The Idiots (1998) : Lars von Trier ♥♥♥
ภาพยนตร์ลำดับที่สองของกลุ่มเคลื่อนไหว Dogme 95 เต็มไปด้วยความอื้อฉาว บ้าบอคอแตก เมื่อคนปกติแสร้งทำเป็นคนบ้า แล้วไปกลั่นแกล้ง หลอกลวงผู้อื่น เหมือนจะก้าวล้ำเส้นความเหมาะสม แต่ก็ท้าทายผู้ชมให้ตระหนักถึงอิสรภาพชีวิต
แม้ผกก. von Trier เคยตั้งใจจะให้ Breaking the Waves (1996) คือภาพยนตร์เรื่องแรกของกลุ่มเคลื่อนไหว Dogme 95 แต่กลับมิอาจหักห้ามใจ ควบคุมตนเอง ใส่ความเป็นตัวตน อารมณ์ศิลปิน แหกคำปฏิญาณ (Vows of Chastity) จนสุดท้ายเลยไม่ได้รับใบประกาศแปะติดหน้าเครดิต … มันช่างเป็นความตลกขบขัน ที่ผู้ริเริ่มกลุ่มเคลื่อนไหว เรียกร้องให้สมาชิกปฏิบัติตามคำปฏิญาณ แต่เจ้าตัวกลับแหกกฎดังกล่าวเสียเอง
เพราะตนเองคือหนึ่งในผู้ริเริ่มกลุ่มเคลื่อนไหว Dogme 95 มันเลยมีความจำเป็นที่ต้องสรรค์สร้างภาพยนตร์สักเรื่องให้ดำเนินตามแนวทาง สอดคล้องตามคำปฏิญาณ แต่ก็ใช่ว่า The Idiots (1998) จะไม่มีข้อยกเว้น กลายมาเป็นคำรับสารภาพดังต่อไปนี้
In relation to the production of Dogme 2 “The Idiots”, I confess:
– To have used a stand-in in one case only (the sexual intercourse scene).
– To have organised payment of cash to the actors for shopping of accessories (food).
– To have intervened with the location (by moving sources of light – candlelight – to achieve exposure).
– To have been aware of the fact that the production had entered into an agreement of leasing a car (without the knowledge of the involved actor).All in all, and apart from the above, I feel to have lived up to the intentions and rules of the manifesto: Dogme95.
จริงๆแล้วยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ผกก. von Trier จงใจบิดเบือนเพื่อสนองวิสัยทัศน์ของตนเอง กฎข้อสอง ไม่อนุญาตให้มีการบันทึกเสียงภายหลังถ่ายทำ ทุกสิ่งอย่างต้องเป็น ‘non-diegetic music’ ก็เลยให้นัก Harmonica ทำการเป่าบทเพลง Camille Saint-Saëns: The Swan หลบซ่อนอยู่หลังกล้อง ไม่เคยปรากฎตัวเบื้องหน้าภาพยนตร์
ขอเตือนเอาไว้สำหรับใครที่อยากรับชมภาพยนตร์เรื่องนี้ ไม่ควรจะเป็นผลงานแรกของผกก. von Trier แนะนำให้ค่อยๆไล่เรียงจาก Europa Trilogy และเตรียมตับให้พร้อมสำหรับ Breaking the Waves (1996) ถ้าคุณไม่สามารถพานผ่านผลงานเหล่านี้ ก็ไม่ควรเสียเวลาหารับชม
The Idiots (1998) เป็นภาพยนตร์ที่คาบเกี่ยวระหว่างอัจฉริยะ vs. คนบ้า การแสดงออกของกลุ่มคนเหล่านี้มันอาจเกินเลยเถิด ไม่ถูกต้องเหมาะสม แต่ผกก. von Trier ชักชวนให้ผู้ชมเอาใจเขามาใส่ใจเรา เคยพยายามทำความเข้าใจเบื้องหลัง สาเหตุผล เพราะอะไร? ทำไม? พวกเขาถึงมีสำแดงพฤติกรรมบ้าบอคอแตกเช่นนี้?
Pretending to have a mental disability is in outrageously bad taste … yes … but all of us who swooned over the excruciating good taste of, say, Daniel Day-Lewis’s Oscar-winning impression of Christy Brown in My Left Foot (1989), are we not part of the absurdity that Stoffer is railing against?
