Brokeback Mountain (2005)
: Ang Lee ♥♥♥♥♡
แม้หนังเรื่องนี้จะถูกตีตราว่า ‘Gay Cowboy Movie’ แท้จริงคือเรื่องราวของมนุษย์สองคนที่ตกหลุมรัก โหยหา พบเจอบ้างประปราย แต่มิอาจได้อาศัยอยู่เคียงข้าง เมื่อกาลเวลาผ่านไป หลงเหลือเพียงหุบเขาเร้นรัก Brokeback Mountain สถานที่แห่งความทรงจำของพวกเขา, “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย”
Brokeback Mountain เป็นภาพยนตร์ที่มีความงดงาม ตราตรึง หวานโรแมนติกที่สุดในปีนั้น แต่หลายคนคงฉุนขาดเมื่อพลาด Oscar: Best Picture ให้กับหนังอะไรก็ไม่รู้ Crash ซึ่งมันไม่มีเหตุผลอื่นเลยที่พลาดรางวัลนี้ เราคงต้องทำความเข้าใจว่าเรื่องแบบนี้ยังมีคนอีกมากที่เปิดรับไม่ได้ ให้โหวตกันใหม่ทศวรรษนี้ ผลลัพท์ย่อมเปลี่ยนไปแน่นอน
เกร็ด: เมื่อปี 2015 นิตยสาร The Hollywood Reporter ได้ทำโพลให้สมาชิก Academy โหวตใหม่หนังปีที่มีข้อครหารุนแรง สำหรับปี 2005 ผลลัพท์ก็คือ Brokeback Mountain ชนะสาขา Best Picture อย่างขาดลอยท่วมท้น
นับเป็นความโชคดีอย่างยิ่งที่ผมมีโอกาสรับชมหนังเรื่องนี้ในโรงภาพยนตร์ ตอนนั้นก็ไม่ได้รู้หรอกว่าเป็นหนังเกย์ พอเห็นฉาก Sex Scene ชาย-ชายเท่านั้นละ ตกใจสะดุ้งโหยง แต่ก็สามารถฝืนทนผ่านฉากนั้นไป พอพวกเขาลงเขามา เห้ย…มันก็ไม่เชิงเกย์นะ อารมณ์บางอย่างมันค่อยๆเอ่อล้น จนฉากสุดท้ายอดไม่ได้ที่จะต้องหลั่งน้ำตาจึงเริ่มเกิดเข้าใจ
มนุษย์มักที่จะจำกัดนิยาม ‘ความรัก’ เข้ากับเพศ ชาย-หญิง ถือว่าคือความปกติ ขณะที่ ชาย-ชาย, หญิง-หญิง นั้นผิดแผกแปลกประหลาด นี่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ปฏิเสธต่อต้าน ยินยอมรับไม่ได้ของบุคคลที่คิดต่าง ทั้งๆที่ถ้าคุณศึกษาชีววิทยา จะพบว่าสิ่งมีชีวิตต่างๆในโลกมีความหลากหลายทางเพศสูงมากๆ ไม่ใช่แค่โครโมโซม XX (เพศหญิง) หรือ XY (เพศชาย) แต่ยัง XXX, XXY, XYY, XXXX อะไรของมันก็ไม่รู้เยอะแยะเต็มไปหมด นี่แปลว่าจริงๆแล้วสองสิ่งมีชีวิตจะเกิดอารมณ์ตกหลุมรักกัน มันไม่ใช่เรื่องกายภาพทาง ‘เพศ’ แม้แต่น้อย
Brokeback Mountain คือเรื่องสั้นแต่งโดย Annie Proulx (เกิดปี 1935) นักเขียนหญิงสัญชาติอเมริกัน ตีพิมพ์ครั้งแรกลงในนิตยสารรายสัปดาห์ The New Yorker วันที่ 13 ตุลาคม 1997 คว้ารางวัล National Magazine Award for Fiction, Proulx ได้รางวัล O. Henry Award (ที่ 3), รวบรวมกับเรื่องสั้นอื่นๆตีพิมพ์ในชื่อหนังสือ Close Range: Wyoming Stories (1999) ตบด้วยรางวัล Pulitzer Prize for Fiction เป็นครั้งที่สองของเธอถัดจาก The Shipping News (1993)
เดิมนั้นโปรเจคดัดแปลงเป็นภาพยนตร์เรื่องนี้ อยู่ในความสนใจของผู้กำกับ Gus Van Sant ที่ได้เล็ง Matt Damon ให้เป็น Ennis และ Joaquin Phoenix รับบท Jack แต่เพราะ Damon ที่เคยร่วมงานกับ Van Sant เรื่อง Good Will Hunting (1997) บอกปัดด้วยสาเหตุ
“Gus, I did a gay movie (The Talented Mr. Ripley), then a cowboy movie (All the Pretty Horses). I can’t follow it up with a gay-cowboy movie!”
