La Belle Noiseuse

La Belle Noiseuse (1991) French : Jacques Rivette ♥♥♥♥◊

หนังเรต 18+ การันตีด้วยรางวัล Grand Prix จากเทศกาลหนังเมือง Cannes เรื่องราวของนักวาดรูปเปลือย (Nude) ที่ต้องการสร้างสรรค์ผลงาน masterpiece ชื่อ La Belle Noiseuse เมื่อเขาได้พบหญิงสาวที่ยอมเป็นนางแบบให้ กระบวนการวาดภาพทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบจึงเริ่มขึ้น

อย่าตัดสินหน้าหนังเมื่อเห็น 18+ ปุ๊ปแล้วคิดว่ามันต้องเป็นหนังแบบนั้นแน่ๆ นี่เป็นหนังที่ได้ไปฉายเทศกาลหนังเมือง Cannes และได้รางวัลที่ 2 (Grand Prix) เป็นรองเพียง Palme d’Or เท่านั้นนะครับ แสดงว่าถึงมันจะ 18+ แต่ก็ต้องมีอะไรดีแน่ๆ ถึงได้รับคำชมขนาดนี้

ตอนที่ผมค้นหาหนังแนว Painter ก็ไปสะดุดตากับโปสเตอร์หนังเข้า แค่เห็นก็รู้ได้เลยว่าต้อง 18+ เกี่ยวกับวาดรูป ต้องเป็นภาพ Nude นางแบบเปลือยทั้งเรื่องแน่ๆ หน้าหนังแบบนี้ยังกับหนังเกรด B ที่ไม่น่าจะมีคุณภาพเท่าไหร่ แต่ไฉนคะแนน IMDB กลับค่อนข้างสูง (7.8) เว็บมะเขือเน่าให้ 100% -23 รีวิว เอาว่ะ! ต้องลองสักหน่อย พอโหลดเสร็จเช็คความยาว 237 นาที เกือบๆ 4 ชั่วโมง แม่จ้าว … จะไหวไหมนี่, อย่าตัดสินหนังว่าไม่ดีจนกว่าจะดูจบนะครับ ผมดูหนังเรื่องนี้ผ่านชั่วโมงแรกก็พอมีความสวยงามอยู่บ้าง แต่ยังจับประเด็นอะไรไม่ได้ และความช้าของมันทำเอาผมเกือบจะยอมแพ้ พอกระทั่งได้ยินคำว่า La Belle Noiseuse ภาพวาดนู้ดที่ตั้งใจให้เป็น masterpiece กำลังใจเริ่มมา ยังทนดูต่อไปได้อีกนิด แต่พอเริ่มจะวาดรูปเท่านั้นละ เห้ย! นี่หนังมันจะถ่ายให้เราเห็นกระบวนการวาดภาพตั้งแต่ต้นจนจบไม่มีตัดเลยเหรอ … ใช่ครับ นี่คือเหตุผลที่หนังยาว 4 ชั่วโมง ประมาณสักกลางเรื่องผมก็สลบไสล สิ้นสติสมประดี ยอมแพ้ไปเรียบร้อย

ผมไปหาอ่านบทวิจารณ์หนัง พบว่า Roger Ebert จัดหนังเรื่องนี้ให้เป็น Great Movie ก็แปลกใจมากๆ เพราะถึงระดับ Ebert บอกว่าเป็นหนังยอดเยี่ยม แสดงว่าต้องมีอะไรดีแน่ๆ มีคำพูดประโยคหนึ่งของ Ebert ที่ทำให้ผมฝืนใจกลับไปทนดูต่อ ขณะดูหนังผมร่วมรับความทรมานจากการต่อสู้ระหว่างนางแบบกับนักวาด ผลลัพท์มันเกินความคาดหมาย “I have shared that combat and that bond in that studio, and its devastating outcome.”, ความทรมานในการดูหนังเรื่องนี้ อยู่ในระดับที่ “ข้ามๆไปบ้างก็ได้ ไม่ได้อยากรู้ทั้งหมด” มันมีหนังเวอร์ชั่นที่ผู้กำกับ Jacques Rivette ตัดต่อเหลือความยาว 125 นาทีเพื่อฉายในอเมริกา ใช้ชื่อ La Belle Noiseuse: Divertimento ถ้าคิดว่าทนไม่ไหวจริงๆหนีไปดูเวอร์ชั่นนั้นก็ได้ แต่ผมต้องบอกไว้เลยว่า เวอร์ชั่น 4 ชั่วโมงนี่สุดยอดจริงๆครับ ทนมันไปเถอะครับคุ้มค่าแน่นอนๆ เพราะเมื่อถึงจุดๆหนึ่ง ที่คุณเริ่มเคยชินกับการวาดภาพและนางแบบที่โป๊เปลือย อะไรๆก็จะเร็วขึ้น มีประเด็นหลายอย่างน่าสนใจ ไปๆมาๆจะรู้สึกไม่อยากให้วาดภาพเสร็จ ไม่อยากให้หนังจบ ครั้งล่าสุดที่ผมรู้สึกแบบนี้ คือตอนดู Andrei Rublev (1966) ซึ่งเป็นหนังเกี่ยวกับ painter เหมือนกันด้วยสิ