นักวิจารณ์ Peter Bradshaw จากนิตยสาร Guardian
Lars von Trier (เกิดปี 1956) นักแสดง/ผู้กำกับภาพยนตร์ สัญชาติ Danish เกิดที่ Kongens Lyngby, Denmark เป็นบุตรบุญธรรมของ Ulf Trier เมื่อตอนมารดาใกล้เสียชีวิต ค.ศ. 1989 สารภาพว่าบิดาแท้จริงคือ Fritz Michael Hartmann อดีตสมาชิกกลุ่มต่อต้านนาซี และเคยทำงานกระทรวงกิจการสังคม (Ministry of Social Affairs)
โตขึ้นร่ำเรียนทฤษฎีภาพยนตร์ยัง University of Copenhagen ต่อด้วยสาขาการกำกับ National Film School of Denmark ปีสุดท้ายตัดสินใจเพิ่ม ‘von’ เข้าไปกึ่งกลางชื่อ (แบบเดียวกับ Erich von Stroheim และ Josef von Sternberg) บนเครดิตผลงานจบการศึกษา Images of Liberation (1982) เข้าฉายเทศกาลหนังเมือง Berlin ในส่วนของ Panorama, ติดตามด้วย ‘Europa Trilogy’ ประกอบด้วย The Element of Crime (1984), Epidemic (1987) และ Europa (1991)
จุดเริ่มต้นของ The Idiots (1998) คงไม่ผิดอะไรที่จะบอกว่าก็คือ Dogme 95 เกิดจากความต้องการจะ ‘breaking’ ทำลายขนบกฎกรอบ ปลดปล่อยตนเองจากวิถีทางภาพยนตร์ สรรค์สร้างผลงานที่มีความเรียบง่าย บริสุทธิ์ เพียงประกอบด้วยเรื่องราวและการแสดง
“The idea for The Idiots arose at the same time as the Dogma project. At one level the Dogma rules emerged from a desire to submit to the authority and the rules I was never given in my humanistic, cultural-leftist upbringing; at another level they express the desire to make something quite simple. In a normal film production you are hampered by having to make decision about and control an infinite number of things such as filters and colours. The Dogma rules basically say that you mustn’t do any of that.
ในเครดิตขึ้นว่า “Written 16th-19 May 1997” ซึ่งผกก. von Trier ได้ยืนยันว่าตนเองพัฒนาบทหนังในระยะเวลาเพียง 4 วันจริงๆ เพราะมันไม่ต้องใส่รายละเอียดว่าต้องเตรียมการโน่นนี่นั่น ถ่ายทำอะไรยังไง เพียงเขียนเรื่องราว และบทพูดคร่าวๆ (ให้อิสระนักแสดงดั้นสด ‘improvised’) … วิธีการทำงานดังกล่าว ได้รับอิทธิพลของ Dogme 95 มาเต็มๆ
Yes, I did. Actually it’s a phrase I got from the good Marquis de Sade, who wrote Justine in the Bastille in a fortnight, I believe it was. Of course I’d toyed with a couple of ideas beforehand, but I hadn’t written a single cue, and it was a wonderful feeling to just write away. I haven’t even reread it, as you can see in one place where a character has been given the wrong name for an entire scene.
In the past I spent years writing each script, but it was more Dogma-like to give up control. The whole idea is to shake the dust off yourself–or maybe “dust yourself off” sounds too easy; “cast off the burdens” is more like it. If you go on correcting a script you may lose your enthusiasm. It almost happened in this process, too, when we spent ages changing scenes and moving back and forth; but in the end we returned to the original, and the final version of the film is very close to the script. So unless The Idiots exudes enjoyment or at least the joy of film-making, the project will have failed completely.
แซว: Breaking the Waves (1996) ผกก. von Trier ใช้เวลาพัฒนาบทยาวนานกว่า 5 ปี! แต่พอมาเป็น The Idiots (1998) เหลือเวลาแค่เพียง 4 วัน!
หญิงสาว Karen (รับบทโดย Bodil Jørgensen) ท่าทางเศร้าๆ น้ำเสียงอ่อนล้า เดินทางไปรับประทานอาหารตัวตนเดียวยังภัตตาคาร(หรู)แห่งหนึ่ง พบเห็นกลุ่มคนพิการทางสมองที่สร้างความรำคาญให้กับลูกค้า จนผู้จัดการขับไล่ออกจากร้าน เพราะความอยากรู้อยากเห็นเลยติดตามพวกเขามาด้วย ก่อนพบว่าทั้งหมดเป็นเพียงการเล่นละคอนตบตา แสร้งว่าคือคนบ้าเพื่อรับประทานอาหารฟรี!