– Matt Damon พูดถึงการปฏิเสธบท Ennis
Van Sant เลยเปลี่ยนใจไปพัฒนาโปรเจคชีวประวัติ Harvey Milk นักการเมืองสัญชาติอเมริกันคนแรกที่เปิดเผยตัวเองว่าเป็นเกย์ กลายเป็นภาพยนตร์เรื่อง Milk (2008)
ตอนที่ Ang Lee ได้ยินเรื่องราวโปรเจคนี้จากเพื่อนสนิท James Schamus ของสตูดิโอ Focus Features ตั้งแต่เสร็จจากสร้าง Crouching Tiger, Hidden Dragon (2000) แสดงความสนอกสนใจ หลงใหลในคำถามของ ‘การมีตัวตน?’
“My friend Jim [Schamus] introduced me to this little story by Annie Proulx, and towards the end when they talk about all they’ve got is Brokeback Mountain, that was an existential question to me. What is this Brokeback Mountain? They say, ‘We don’t really have a relationship, it’s just Brokeback Mountain,’ and I cried there.”
Ang Lee (เกิดปี 1954) ผู้กำกับสร้างภาพยนตร์สัญชาติ Taiwanese เกิดที่ Chaochou, Pingtung, สาธารณรัฐจีน ครอบครัวอพยพจากจีนแผ่นดินใหญ่ในช่วงสงครามกลางเมืองปี 1949 หลังความพ่ายแพ้ของพรรคก๊กมินตั๋ง (เจียงไคเช็ค) ต่อพรรคคอมมิวนิสต์จีน (เหมาเจ๋อตุง)
ประเทศ Taiwan หรือสาธารณรัฐจีน คือเกาะแห่งหนึ่งที่พยายามแยกตัวออกจากจีนแผ่นดินใหญ่ แต่มิได้รับการยอมรับจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่ได้ทำการล็อบบี้จากนานาประเทศไม่ให้ออกเสียงสนับสนุน, คงไม่แปลกอะไรที่ความสนใจของ Ang Lee ต่อเรื่องราว Gay Cowboys ใน Wyoming เรื่องนี้ จะกลายเป็นความสนใจโดยพิเศษ
“That really perplexed me. I grew up in Taiwan, so nothing is more remote to me than gay cowboys in Wyoming. “
แต่เพราะการเจรจาล่าช้าหรือยังไงสักอย่าง ทำให้ Ang Lee นำเวลาไปสร้าง Hulk (2003) ทุ่มสุดตัวจนหมดสิ้นเรี่ยวแรง ตอนนั้นคิดต้องการจะรีไทร์เลิกสร้างภาพยนตร์ แถมพ่อของเขาเพิ่งจะเสียชีวิตไปด้วย แต่การได้สร้างหนังเรื่องนี้ทำให้เขาหวนคืนกลับสู่ความเป็นตัวของตนเองอีกครั้ง
“After The Hulk I thought about retirement. I thought I’d had enough. My father had just passed away, and I was exhausted. Brokeback Mountain nurtured me back to filmmaking and as a person.”
นี่ไม่ได้แปลว่าผู้กำกับ Ang Lee เป็นเกย์หรือยังไงนะครับ ตัวเขาแต่งงานกับภรรยา Jane Lin เมื่อปี 1983 มีลูกด้วยกันสองคน แค่การได้สร้าง Brokeback Mountain ปลุกจิตวิญญาณการเป็นนักสร้างภาพยนตร์ ให้ตื่นขึ้นกลับมามีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง
ดัดแปลงบทภาพยนตร์โดย Larry McMurtry (The Last Picture Show, Terms of Endearment) กับ Diana Ossana, เรื่องราวของ Ennis Del Mar (รับบทโดย Heath Ledger) กับ Jack Twist (รับบทโดย Jake Gyllenhaal) สองคาวบอยหนุ่มที่พานพบ ตกหลุมรักระหว่างทำงานต้อนแกะบนเทือกเขา Brokeback ในรัฐ Wyoming เมื่อปี 1963 แต่ช่วงเวลาขณะนั้นการรักร่วมเพศยังไม่ได้รับการยอมในสังคม ทำให้พวกเขาต้องแอบซ่อน ปกปิดบังตัวตนต่อคนรอบข้างตลอด 20 ปีให้หลัง
Heathcliff Andrew Ledger (1979 – 2008) นักแสดงสัญชาติ Australian เกิดที่ Perth, Western Australia เริ่มฉายแววตั้งแต่เล่นละครโรงเรียน Peter Pan ตอนอายุ 10 พอเรียนจบมัธยมตัดสินใจมุ่งสู่วงการภาพยนตร์ รับบทเล็กๆในซีรีย์โทรทัศน์ Clowning Around (1992), ภาพยนตร์เรื่องแรก 10 Things I Hate About You (1999), โด่งดังกับ Monster’s Ball (2000), Brokeback Mountain (2005), I’m Not There (2008), The Dark Knight (2008) ฯ
Ennis Del Mar (แปลว่า Island of the Sea) คาวบอยหนุ่มผู้เงียบขรึม ชอบทำเม้มปาก พูดเสียงอู้อี้ในลำคอ ขบกัดฟันอยู่ตลอดเวลา, ขณะวัยเด็ก พ่อพาไปให้เห็นสภาพศพของชายรักร่วมเพศทำให้เกิดภาพติดตาฝังใจ พอโตขึ้นก็ไม่รู้ตัวเองจนกระทั่งได้พบกับ Jack Twist บนเทือกเขา Brokeback ในตอนแรกแสดงความขัดขืนแต่ไม่นานก็ปล่อยตัวกายใจ ภายหลังจากลงจากเขาก็ยังมีความชื่นชอบสัมผัสของประตูหลัง พลาดพลั้งทำให้ภรรยา Alma Beers (รับบทโดย Michelle Williams) ผิดสังเกต เพราะความหวาดกลัวไม่ต้องการให้สังคมได้รับรู้ตัวตน เลือกทนทุกข์ทรมานอยู่กับความรักครั้งนี้เพียงชั่วครั้งชั่วคราว จนเมื่อทุกอย่างสายเกินแก้ไข
สองนักเขียน McMurtry กับ Ossana เป็นผู้แนะนำ Ledger ให้รับบทนี้จากการได้รับชม Monster’s Ball (2003) โดยส่งบทหนังไปให้ Naomi Watts (ที่เป็นแฟนกับ Ledger อยู่ขณะนั้น) ช่วงคริสต์มาส ได้รับการตอบกลับว่า ‘it was the most beautiful script ever read.’
