อการผลิตอนิเมะมากที่สุดแล้ว ซึ่งมันอาจจะขาด โปรดิวเซอร์, ผู้กำกับ, คนแต่งเพลงประกอบ ฯ ให้มองว่าเรื่องราวของอนิเมะมันเพิ่งจะเริ่มเองนะครับ ไม่แน่ถ้ามีเรื่องราวต่อๆมา Miyamori อาจผันตัวมาเป็นโปรดิวเซอร์, Imai กลายเป็น ผู้กำกับ หรือ Sakaki ที่อาจจะไม่ได้แค่พากย์เสียง แต่ได้ร้องเพลง แต่งเพลงประกอบด้วย ฯ คือ 5 คนนี้ ถือว่าครบองค์ประกอบพื้นฐานของอาชีพสายอนิเมะในปัจจุบันแล้ว ต่อยอดไปยังไงก็แล้วแต่ผู้สร้างจะผลักดันพวกเธอไป ความฝันเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น
ซึ่งสำหรับตัวละครอื่นๆในอนิเมะ ต้องถือว่า แต่ละคนก็จะมีสไตล์ นิสัย หน้าตา ที่เป็นเอกลักษณ์ประจำตัวชัดมากๆ อาทิ ผู้กำกับที่โคตรอ้วน โคตรขี้เกียจ, เพื่อนร่วมงานที่ทำตัวไม่รู้ร้อน, Character Design สุดโลลิ ฯ แทบทุกคาแรคเตอร์ ไม่น่าเชื่อว่าจะได้แรงบันดาลใจมาจากคนที่มีอยู่จริงๆ นี่ทำให้ผมไม่แน่ใจว่า ตัวละครในอนิเมะได้แรงบันดาลใจมาจากนิสัยของคน หรือ คาแรคเตอร์ของคนได้อิทธิพลมาจากของตัวละครในอนิเมะ กันแน่?
เพลงประกอบอนิเมะโดย Shirō Hamaguchi คอมโพเซอร์คนนี้ถือว่าดังโคตรๆในญี่ปุ่นเลยนะครับ เป็นขาประจำให้ P.A.Works ไปแล้ว ก่อนหน้านี้เคยทำเพลงประกอบให้ One Piece ตั้งแต่ปีแรกๆ, Sakura Wars (2000), เกม Final Fantasy ตั้งแต่ภาค 7-11, Monster Hunter และ Monster Hunter Tri ฯ สำหรับอนิเมะเรื่องนี้ ด้วยความที่งานภาพสุดสดใส มันเลยไม่มีองค์ประกอบของความมืดหม่น มีเพลงประกอบเพราะๆ (ที่รู้สึกเหมือน cover เพลงอื่นๆมา) ผมเลือก Yama Harinezumi Andes Chucky มาให้ฟังนะครับ เป็น Ending Special ของตอนที่ 19 ร้องโดย Miyuki Kunitake คือมันเป็นเพลงที่คลาสสิกโบราณมาก แต่มี impact กับนางเอกมากๆ ซึ่งก็โดนใจผมที่สุดด้วย (รู้สึกเพราะกว่า OP/ED ใดๆของอนิเมะเสียอีก)
ใน Seasons แรกนี้มี 2 core ละ 12 ตอน รวม 24 ตอน ฉาย 9 ตุลาคม 2014 ถึง 26 มีนาคม 2015 ซึ่งสามารถแบ่งเรื่องราวออกได้เป็น 2 เรื่องใหญ่ๆ (คอร์ละเรื่อง) ซึ่งจะมีอนิเมะซ้อนอนิเมะ 2 เรื่องเช่นกัน
ครึ่งแรกตอนที่ผมชอบที่สุด คือการ retake Key Frame ผมคุ้นๆว่าน่าจะตอนที่ 3 นะ ที่ผู้กำกับไม่พอใจการแสดงออกของตัวละครหนึ่ง ซึ่งทีมงานก็อลม่านเลย เพราะใกล้ถึงกำหนดส่งงานแล้ว แต่ถูกขอให้แก้ไขเปลี่ยนแปลง ซึ่งตอนจบ Key Frame เปลี่ยนไป ทำให้อารมณ์ของตัวละครที่แสดงออกมาในอนิเมะซ้อนเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง, เหตุผลที่ชอบก็คือ นี่เป็นการแสดงวิสัยทัศน์ของผู้กำกับ ที่มีผลต่ออนิเมะมาก แค่เล่าเรื่องเป็น นำเสนอภาพธรรมดาๆ ยังไม่พอที่จะสร้างอารมณ์ให้กับตัวละครได้ มันมีอะไรบางอย่างที่อนิเมะต้องนำเสนอออกมา และให้ความรู้สึกที่แตกต่าง
ครึ่งหลัง เชื่อว่าใครๆก็คงรู้สึกคล้ายๆกัน ตอนที่ Sakaki ได้พากย์ตัวละครหนึ่งในอนิเมะซ้อน ชณะนั้นเธอเป็นคนเดียวในกลุ่มที่ยังไม่ได้เกี่ยวข้องกับอนิเมะที่ทำอยู่ ซึ่งเป็นตอนเกือบท้ายๆเลยนะครับ ที่เธอได้รับบทรับเชิญ มาพากย์ในตอนสุดท้าย ผมแอบน้ำตาซึมตอน Yasuhara ขณะที่วาด Key Animator ตัวละครที่ Sakaki พากย์ (เอาหูฟัง ฟังเสียงของเธอไปวาดไปร้องไห้ไป) นี่เป็นฉากที่ถือเป็นความสำเร็จแรกของ 5 สาว กับความฝันและโดนัทของพวกเธอ
มีสิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกว่าเป็น ใจความ ของอนิเมะเรื่องนี้ คือ ‘การสื่อสาร’ นี่ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดระหว่างคนทำงาน ความเข้าใจผิดจะเกิดขึ้นได้ก็จากการสื่อสาร หลายๆตอนก็มักพูดถึงปัญหาของการสื่อสารในการทำงาน โดยเฉพาะครึ่งหลัง การดัดแปลงอนิเมะจากสื่ออื่น จำเป็นอย่างยิ่งที่ทีมอนิเมะควรจะได้ สื่อสาร กับเจ้าของผลงานโดยละเอียด เพราะความเข้าใจที่อาจคลาดเคลื่อน มันคงเป็นการง่ายที่จะได้คุยปรึกษากันต่อหน้า แทนที่จะผ่านคนกลาง ซึ่งอาจทำให้การสาสน์ที่ได้รับเปลี่ยนไป
ถ้าคุณเป็นคนวัยทำงาน หรือชอบอนิเมะเรื่อง Working! ดู Shirobako น่าจะไม่มีปัญหาแน่ เพราะสามารถเข้าใจเหตุผล ความวุ่นวาย จากปัญหาการทำงานได้ไม่ยาก แต่กับวัยรุ่นหรือคนวัยเรียน ผมไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ โลกของคนทำงานมันต่างจากโลกสมัยเรียนมาก โดยเฉพาะการแข่งขันในสายงาน, เท่าที่ผมรู้มา คนทำงานสายอนิเมะ ส่วนใหญ่จะทำด้วยใจรักมากๆ เพราะเป็นงานที่หนัก และโอกาสความก้าวหน้า ประสบความสำเร็จมีน้อย ดูอย่างนักพากย์ Seiyuu ก็ได้ 100 คน จะมีคนประสบความสำเร็จไม่รู้ถึง 1 คนหรือเปล่า แต่ก็ไม่มีใครคิดจะหยุดฝันนะครับ
ชื่ออนิเมะ Shirobako (แปลว่า white box กล่องขาว) เป็นคำเรียกของกล่องเทป VHS ยุคก่อน ที่จะถูกปิดผนึกหลังสร้างอนิเมะเสร็จ ก่อนส่งไปยังผู้จัดฉาย คำนี้คงมีแต่คนในวงการอนิเมะสมัยก่อนที่เข้าใจนะครับ เพราะสมัยนี้ทุกอย่างกลายเป็น Digital หมดแล้ว ถ้าส่งไฟล์ออนไลน์ (Soft File) มีปัญหา ก็ไรท์ใส่แผ่น (Hard File) หรือบันทึกใส่ Flash Drive กันหมดแล้ว (คงไม่มีที่ไหนใช้ VHS อีกแล้วนะ)
อนิเมะเรื่องนี้สามารถคว้ารางวัล
– Animation Kobe Television Award ปี 2015
– Animation of the Year ในงาน 2016 Tokyo Anime Awards
– Animation Department Committee Recommended Works Award ในงาน 19th Japan Media Arts Festival
จากความสำเร็จทั้งยอดขายและรางวัล ทำให้มีความเป็นไปได้ Seasons 2 สูงมากๆ แต่คงอาจต้องให้เวลาทีมงานผู้สร้างเสียหน่อย ในการค้นคว้าข้อมูล รวบรวมเรื่องราว คงใช้เวลาอีกสัก 3-4 ปีถึงจะสามารถมีภาคต่อออกมาได้
นี่ถือเป็นอนิเมะเรื่องบังคับของคนรักอนิเมะ ที่แม้เพิ่งสร้างเมื่อปี 2014 แต่ได้ใจผู้ชมไปเต็มๆ และสาระของมัน ก็เป็นการตีแผ่ชีวิตของคนทำงานสายอนิเมชั่น ที่ว่ากันตามตรง พลาดไปก็เสียชาติเกิดแล้ว
แนะนำกับคนที่อยากรู้ว่า อนิเมะสมัยนี้สร้างกันยังไง มีขั้นตอนอย่างไร จะสามารถเป็นแรงบันดาลใจให้คนอยากทำงานสายนี้ มองหาในความสนใจของตนเอง ว่าจะสามารถเข้าไปแทรกทำอะไรเพื่อเป็นส่วนหนึ่งได้บ้าง
จัดเรต 13+ กับคำพูดในเชิงเสียดสีรุนแรง และนิสัยของบางตัวละครที่ผู้ใหญ่ควรให้คำแนะนำ
Leave a Reply