เรื่องราวต่อจากนั้นคือการผจญภัยของ Karen เพื่อเรียนรู้จัก ทำความเข้าใจแนวคิด วิถีชีวิต อุดมการณ์ของกลุ่ม ‘The Idiots’ ภายใต้การนำของ Stoffer (รับบทโดย Jens Albinus) ผู้เป็นเจ้าของบ้านพักหลังนี้ จริงๆเป็นของพี่ชาย มอบให้น้องสำหรับฝากขาย แต่กลับใช้เป็นสถานที่มั่วซุม รวมกลุ่มกันทำสิ่งบ้าบอคอแตก
Bodil Jørgensen (เกิดปี ค.ศ. 1961) นักแสดงสัญชาติ Danish เกิดที่ Vejle, Denmark โตขึ้นระหว่างร่ำเรียนภาษาอังกฤษ Aarhus Universitet บังเกิดความสนใจด้านการแสดง เริ่มต้นฝึกฝนยัง Statens Teaterskole จากนั้นมีผลงานละคอนเวที ซีรีย์โทรทัศน์ ภาพยนตร์เด่นๆ อาทิ The Idiots (1998), Nothing’s All Bad (2010) ฯ
รับบท Karen เพราะสูญเสียทารกน้อยไปเมื่อไม่กี่วันก่อน ทำให้เธอจมปลักอยู่ในความทุกข์โศก ท่าทางเศร้าๆ น้ำเสียงอ่อนล้า ดำเนินชีวิตไปอย่างเรื่อยเปื่อย ไร้จุดมุ่งหมาย วันหนึ่งระหว่างรับประทานอาหารตัวคนเดียวยังภัตตาคาร(หรู) ถูกลากพาโดยสมาชิกกลุ่ม The Idiots ค้นพบว่าคนเหล่านี้แสร้งทำเป็นคนบ้า ในตอนแรกก็ปฏิเสธ ต่อต้าน ไม่สามารถยินยอมรับพฤติกรรมดังกล่าว แต่โดยไม่รู้ตัวค่อยๆซึมซับรับอิทธิพล ปล่อยตัวปล่อยใจ ปรับเปลี่ยนแนวคิด ทัศนคติ และทำให้เธอสามารถก้าวข้ามความสูญเสีย พร้อมกลับไปเผชิญหน้าครอบครัว และเริ่มต้นชีวิตใหม่
การแสดงของ Jørgensen ดูเงียบๆ ขรึมๆ ช่วงแรกๆยังท่าทางซึมเศร้า มีความเปราะบาง หลั่งน้ำตาไม่เว้นวัน แต่สายตาของเธอเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น สนอกสนใจพฤติกรรมแสร้งว่าบ้า ค่อยๆเรียนรู้ ปรับตัว เปิดใจยินยอมรับ เข้าร่วมหลากหลายกิจกรรมของกลุ่ม บังเกิดรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า แม้มีโอกาสอยู่ร่วมกันแค่ไม่กี่วัน กลับทำให้ชีวิตของเธอปรับเปลี่ยนแปลงไปชั่วนิรันดร์
ตัวละคร Karen ถือเป็นตัวแทนของผู้ชม ถูกลากพาเข้าร่วมกลุ่ม The Idiots/Dogme 95 แรกเริ่มต้นย่อมบังเกิดอคติต่อต้าน แต่เมื่อได้เรียนรู้ ทำความเข้าใจสิ่งต่างๆ ก็อาจตระหนักถึงพฤติกรรมที่ดูเลวร้าย ล้วนมีเหตุมีผล ที่มาที่ไป สำหรับปลดปล่อยตนเอง ก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาอันเลวร้าย
Jens Albinus (เกิดปี ค.ศ. 1965) นักแสดงสัญชาติ Danish เกิดที่ Bogense, Denmark โตขึ้นฝึกฝนการแสดงยัง Acting School ของ Aarhus Theater จากนั้นมีผลงานละคอนเวที ภาพยนตร์เด่นๆ อาทิ The Idiots (1998) ฯ
รับบท Stoffer หัวหน้ากลุ่ม The Idiots เจ้าของบ้านพักอาศัย (ของลุงที่ฝากขาย) เป็นจอมบงการ นิสัยดื้อรั้น เห็นแก่ตัว เอาแต่ใจ ทั้งยังกลับกลอก สองหน้า พูดอย่างทำอย่าง แต่กลับเป็นที่รักของสมาชิก นำพาพวกเขาทำกิจกรรม สร้างความสนุกสนาน ระบายอารมณ์ ไม่สนกฎระเบียบอะไรทั้งนั้น