มีนักข่าวถาม Ledger ถึงความกังวลในการรับบทตัวละครเกย์
“I was not afraid of the role, but rather he was concerned that he would not be mature enough as an actor to do the story justice.”
Ledger เป็นนักแสดง Method Acting ทำการสวมวิญญาณเข้าถึงจิตใจของตัวละครอย่างลึกซึ้ง ทุกเทคในการถ่ายทำจะไม่มีการปรับเปลี่ยนแก้ไขให้แตกต่างจากครั้งก่อนๆ เพราะเขากลายเป็นตัวละครนั้นๆอยู่แล้ว นี่ทำให้หนังมีความเข้มข้นสมจริงมากๆ ถือว่าเป็นบทบาทที่ Breakthrough อาชีพการแสดงของ Ledger เลยก็ว่าได้ โดดเด่นที่สุดแห่งปี เข้าชิง Oscar: Best Actor พ่ายแพ้ด้วยเหตุผลเดียวกับหนัง เพราะตัวละครนี้เป็นเกย์
เกร็ด: โคตรนักแสดง Daniel Day-Lewis ยกให้ Brokeback Mountain คือหนึ่งในหนังเรื่องโปรด โดยเฉพาะการแสดงของ Ledger ในฉากตอนจบ ‘as moving as anything I have ever seen.’ และตอนขึ้นรับรางวัล SAG Award: Best Actor เรื่อง There Will be Blood (2007) ถึงขนาดพูดบนเวทีอุทิศรางวัลนี้ให้ [ตอนนั้น Ledger เพิ่งจะเสียชีวิตพอดีเลย]
Jacob Benjamin Gyllenhaal (เกิดปี 1980) นักแสดงสัญชาติอเมริกา เกิดที่ Los Angeles, California ตระกูล Gyllenhaal สืบเชื้อสายราชวงศ์ Kingdom of Sweden แม่ทำงานเป็นโปรดิวเซอร์/นักเขียนบท Naomi Foner ส่วนพ่อคือผู้กำกับ Stephen Gyllenhaal และมีพี่สาว Maggie Gyllenhaal เป็นนักแสดงเช่นกัน เติบโตในครอบครัวที่ให้อิสระและส่งเสริมความสนใจด้านงานศิลปะ, เริ่มต้นจากเป็นนักแสดงเด็กในเรื่อง City Slickers (1991) เดินตามหลังพี่สาวเข้าเรียน Columbia University สาขาปรัชญาตะวันออก แต่ไม่ทันจบลาออกมาทุ่มเทให้กับการแสดง เริ่มมีชื่อเสียงจาก Rocket Boys (1999), Donnie Darko (2001), Brokeback Mountain (2005), Prisoners (2013), Nightcrawler (2014), Stronger (2017) ฯ
Jack Twist คาวบอยหนุ่มควบม้า (Rodeo) ที่บ้านทำฟาร์มแต่ค่อนข้างน่าเบื่อหน่าย เลยออกมาแสวงหาความตื่นเต้นเร้าใจ เพิ่งค้นพบตัวเองว่าเป็นเกย์จากการตกหลุมรัก Ennis Del Mar ไม่พยายามที่จะปกปิด แต่ชีวิตก็ทำให้ได้พบเจอแต่งงานกับหญิงสาว Lureen Newsome (รับบทโดย Anne Hathaway) ปักหลักย้ายไปอยู่ที่ Texas รักเร้าใจแค่ช่วงแรกๆถึงพอมีลูก หลังจากนั้นก็ไม่ได้สนใจอะไรกันเท่าไหร่ ทำให้เขามีเวลาขับรถมาหาคนรักหนุ่มปีละ 3-4 ครั้ง แต่ก็ยังไม่เป็นที่พึงพอสาแก่ใจ คบชู้นอกใจ สุดท้ายก็…
เห็นว่า Gyllenhaal เคยได้รับอ่านบทหนังเรื่องนี้ที่ส่งมาหาตั้งแต่ตอนอายุ 19 พบปะผู้กำกับหลายคนที่เปลี่ยนหน้าไปเพราะยังไม่ได้สร้าง จนกระทั่งได้เจอ Ang Lee ที่ขณะสัมภาษณ์พูดบอกเลยว่า จับคู่เขาไว้กับ Ledger ซึ่งการจะได้รับบทไหมอยู่ที่การตอบรับของเพื่อนเก่าคนนี้ รู้จักกันตั้งแต่สมัยไปค่าย Boot Camp เคยไปเที่ยวเล่นขี่ม้า Hangout ด้วยกัน