Jacques Rivette หนึ่งในผู้กำกับยุค French New Wave ก่อนเป็นผู้กำกับเคยเป็นนักวิจารณ์มาก่อน ได้แรงบันดาลใจในการเป็นผู้กำกับจาก Jean Cocteau (La Belle Et La Bête – 1946) สไตล์ของเขาคือโคตร long-take ว่าไปน่าจะยาวกว่า Andrei Tarkovsky แต่ไม่รู้ถึง Béla Tarr หรือเปล่านะ (ผมยังไม่หาญกล้าพอดูหนังของ Béla Tarr นะครับ) หนังเรื่อง Out 1 (1971) ความยาว 773 นาที (12 ชั่วโมงกว่าๆ) มีคนถาม Rivette ว่าทำไมหนังของเขาถึงยาวจัง ตอบว่าบางทีมันก็เป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องลากเรื่องไปยาวๆ เพื่อตอนกลับจะได้สั้นๆ “Sometimes it is necessary to go a very long distance out of your way in order to come back a short distance correctly”

La Belle Noiseuse ดัดแปลงจากเรื่องสั้นชื่อ Le Chef-d’œuvre inconnu (The Unknown Masterpiece) ของ Honoré de Balzac ซึ่งตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ L’Artiste เมื่อสิงหาคม 1831 ครั้งแรกใช้ชื่อ Maître Frenhofer (Master Frenhofer) เป็นเรื่องราวของ Nicolas Poussin (หนึ่งในนักวาดภาพชื่อดังแห่งยุค) กับอาจารย์ Frenhofer ที่เป็นนักวาดภาพชื่อดัง ได้ไปเยี่ยมเยือน Frans Pourbus ที่เพิ่งวาดภาพ Mary of Egypt เสร็จ Frenhofer ได้วิจารณ์ภาพวาด โดยรู้สึกว่ายังเหมือนมีอะไรบางอย่างขาดหายไป ทำให้เขานึกถึง La Belle Noiseuse ที่เขาวาดภาพในหัวไว้เมื่อ 10 ปีก่อนแล้วแต่ยังไม่สามารถวาดออกมาได้ Poussin จึงเสนอให้ Gillette แฟนสาวของเขาเป็นนางแบบให้ ตอนจบเมื่อ Poussin กับ Pourbus ได้เห็นภาพวาดก็เกิดความผิดหวัง ทำให้ Frenhofer เกิดความบ้าคลั่ง ทำลายรูปภาพและเสียชีวิตในคืนนั้น

เรื่องนี้เป็นเรื่องแต่งนะครับ Frenhofer ไม่ได้มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ แต่ตัวละครอื่นมีจริง Nicolas Poussin และ Frans Pourbus เป็นนักวาดภาพชื่อดังแห่งยุค มีนักวิเคราะห์มองว่า Frenhofer มีความใกล้เคียงกับ Paul Cézanne นักวาดภาพที่ Matisse และ Picasso ขนานนามให้ว่า “is the father of us all.” ซึ่งครั้งหนึ่งเห็นว่า Cézanne เคยมีความพยายามวาดภาพเปลือย แต่ไม่มีหลักฐานอะไรเหลือไว้, ครั้งหนึ่ง Picasso ได้อ่านเรื่องสั้นนี้แล้วมีความชื่นชอบ Frenhofer อย่างมาก เขาย้ายไปอยู่ Grands-Augustins ใน Paris ที่ซึ่งสถานที่ที่ทำงานของ Porbus ตั้งอยู่ ซึ่งเขาก็ได้วาดภาพ Masterpiece ขึ้นชื่อ Guernica (ลองไปค้นหาดูภาพนี้ใน google เอาเองนะครับ)

Le Belle Noiseuse แปลว่า The Beautiful Nuisance ความสวยงามที่น่ารำคาญใจ หรือความสวยงามที่อยู่ข้างในจิตใจ ในหนัง Noiseuse เป็นคำที่ได้แรงบันดาลใจมาจากโสเภณีชื่อ Catherine Lescault ซึ่งมีแซวกันเล่นๆว่า Noiseuse มาจาก Noise, Nuts