ภาพลักษณ์ของ Albinus ดูเย่อหยิ่ง จองหอง หลงตนเอง ไม่ได้มีความน่าเคารพเชื่อถือสักเท่าไหร่ แต่โดดเด่นในวาทะศิลป์ เก่งหาข้ออ้าง ชักแม่น้ำทั้งห้า มาโน้มน้าวเกลี้ยกล่อมผู้อื่นให้ลุ่มหลงในคารม ก่อนตบหัวแล้วลูกหลัง สำแดงความกลับกลอก ปอกลอก พร้อมทรยศหักหลังผู้อื่น
ทั้งๆเป็นบุคคลเรียกร้องให้คนอื่นทำตัวแสร้งว่าบ้า แต่พอสมาชิกนำพาบุคคลสติไม่สมประกอบมาจริงๆ Stoffer กลับแสดงอาการหงุดหงิด ไม่พึงพอใจ มันช่างเป็นความขัดย้อนแย้งกันเองที่น่ารังเกียจยิ่งนัก! … ฉันแสร้งว่าบ้าคืออิสรภาพในการแสดงออก แต่บุคคลสติไม่สมประกอบกลับบังเกิดอคติ ไม่ยินยอมรับความผิดปกติของอีกฝ่าย
ตามวิถีของ Dogme 95 หนังถ่ายทำด้วยกล้องดิจิตอลมือถือ (Handy Cam) Sony DCR-VX1000 ม้วนฟีล์ม mini-DV อัตราส่วน Academy Ratio (1.37:1) เมื่อตัดต่อเสร็จค่อยนำมาแปลงลงฟีล์มสำหรับฉายโรงภาพยนตร์
ผมไม่แน่ใจว่าหนังใช้กล้องกี่ตัวระหว่างถ่ายทำ แต่ด้วยความที่ไม่มีการจัดฉาก ละเล่นกับแสง-สี หรือใช้อุปกรณ์ถ่ายทำเพิ่มเติมอื่นๆ ผกก. von Trier จึงสามารถเป็นหนึ่งในตากล้อง (หนังไม่มีเครดิตช่างภาพ) ซึ่งฟุตเทจส่วนใหญ่เห็นว่านำจากกล้องของเขาเองนะแหละ
In many ways the six weeks of shooting was the most intense film experience I’ve ever had. Also because I operated one of the cameras myself, and my own footage actually comprises eighty or ninety percent of the finished film. I was frantically geared up the whole time, and practically didn’t sleep at night.
Lars von Trier
ผิดกับ Europa Trilogy และ Breaking the Waves (1996) ที่ทุกช็อตฉากล้วนเคลือบแฝงนัยยะ/แนวคิดอะไรบางอย่าง The Idiots (1998) คือภาพยนตร์ที่ผกก. von Trier ปล่อยวางการควบคุม อยากจะถ่ายอะไรก็ถ่าย กล้องเคลื่อนเลื่อนไปตามจุดสนใจ ใครกำลังพูดคุยสนทนา หรือกระทำกิจกรรมอะไร(กล้อง)ก็เข้าไปมีส่วนร่วม กลายเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราว
หนังใช้เวลาถ่ายทำหกสัปดาห์ระหว่างพฤษภาคม – มิถุนายน ค.ศ. 1997 (หลังเขียนบทเสร็จก็เริ่มถ่ายทำทันที) ไม่ได้มีการระบุสถานที่แน่นอน เพียงบอกว่าเลือกใช้ย่าน Søllerød Kommune, Sjælland ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของ Copenhagen, Denmark ซึ่งในละแวกนั้นมีภัตตาคารชื่อดัง Søllerød Inn ได้รับมิชลิน 1 ดาว (ฉากในภัตตาคารหรู)