Gyllenhaal เป็นนักแสดงสาย Improvise ทุกเทคจะมีการทดลองปรับเปลี่ยนโน่นนี่นั่น เล็กๆน้อยๆอยู่ตลอด เพื่อให้ผู้กำกับสามารถคัดสรรจากความสนใจช่วงหลังการถ่ายทำ แต่นั่นก็ไม่ได้แปลว่าเทคที่ถูกเลือกจะคือการแสดงดีที่สุดของเขา กระนั้นเขาก็ได้เข้าชิง Oscar: Best Supporting Actor เป็นครั้งแรก
เกร็ด: Gyllenhaal เป็นพ่อทูนหัว (Godfather) ให้กับ Matilda Rose ลูกสาวของ Ledger กับ Williams
Michelle Ingrid Williams (เกิดปี 1980) นักแสดงหญิงสัญชาติอเมริกัน เกิดที่ Kalispell, Montana แม่เป็นชาว Norwegian เริ่มมีความสนใจด้านการแสดงหลังจากรับชมการแสดงละครเพลงเรื่อง The Adventures of Tom Sawyer ผลงานแรก Lassie (1994), พอจะมีชื่อเสียงจาก Halloween H20: 20 Years Later (1998), เข้าสู่วงการ Indy โด่งดังกับ Land of Plenty (2004) ของผู้กำกับ Wim Wenders, Breaktrhough การแสดงจาก Brokeback Mountain (2005), ผลงานอื่นๆอาทิ Blue Valentine (2010), My Week with Marilyn (2011), Manchester by the Sea (2016) ฯ
รับบท Alma Beers ภรรยาของ Ennis Del Mar มีลูกด้วยกันสองคน แรกๆมีความเคลืองคลางใจในสามีที่ชื่นชอบการร่วมรักทางประตูหลังมาก ภายหลังเมื่อได้เห็นภาพอันอุจาดตาก็แสดงความขยะแขยง ยินยอมรับไม่ได้ สุดท้ายปฏิเสธที่จะมีลูกคนที่สามด้วยกัน ฟ้องหย่า แต่งงานใหม่กับชายทึ่มเทอะ เรื่องบนเตียงคงห่วยจัด แต่ไม่ใช่เกย์ก็หายห่วง
วันแรกของ Williams ในกองถ่ายเข้าฉากขึ้นแคร่หิมะแล้วไถลลงมา ประมาณเทคสามหลุดโค้งตกเขาเข่าพลิกต้องเรียกรถพยาบาล Ledger ที่เข้าร่วมฉากนี้ด้วยไม่ยอมปล่อยเธอไป อุ้มขึ้นรถ นั่นคงเป็น Love at First Sight ทั้งสองแต่งงานมีลูกสาวคนหนึ่ง หย่าขาดกันก่อนอดีตคนรักเสียชีวิตเพียงไม่กี่เดือน
เพื่อที่จะได้การแสดงออกอย่างสมจริง Williams ขอให้ Ledger จูบกับ Gyllenhaal อย่างดูดดื่มต่อหน้าเธอ ในฉากที่เธอต้องแสดงสีหน้าความรังเกียจขยะแขยงออกมาจากภายใน สำหรับผู้หญิงแล้ว การเห็นสามีเป็นเกย์ทรมานรับไม่ได้ยิ่งกว่ามีเมียน้อยอีกนะ นั่นทำให้เธอได้เข้าชิง Oscar: Best Supporting Actress เลยนะ
Anne Jacqueline Hathaway (เกิดปี 1982) นักแสดงหญิงสัญชาติอเมริกา เกิดที่ Brooklyn, New York แม่เป็นอดีตนักแสดงทำให้เกิดความสนใจมานั้นแต่เด็ก ผลงานแจ้งเกิดคือ The Princess Diaries (2001), พลิกบทบาทกับ Brokeback Mountain (2005), The Devil Wears Prada (2006), Alice in Wonderland (2010), The Dark Knight Rises (2012), Les Misérables (2012), Interstellar (2014) ฯ
รับบท Alma Beers หญิงสาวขี่ม้าไฟแรง เร่าร้อนรนต้องการที่จะแต่งงานออกจากอ้อมอกของพ่อแม่ผู้เข้มงวด แต่งงานกับ Jack Twist แบบไม่รู้ตัว ไม่สนใจด้วยซ้ำว่าเขาเป็นเกย์ เพราะเมื่อถึงจุดๆหนึ่งของชีวิตคู่ต่างก็สนแต่ทำงานหาเงิน ลูกผัวมิได้สำคัญอะไรนัก
เพื่อให้ได้บทนี้ เห็นว่า Hathaway โกหกผู้กำกับ บอกว่าตนเองขี่ม้าเป็นทั้งๆที่ไม่เคยมาก่อน ซึ่งพอมีขณะทดสอบหน้ากล้องให้ทดลองขี่ม้าก็ปรากฎว่าทำไม่ได้ เสียเวลาเรียนอยู่กว่า 2 เดือน แต่ก็เห็นว่าใช้สตั๊นแมนในฉากขี่จริง
ณ ตอนนั้นต้องถือว่า Hathaway พลิกบทบาทจาก The Princess Diaries กลายเป็นวัยรุ่นผู้ใหญ่เต็มตัว แม้จะไม่มีบทเด่นอะไรมาก ช่วงแรกๆจะยังมีความเร่าร้อนไฟแรง แต่ครึ่งหลังนิ่งเฉยชา ไม่รู้ทุกข์ร้อนใดๆกับสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น
ถ่ายภาพโดย Rodrigo Prieto สัญชาติ Mexican ผลงานเด่น Frida (2002), Babel (2006), The Wolf of Wall Street (2013), Silence (2016) ฯ
ท้องฟ้า เทือกเขา ป่าไม้ ทะเลสาบ และฝูงแกะ นิยมใช้การถ่ายภาพหน้าตรง กล้องไม่ค่อยเคลื่อนไหว (ให้สัมผัสเหมือนรูปถ่าย) แช่ภาพทิ้งไว้อย่างไม่เร่งรีบ ให้ผู้ชมซึมซับรับสัมผัส บรรยากาศ กลิ่นอาย ความสวยงามของสถานที่ได้อย่างเต็มอิ่ม
ผมโคตรชอบภาพถ่ายก้อนเมฆของหนังเลย เลือกมาแต่ละช็อตพยายามสื่อความหมายถึงมรสุม ความยุ่งยากวุ่นวายที่ค่อยๆเคลื่อน คืบคลานเข้ามาในชีวิตของชายหนุ่มทั้งสอง ซึ่งฤดูกาลก็จะมีทั้งร้อน, ฝนตก, หิมะ, ใบไม้ร่วง ครบหมดไล่เรียง (นี่ต้องใช้การสังเกตเองจากเสื้อผ้านักแสดง และสภาพอากาศ)
Brokeback Mountain เป็นเทือกเขาสมมติตั้งอยู่ที่ Wyoming แต่สถานที่ถ่ายทำกลับคือ Canadian Rockies ทางตอนใต้ของ Alberta (เห็นว่า Lee ได้ออกค้นหาสถานที่ถ่ายทำที่ Wyoming ด้วย แต่เลือกแคนาดาเพื่อลดค่าใช้จ่าย) บริเวณเทือกเขา Mount Lougheed, Moose Mountain ส่วน Camp Site อยู่ที่ Goat Creek, Upper Kananaskis Lake, Elbow Falls และ Canyon Creek
ไฮไลท์คือช็อตสุดท้ายของหนัง Ennis เปิดตู้เสื้อผ้า (สัญลักษณ์ของชาวเกย์ สื่อถึงตัวตนแท้จริงหลบซ่อนเร้นไว้ภายใน) ปรากฎรูปภาพสถานที่ Brokeback Mountain และเสื้อผ้าของ Jack หยิบขึ้นมาแนบกอดสัมผัส ความรู้สึกและความทรงจำครั้งนั้น จักเก็บซ่อนเร้นไว้ภายในจิตใจตราบชั่วนิรันดร์
ตัดต่อโดย Geraldine Peroni กับ Dylan Tichenor อาจารย์-ศิษย์ ตั้งแต่ The Player (1992) เพราะนี่เป็นหนังเรื่องสุดท้ายของ Peroni เสียชีวิตก่อนทำงานเสร็จ Tichenor เลยเข้ามาสานต่อ
หนังใช้มุมมองของทั้ง Ennis Del Mar และ Jack Twist ครึ่งแรกอาศัยอยู่ร่วมกันที่ Brokeback Mountain ส่วนครึ่งหลังทางใครทางมัน ตัดสลับกันไปมา พบเจอประปรายนานๆที ก่อนที่สุดท้ายจะหลงเหลือเพียงในมุมมองของ Ennis จนจบ
สิ่งที่โดดเด่นมากๆของหนังคือการกระโดดข้ามเวลาไปเรื่องๆ Time Jump (จะเรียกว่า Time Skip ก็ยังได้) จากเริ่มต้นพื้นหลังปี 1963 จบสิ้นที่เมื่อลูกสาวคนเล็ก Alma Del Mar Jr. (รับบทโดย Kate Mara) อายุครบ 19 บรรลุนิติภาวะ รวมเวลาดำเนินเรื่อง 20 ปีพอดิบพอดีแบบไม่รู้ตัว
(ปีนั้นสาขา Best Edited ถูก SNUB จาก Oscar)
เพลงประกอบโดย Gustavo Santaolalla นักแต่งเพลงสัญชาติ Argentine หลังจากโด่งดังกับ 21 Grams (2003), The Motorcycle Diaries (2004), คว้า Oscar: Best Original Score สองปีติดจาก Brokeback Mountain (2005), Babel (2006)