ก่อนอื่นต้องกล่าวถึง “Spassing” คือคำเรียกกิจกรรม/พฤติกรรมที่สมาชิกกลุ่ม The Idiots กระทำการกลั่นแกล้ง แสร้งว่าบ้า เล่นละคอนตบตาผู้อื่น ซึ่งมักมีลักษณะปลุกปั่น ยุแหย่ ‘provocation’ ท้าทายกฎหมาย ต่อต้านวิถีทางสังคม … การแสดงพฤติกรรมดังกล่าวก็เพื่อปกป้องตนเองจากกฎหมายบ้านเมือง รวมถึงให้ผู้อื่นบังเกิดความสงสารเห็นใจ รู้สึกกล้ำกลืน จะตำหนิต่อว่าหรือทำการโต้ตอบ มันก็ขัดต่อจิตสามัญสำนึก เลยมักยินยอมปล่อยผ่านเหตุการณ์ดังกล่าว
แต่ทุกครั้งที่ทำการ Spassing จะต้องมีอย่างน้อยบุคคลหนึ่ง “Handler” ที่เป็นคนปกติ (ไม่ได้แสร้งบ้า) สำหรับคอยควบคุม ดูแล จัดการโน่นนี่นั่น สรรหาถ้อยคำมาอธิบาย ขอโทษขอโพย พาหลบหนี เพื่อให้กิจกรรมนี้สามารถสำเร็จลุล่วงได้อย่างแนบเนียน ไร้ที่ติ
In the weeks preceding shooting we worked a great deal on the spassing, and the cast became very fond of spassing. But gradually they simply got bored if they didn’t have to spass. And as an outsider, as time goes by you become quite unaffected by spassing, whereas at first it was pretty distracting to have someone drooling down your trousers.
Lars von Trier
ตาดีได้ ตาร้ายเสีย! ระหว่างสมาชิกกลุ่ม The Idiots เข้าเยี่ยมชมโรงงานแห่งหนึ่ง ผมเลือกสองช็อตนี้ที่พบเห็นความผิดปกติบางอย่าง
- ภาพแรกมือของเจ้าของโรงงาน ทำการโอบไหล่หญิงสาว คนที่ไม่คิดอะไรมากก็คงไม่คิดอะไรมาก แต่ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้วนะครับ การกระทำเช่นนี้ถูกมองว่าเป็นการคุกคามทางเพศ ‘sexual harrasment’ เพราะทั้งสองคือคนแปลกหน้า มารยาทสังคมคือไม่ควรแตะเนื้อต้องตัว … แต่มันอาจคือวิถีของชาว Danish กระมังนะ
- ภาพสองเห็นไมค์อยู่ด้านหลัง เป็นไปไม่ได้ที่ผกก. von Trier จะไม่ทันสังเกตเห็น แต่อาจจะจงใจใส่เข้ามาเพื่อให้ผู้ชมตระหนักว่า ทั้งหมดนี้คือการแสดง
การนำพา The Idiots เข้าเยี่ยมชมโรงงานแห่งนี้ ทีแรกผมครุ่นคิดถึง The Factory ของ Andy Warhol ที่รวมกลุ่มคน ศิลปิน บุคคลผู้มีชื่อเสียง เพื่อมาทำกิจกรรมต่างๆร่วมงาน ซึ่งก็คล้ายๆแนวคิดของ Dogme 95
แต่ทว่าโรงงานแห่งนี้ทำการผลิตฉนวนใยหิน (Rockwool) สำหรับกันความร้อน ดูดซับเสียง ฯ ฟังดูเหมือนสิ่งกั้นแบ่งระหว่างภายใน-นอก สำหรับปกป้อง คุ้มครอง ฟังดูสอดคล้องกับแนวคิดของกิจกรรม Spassing
วันหนึ่งอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย อย่างไม่มีใครตั้งตัว ผกก. von Trier เดินเข้ามาบอกว่าจะถ่ายทำฉาก Sex Orgy จากนั้นเจ้าตัวก็ถอดเสื้อผ้า เปลือยกายล่อนจ้อนก่อนใคร
We’re going to be nude today and if you don’t do it now, you’re going to think about that scene all the time and won’t be able to relax.