เสียงดีดกีตาร์นุ่มๆ ให้สัมผัสที่เบาหวิว ล่องลอยไปไกล ประกอบกับทัศนียภาพ ทิวทัศน์ภูเขากว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา เกิดความพักผ่อนคลาย หายใจสบายทั่วท้อง กลิ่นกาแฟยามเช้าลอยมาเตะจมูก ชวนให้หวนระลึกถึงความทรงจำที่แสนหวานในอดีต (Nostalgia), ความไพเราะเพราะพริ้ง ‘ฟิน’ ระดับนี้ นอกจากคนหูหนวกเท่านั้นแหละถึงจะสัมผัสไม่ได้
มีสามบทเพลงที่คือไฮไลท์ 1) Opening จากดีดโน๊ตเสียงเดียว ให้สัมผัสอันโดดเดี่ยว อ้างว้าง เปล่าเปลี่ยว ร้องเรียกหาคู่ ผ่านไปสักพักมีโน๊ตอีกตัวดีดตอบกลับ ค่อยๆใกล้เข้ามา จนสุดท้ายเคียงคู่ประสานเสียง
2) บทเพลง Brokeback Mountain เรียกว่าเป็น Character Song ก็ยังได้ มี 3 Variation ให้สัมผัสที่คล้ายกันคือ ล่องลอย โหยหา หวนคิดถึง ช่วงเวลาที่อาศัยอยู่สถานที่แห่งนั่น มันช่างเป็นความทรงจำสุดพิเศษ มิอาจลบลืมเลือนจางหายไปได้
3) บทเพลง The Wing ที่อาจทำให้หลายๆคนน้ำตาซึมกับตอนจบของหนัง ขณะที่ Ennis Del Mar จ้องมองเสื้อของ Jack Twist (ที่สลับตัวในตัวนอก คล้ายการกอดจากด้านหลัง) และภาพถ่ายของ Brokeback Mountain พูดขึ้นว่า
“Jack, I swear…”
แม้จะไม่มีคำพูดอื่นต่อจากนี้ แต่สามารถครุ่นคิดตามได้ว่า ‘ถ้ามีโอกาสหวนย้อนกลับไป ฉันขอสาบาน… จะไม่ปกปิดความต้องการของหัวใจนี้อีกแน่’ หรือ ‘ฉันขอสาบานจะรักและซื่อสัตย์ต่อนายตลอดไป’
สำหรับบทเพลงคำร้องที่ได้รับการพูดถึงมากสุด A Love That Will Never Grow Old แต่งโดย Gustavo Santaolalla คำร้อง Bernie Taupin ขับร้องโดย Emmylou Harris เสียงร้องของเธอช่างโหยหวนล่องลอย โดยเฉพาะขณะเอื้อยลากเสียง I (อายยย) เพื่อเน้นย้ำว่า ฉ้านนน…. (ที่ยังรักเธอ)
มีการถกเถียงอย่างกว้างขวางไร้สาระว่า Ennis Del Mar กับ Jack Twist มีสถานะทางเพศเช่นไร? เกย์ ไบ คิง ควีน? เดี๋ยวนี้มันมีคำศัพท์เกิดขึ้นใหม่มากมายตามเรียกแทบไม่ทัน แต่ผมก็มิได้สนอะไรพวกนี้เลยนะ รู้สึกว่าเป็นการจำกัดกรอบความคิดของตัวเองเข้ากับเพศสภาพมากเกินไป เพราะแท้จริงแล้วเรื่องราวของหนังมันก็แค่ ‘มนุษย์สองคนตกหลุมรักกัน’
Ennis Del Mar เป็นตัวแทนของคนที่มิอาจเปิดเผยความต้องการแท้จริงภายใน แต่งงานเพื่อรักษาสถานะของตนเองในสังคม นั่นทำให้เขาจมปลักอยู่กับความทุกข์ทรมาน มิอาจพบเจอความสงบสุขสันติ หรือประสบความสำเร็จเกิดความมั่นคงในชีวิตการงาน
Jack Twist นั่นตรงกันข้าม เลือกที่จะเปิดเผยยอมรับตัวเอง ไม่ปิดกลั้นการแสดงออกที่ขัดกับความรู้สึก แต่งงานเพราะจังหวะและโอกาสที่จะได้รู้จักค้นหาความต้องการอีกด้านของตัวเอง ชีวิตดูมีความสุขสำราญ การงานประสบความสำเร็จ ร่างกายอ้วนท้วนสมบูรณ์ แต่เพราะความอิสระเสรีมากเกินเลย ทำให้พบจุดจบของชีวิต
(ผมค่อนข้างเชื่อว่าเหตุผลที่ Jack เสียชีวิต เพราะความที่เป็นคนเปิดเผยตนเองมากเกินไป จึงทำให้ถูกรุมโทรมทำร้ายจากพวกหัวรุนแรง ไม่ใช่สิ่งที่ภรรยาของเขาพูดถึงอย่างเย็นชาเช่นนั้นแน่นอน)
Brokeback Mountain คือสถานที่มีความเป็นธรรมชาติ ป่าเขาลำเนาไพร ที่ชายทั้งสองจะได้ปลดปล่อยอิสรภาพ สันชาติญาณ ความต้องการแท้จริงของตนเอง ไม่ต้องสวมหน้ากาก หรือหาเสื้อผ้ามาปกปิดบัง เหมือนตอนอาศัยอยู่กับชุมชน สังคมเมือง ด้วยเหตุนี้มันเลยเป็นสถานที่สุดพิเศษแห่งความทรงจำ ราวกับ’บ้าน’ ของพวกเขาก็ไม่ปาน
ใจความของหนังเรื่องนี้ พยายามอย่างยิ่งที่จะให้ผู้ชมเกิดความ’กล้า’ยอมรับในตนเอง ไม่ใช่แค่เรื่องเพศสภาพ หรือความผิดปกติใดๆ แต่ทุกสิ่งอย่างที่ตนเองกลายเป็น เพราะถ้าเราปกปิดความต้องการนั้นไว้ ก็อาจต้องจมปรักอยู่ในห้วงความทุกข์ทรมาน ดูอย่าง Ennis Del Mar มาหวนระลึกได้ถึงตอนคนรักจากไป ทุกสิ่งอย่างก็สายเกินแก้
“I wish I knew how to quit you.”
รักแท้มันไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถเลิกร้างรา แปรเปลี่ยนกันได้ง่ายๆ, นี่คือประโยคคำพูดไฮไลท์ของ Jack Twist ที่กลายเป็นตำนานไม่ใช่แค่คู่รักชาย-ชาย แต่ยังชาย-หญิง, หญิง-หญิง เพื่อบรรยายถึงความรู้สึกที่มิอาจแยกจาก ตัดขาดออกจากกันได้
ความรักมักเกิดจากความทรงจำ เพราะความรู้สึกดีๆที่เรามีให้ต่อใครสักคน มักเกิดจากสถานที่ วันเวลา และการกระทำอันสร้างความประทับใจอันลึกซึ้ง ตราตรึง ประทับลงในจิตใจ ฝังลึกในความทรงจำ วันหนึ่งก็จักแปรสภาพกลายเป็น ‘ความรัก’ ต้องการที่จะสัมผัส เป็นเจ้าของ ครอบครองให้ได้อยู่เคียงค้าง
ไม่รู้เพราะนี่คือหนัง ชายรักชาย เรื่องแรกที่ผมได้รับชมในชีวิตด้วยหรือเปล่า ทำให้ทัศนคติ ความคิดเกี่ยวกับเพศทางเลือกทั้งหลาย ไม่เคยเกิดอคติขึ้นเลยตั้งแต่นั้น จากการเข้าใจนิยาม ‘ความรัก’ อย่างที่บอกไป มันมิได้เจาะจงตายตัวหรือมีความสัมพันธ์อะไรกับเพศ แค่เป็นเรื่องของคนสองคนที่มีเหตุการณ์ เวลา-สถานที่ ความทรงจำดีๆ ประทับใจกันและกัน แค่นี้ก็เพียงพอก่อให้เกิดความสัมพันธ์รัก ที่มีความบริสุทธิ์จริงใจ
หนังออกฉายในเทศกาลหนังเมือง Venice คว้ารางวัล Golden Lion ทำให้กลายเป็นตัวเต็งหนึ่งในช่วงฤดูกาลล่ารางวัลสิ้นปี แต่ก็ใช่ว่าด้วยเนื้อหาเกี่ยวกับเกย์ มีฉาก Sex Scene ชาย-ชาย ทำให้ถูกแบนในหลายรัฐ หลายประเทศ (โดยเฉพาะประเทศมุสลิม) รวมถึงสาธารณรัฐประชาชนจีน
ชื่อหนังได้ถูกเปลี่ยนแปลงไปในประเทศต่างๆที่ออกฉาย อาทิ
– The Secret(s) of Brokeback Mountain ที่ประเทศ France, Italy, Portugal, Poland
– Souvenirs de Brokeback Mountain (Memories of Brokeback Mountain) ที่ประเทศ Canadian French
– Brokeback Mountain: En terreno vedado (In a forbidden terrain) ที่ประเทศ Spain
– Secreto en la montaña (Secret in the mountain) กับประเทศแถบ Latin American
– Túl a barátságon (Beyond friendship) ที่ประเทศ Hungary
ด้วยทุนสร้าง $14 ล้านเหรียญ ทำเงินในอเมริกา $83 ล้านเหรียญ รวมทั่วโลก $178.1 ล้านเหรียญ สูงสุดของสตูดิโอ Focus Features, เข้าชิง Oscar 8 สาขา ได้มา 3 รางวัล ประกอบด้วย
– Best Picture
– Best Director ** คว้ารางวัล [Ang Lee กลายเป็นผู้กำกับสัญชาติเอเชียคนแรกที่คว้ารางวัลนี้]
– Best Actor (Heath Ledger)
– Best Supporting Actor (Jake Gyllenhaal)
– Best Supporting Actress (Michelle Williams)