Lars von Trier
การถ่ายทำซีเควนซ์นี้ใช้เวลาสองวัน วันแรกมีเพียงนักแสดงเข้าฉาก กอดจูบ ถอดเสื้อผ้า วิ่งเล่นบริเวณสนามหญ้า, ส่วนวันที่สองมีการว่าจ้างนักแสดงหนังโป๊มาเป็น Stand-ins เพื่อให้เห็นการร่วมเพศสัมพันธ์จริงๆ โดยจะมีนักแสดงอยู่ร่วมเฟรมนั้นๆด้วย … ตาดีได้ ตาร้ายเสีย
นัยยะของ Sex Orgy หรือ Group Sex คือการไม่ยึดติดกับรูปแบบ ธรรมเนียมปฏิบัติระหว่างสามี-ภรรยา รวมถึงแนวคิดผัวเดียวเมียเดียว การมีเพศสัมพันธ์แบบกลุ่ม โดยไม่สนว่าใครกำลังร่วมรักกับใคร สลับคู่ ชาย-หญิง หรือชาย-ชาย หญิง-หญิง จึงหมายถึงเสรีภาพทางเพศ (Sexual Freedom)
Idiocy is like hypnosis or ejaculation: if you want it, you can’t have it–and if you don’t want it, you can.
ตัดต่อโดย Molly Malene Stensgaard,
เรื่องราวนำเสนอผ่านมุมมองตัวละคร Karen เปรียบดั่งผู้ชมที่จับพัดจับพลู เข้ามารับรู้จักวิถีของกลุ่มคนแสร้งว่าบ้า ในตอนแรกก็ปฏิเสธต่อต้าน แต่หลังจากเรียนรู้แนวคิด บังเกิดความเข้าใจเบื้องหลัง ที่มาที่ไป ไม่นานก็สามารถปรับตัวยินยอมรับ กลายเป็นหนึ่งในสมาชิก
โครงสร้างดำเนินเรื่องของหนังไม่เชิงว่าสามารถแบ่งออกเป็นองก์ๆ แต่คือการนำกิจกรรมต่างๆของกลุ่มมาร้อยเรียง แปะติดปะต่อ แทรกคั่นด้วยบทสัมภาษณ์ หรือจะมองว่าทำออกมาในเชิงสารคดี
- อารัมบท, Karen แรกพบเจอสมาชิกกลุ่ม The Idiots
- ระหว่างกำลังเตร็ดเตร่ เร่รอน ตัวคนเดียว Karen พบเจอคนสติไม่สมประกอบในภัตตาคารหรูแห่งหนึ่ง
- ก่อนรับรู้ว่ากลุ่มคนเหล่านี้แสร้งทำว่าเป็นคนบ้า เพื่อรับประทานอาหารฟรี
- Karen ถูกพามายังโรงงานแห่งหนึ่ง เข้าไปทัวร์สถานที่ แล้วลักขโมยรถหลบหนี
- กิจกรรมเรื่อยเปื่อยของกลุ่ม The Idiots
- ยามค่ำคืนเล่าเรื่องรอบกองไฟ (ในบ้าน)
- เดินทางไปเล่นน้ำยังสระว่ายน้ำสาธารณะ
- ต่อด้วยเที่ยวเล่นยังอุทยาน
- วันถัดมาลุงของ Stoffer เดินทางมาเยี่ยมเยียน ถามไถ่ เมื่อไหร่จะขายบ้านหลังนี้เสียที
- สมาชิกกลุ่มนำสิ่งของไปขาย ขณะที่ Stoffer ทำการรีดไถเงิน
- มีลูกค้าเข้ามาติดต่อขอดูบ้าน แต่ถูก Stoffer หว่านล้อมจนค่อยๆหมดความสนใจ
- เพื่อนสมาชิกนำกลุ่มคนที่มีอาการผิดปกติมาเยี่ยมเยียน กลับสร้างความไม่พึงพอใจต่อ Stoffer
- Axel เดินทางไปทำงาน แต่ถูกกลั่นแกล้งโดยสมาชิก The Idiots
- Stoffer จงใจทอดทิ้ง Jeppe ให้อยู่กับคนแปลกหน้า
- ใครสักคนซื้อไข่ปลาคาร์เวียร์สุดหรู แต่พวกเขากลับกินทิ้งกินขว้าง ไม่เห็นมูลค่าของมัน