– Best Writing, Adapted Screenplay ** คว้ารางวัล
– Best Cinematography
– Best Original Score ** คว้ารางวัล
เกร็ด: Jack Nicholson ผู้ประกาศรางวัล Best Picture ในปีนั้น พอเห็นผลแพ้ชนะถึงกับอึ้งไปหลายวินาที เพราะเขาเองก็โหวต Brokeback Mountain แต่ผลลัพท์ออกมาคือ Crash (ก็ถือว่าได้ Crash สมใจ)
ขณะที่ Golden Globe เข้าชิง 7 สาขา คว้ามา 4 รางวัล
– Best Motion Picture – Drama ** คว้ารางวัล
– Best Director ** คว้ารางวัล
– Best Actor (Heath Ledger)
– Best Supporting Actress (Michelle Williams)
– Best Screenplay ** คว้ารางวัล
– Best Original Score
– Best Original Song บทเพลง A Love That Will Never Grow Old ** คว้ารางวัล
หลังจากหนังประสบความสำเร็จคว้ารางวัลมากมาย ประเทศที่รีบเคลมความสำเร็จของผู้กำกับ Ang Lee ก่อนเลยคือ สาธารณรัฐประชาชนจีน ทั้งๆที่ห้ามหนังฉายในประเทศ แต่กลับยกย่องอย่างภาคภูมิว่าคือ เกียรติยศของชาวจีน
“You are the pride of the Chinese people all over the world.”
เจ้าตัวแสดงความเห็นว่า
“I think they are genuinely happy to see a Chinese director win an Academy Award with good artistic value. I think that pride is genuine, so I would not think that’s hypocritical at all.”
เกร็ด: เพราะหนังไม่ได้ฉายในจีน คำว่า Brokeback ภาษาจีนคือ 断背 (duànbèi) ได้กลายเป็นคำแสลงของคนรักร่วมเพศโดยไม่รู้ตัว
เจ้าของเรื่องสั้นต้นฉบับ Annie Proulx ชื่นชอบหนังเรื่องนี้มาก ในความซื่อตรงต่อต้นฉบับ ถึงขนาดเห็นภาพตัวละคร Jack กับ Ennis ผุดขึ้นมาในจิตใจอีกครั้ง
“ I may be the first writer in America to have a piece of writing make its way to the screen whole and entire, And, when I saw the film for the first time, I was astonished that the characters of Jack and Ennis came surging into my mind again…”
เหตุผลส่วนตัวที่ตกหลุมรักหนังเรื่องนี้ เพราะรสสัมผัสในบรรยากาศ (ภาพ+เพลงประกอบ) สร้างความผ่อนคลาย ล่องลอยเบาสบาย ขณะเดียวกันก็ตึงเครียดหนักหัวแบบสุดๆ และการแสดงของ Heath Ledger ที่โดยส่วนตัวคิดว่าน่าจะยอดเยี่ยมสุดในชีวิตพี่แกแล้ว (ผมชอบมากกว่าบท Joker ใน The Dark Knight เสียอีกนะ)
“ต้องดูให้ได้ก่อนตาย” ก่อนรับชมหนังให้พยายามลดทิฐิ อคติของตัวเองลงก่อน พยายามทำความเข้าใจ ไม่ปฏิเสธสิ่งที่เกิดขึ้น แล้วคุณอาจมีทัศนคติต่อความหลากหลายสีรุ้งของเพศสภาพ และนิยามความรัก เปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง
แนะนำอย่างยิ่งกับคอหนังโรแมนติก ชายรักชาย, สะท้อนสภาพสังคมอเมริกาในยุค 60s, ชื่นชอบภาพถ่ายสวยๆ บรรยากาศผ่อนคลาย เพลงประกอบเพราะๆ, แฟนๆผู้กำกับ Ang Lee นักแสดง Heath Ledger, Jake Gyllenhaal, Michelle Williams, Anne Hathaway ไม่ควรพลาด
จัดเรต 15+ กับ Sex Scene ควรต้องเป็นผู้บรรลุนิติภาวะสักหน่อยถึงเหมาะกับการรับชม
Leave a Reply