- สมาชิกหมู่บ้านส่งตัวแทนมาต่อรอง ต้องการซื้อบ้านหลังนี้ แต่ถูก Stoffer ขับไล่ ผลักไส เปลือยกาย แสร้งว่าบ้า
- วันเกิดของ Stoffer ชักชวนทุกคนร่วมเล่นเซ็กซ์หมู่ (Sex Orge)
- งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา
- ระหว่างจิบชาหน้าบ้าน บิดาของ Josephine เดินทางมาพาตัวบุตรสาวกลับบ้าน
- Stoffer แนะนำให้สมาชิกทำการทดสอบ ด้วยการหวนกลับบ้าน จากนั้นสอบถามตนเองว่ายังอยากหวนกลับมาเข้าร่วมกลุ่มอีกไหม
- Karen กลายเป็นอาสาสมัคร กลับบ้านร่วมกับ Susanne พบเห็นสภาพครอบครัว ก็คาดเดาไม่ยากว่าเธอจะตัดสินใจเช่นไร
การแทรกคั่นบทสัมภาษณ์ (คล้ายๆพวกรายการทำอาหาร Master Chef, Iron Chef ฯ) เพื่อให้ตัวละครแสดงความคิดเห็นต่อเหตุการณ์ต่างๆ มองผิวเผินอาจดูไม่จำเป็นสักเท่าไหร่ แต่หลายครั้งคือตัวช่วยอธิบายเหตุผล เบื้องหลัง ที่มาที่ไป และการรับฟังมุมมองบุคคลอื่น จักทำให้เราบังเกิดความเข้าใจรอบด้าน
สามัญสำนึกของมนุษย์ทั่วไป พฤติกรรมแสร้งว่าเป็นคนบ้า คือการโกหกหลอกลวง สำแดงความเห็นแก่ตัว เรียกร้องความสนใจ อุปนิสัยกลับกลอก ปอกลอก บุคคลสองหน้า ถือเป็นภัยคุกคาม ทำลายความน่าเชื่อถือ สังคมไม่ให้การยินยอมรับ
ในทวีปยุโรป โดยเฉพาะดินแดนแถบ Scandinavia เลื่องชื่อในสังคมประเภท ‘Commune’ ชุมชน/กลุ่มคนขนาดเล็ก (ไม่จำเป็นต้องคือเครือญาติพี่น้อง) พึ่งพาอาศัยอยู่ร่วมกันในบ้านหลังใหญ่ พวกเขาต่างซึมซับแนวคิด อิทธิพลการใช้ชีวิต ให้ความช่วยเหลือ ร่วมกันทำกิจกรรมต่างๆ ราวกับเป็นพี่น้อง ครอบครัวเดียวกัน
เรื่องราวของ The Idiots (1998) นำเสนอกลุ่มคนอาศัยอยู่ร่วมกันใน ‘Commune’ ขนาดเล็กๆ พวกเขาต่างมีพฤติกรรมต่อต้านสังคม ไม่ได้รับการยินยอมรับจากสังคม ครอบครัว ญาติพี่น้อง จึงพยายามมองหาหนทางดิ้นหลุดพ้นขนบกฎกรอบ วิถีชีวิตรูปแบบเดิมๆ ค้นหาสิ่งแปลกใหม่ที่มีความตื่นเต้น เร้าใจ พบเจอสถานที่ของตนเอง และได้รับการยินยอมรับจากผู้อื่น(สมาชิกในกลุ่ม)
พฤติกรรมแกล้งบ้าของสมาชิกกลุ่ม The Idiots เป็นสิ่งที่ผู้ชมหลายคนไม่ให้การยินยอมรับ แต่มันต่างอะไรกับอาชีพนักแสดง ผมชอบการเปรียบเทียบของนักวิจารณ์ Peter Bradshaw ถึงการแสดงของ Daniel Day-Lewis ในภาพยนตร์ My Left Foot (1989) รับบทเป็นคนพิการที่ทำได้เพียงขยับขาวาดรูป แล้วสามารถคว้ารางวัล Oscar: Best Actor … มันต่างอะไรจากการแสร้งเป็นคนบ้า?
ใจความของหนังมันไม่ใช่เรื่องแสร้งบ้า-ไม่บ้า แต่คือการค้นหาสถานที่พึ่งพักพิงสำหรับบุคคลผู้มีปัญหา Karen เพิ่งสูญเสียบุตรได้ไม่นาน ตกอยู่ในสภาพท้อแท้สิ้นหวัง ไม่รู้จำอะไรยังไง ดำเนินไปอย่างไร้เป้าหมาย จนกระทั่งได้พบเจอกลุ่ม The Idiots แม้เธอจะไม่ได้เข้าร่วมในทุกกิจกรรม แต่ก็ได้เรียนรู้ เปิดมุมมองโลกทัศน์ใหม่ เข้าใจความหมายชีวิต สามารถหวนกลับไปเผชิญหน้าครอบครัว ก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาอันเลวร้าย
เหตุผลที่ผกก. von Trier เหมารวม The Idiots (1998) เป็นหนึ่งใน ‘Golden Heart trilogy’ ทั้งๆหญิงสาว Karen อาจไม่ได้ดูมีจิตวิญญาณอันเข้มแข็ง เสียสละตนเองเพื่อผู้อื่น แต่เธอค่อยๆลุกขึ้นยืนด้วยลำแข้งตนเอง จนสามารถหวนกลับไปเผชิญหน้าครอบครัว ท้าพิสูจน์ตนเอง (ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ จิตวิญญาณอันเข้มแข็ง) และก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาอันเลวร้ายได้สำเร็จ
มันมีสำนวนของฝรั่ง “once you go black, you never go back” สามารถอธิบายสิ่งบังเกิดขึ้นกับ Karen เมื่อได้พบเจอกลุ่ม The Idiots ทำให้ชีวิตเธอผันแปรเปลี่ยนชั่วนิรันดร์ … เฉกเช่นเดียวกับผู้ชมที่ได้ดูภาพยนตร์ The Idiots (1998) ก็อาจมีมุมมอง ทัศนคติ วิธีคิดเกี่ยวกับชีวิต ปรับเปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน!
แม้ผมเพิ่งมีโอกาสรับชมภาพยนตร์ของ Dogme 95 แค่เพียงสองเรื่อง แต่ก็ไม่คิดว่าจะมีผลงานอื่นไหนจะสามารถถ่ายทอดจิตวิญญาณของกลุ่มมากไปกว่า The Idiots (1998) นำเสนอผ่านสายตาคนนอกมองเข้ามา พบเห็นพฤติกรรมบ้าๆบอๆ แสร้งว่าสูญเสียสติแตก กระทำสิ่งสังคมไม่ให้การยินยอมรับ ขัดต่อขนบกฎกรอบ ธรรมเนียมประเพณี (เหมือนจะ)ก้าวล้ำเส้นแบ่งความเหมาะสม ถึงอย่างนั้นถ้ามันสามารถตอบสนองความต้องการของคนบางคน ภาพยนตร์เรื่องนี้/กลุ่มเคลื่อนไหวนี้ ก็ถือว่าทรงคุณค่าแล้วละ!
เข้าฉายรอบปฐมทัศน์ยังเทศกาลหนังเมือง Cannes ได้รับเสียงโห่ไล่ ผู้ชมมากมายตะโกนด่าภาษาฝรั่งเศส “il est merde!” (แปลว่า This is Shit) แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อดินทางไปฉายตามเทศกาลหนังทั่วโลก ได้รับรางวัลน้อย-ใหญ่ติดมือกลับมามากมาย และภายหลังหนังได้รับการโหวตติดอันดับ #76 จากนิตยสาร Empire: The 100 Best Films of World Cinema (2010)
ปัจจุบันหนังได้รับการบูรณะ ‘digital restoration’ คุณภาพ 4K ผ่านการตรวจอนุมัติโดยผกก. von Trier เสร็จสิ้นเมื่อปี ค.ศ. 2023 รวบรวมอยู่ในคอลเลคชั่น Lars Von Trier: A Curzon Collection Blu-ray ทั้งหมด 16 เรื่อง
The Idiots (1998) เป็นภาพยนตร์ที่ถ้าไม่ชื่นชอบหลงใหล ก็อาจรังเกียจขยะแขยง ขึ้นอยู่กับว่าคุณสามารถครุ่นคิดทำความเข้าใจพฤติกรรมแสดงออกของตัวละคร เอาใจเขามาใส่ใจเรามากน้อยแค่ไหน เห็นด้วย-ต่อต้าน ล้วนคือความงดงามของสื่อภาพยนตร์
จัดเรต NC-17 เพราะความบ้าบอคอแตก แสร้งว่าบ้า เพศสัมพันธ์หมู่ คาบเกี่ยวเส้นแบ่งความเหมาะสม
Leave a Reply