นำแสดงโดย Michel Piccoli หนึ่งในนักแสดงโคตรสำคัญของฝรั่งเศส ปัจจุบัน (2016) อายุ 90 แล้วยังมีชีวิตอยู่ หนังดังๆของปู่อาทิ Le Mépris (1963) ของ Jean-Luc Godard, Topaz (1969) ของ Alfred Hitchcock, A Leap in the Dark (1980) ทำให้ได้ Best Actor จากเทศกาลหนังเมือง Cannes, Strange Affair (1981) ทำให้ได้ Silver Bear for Best Actor จากเทศกาลหนังเมือง Berlin, กับบท Frenhofer ตาแก่เฟอะฟ่ะ ตัณหากลับ ถึงภายนอกจะดูเงอะงะยังไง แต่เวลาวาดภาพ คนที่ดูภาพวาดไม่เป็น (อย่างผม) ยังรู้สึกได้ว่า มันยอดเยี่ยมจริงๆ สายตาของเขาดูเหมือนผ่านโลกมามาก มีช่วงหนึ่งที่คนดูคงสงสัยว่า หมอนี่มัน master จริงหรือเปล่า แต่ดูคนอย่าดูแค่ที่หน้านะครับ มันต้องดูข้างใน, ฉากที่ต้องเห็นมือวาดภาพ ใช้บริการของ Bernard Dufour นักวาดภาพ erotic ชื่อดังของฝรั่งเศส

Emmanuelle Béart แปลกนะครับ ปกติผู้หญิงที่เปลือยตัวในระดับสุดๆแบบนี้ มักจะถูกตั้งข้อครหาจนเสื่อมเสีย ความนิยมก็จะลดต่ำลงเรื่อยๆจนกลายเป็นดาวดับแสง แต่ไม่ใช่กับ Béart หลังจากหนังเรื่องนี้เธอกลับยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ บางคนอาจจะจำได้ จาก Mission: Impossible (1996), เราจะเห็นพัฒนาการของตัวละครนี้ขึ้นเรื่อยๆ จากทีตอนแรกๆต่อต้านและทำไปเพื่อประชดแฟนหนุ่ม จากนั้นก็เริ่มเปิดใจรับ (แฟนหนุ่มเริ่มกลายเป็นตัวประกอบ) ภายหลังเธอเริ่มเข้าใจ มีความสมัครใจ สุดท้ายเพื่อให้ได้ที่สุดออกมา เธอผลักดัน Frenhofer ที่เกือบจะยอมแพ้แล้วให้กลับมาสร้างผลงานให้สำเร็จ, ตอนที่เธอเปลือยครั้งแรก ผมรู้สึกรูปร่างเธอดูแปลกๆ ดูไม่สมส่วนเท่าไหร่ แต่พอการวาดดำเนินไปเรื่อยๆ มันมีบางมุมที่ดูดี ยิ่งตอนท้ายๆที่พอเธอเปิดใจรับความทรมานแล้ว หุ่นเธอจะดูดีมากๆ ไม่รู้ผมคิดไปเองหรือเปล่า

แรกๆเราอาจจะตื่นเต้นที่เห็นหญิงสาวสวยเปลือยกายในหนัง แต่พอเห็นดูไปเรื่อยๆ จะเริ่มเคยชิน จากนั้นก็จะเริ่มเบื่อและทรมาน เมื่อถึงจุดๆหนึ่งจะรู้สึกอึดอัด ถ้าทนต่อไปอีกนิดก็จะเริ่มเข้าใจว่าการจะสร้างงานศิลปะไม่ใช่เรื่องง่ายเลย โดยเฉพาะภาพเหมือน (portrait) ทั้งคนวาดและต้นแบบ ถ้าต้องการให้ได้ภาพที่เป็นที่สุดจริงๆ ไม่รู้ต้องวาดกี่ภาพ กี่มุม ลองผิดลองถูกกี่ครั้งถึงจะวาดสำเร็จ ต้นแบบก็ต้องใช้ความอดทนอย่างมาก ถ้าแค่นั่งเฉยๆก็คงไม่อะไรหรอก แต่ต้องบิดไปมาแบบแล้วค้างไว้นี่สิ ตะคริว แขนขาชา หายใจไม่ออก (สมัยก่อนเห็นว่าจับมัดต้นแบบไม่ให้ดิ้นหรือเคลื่อนไหวเลย-โคตร sadist) บุหรี่สักมวนยังไม่ได้รับอนุญาติให้สูบ ทำเอาคนดูทรมานไปด้วย ใครดูหนังเรื่องนี้แล้วเชื่อว่าคงไม่มีใครอยากเป็นนางแบบ นายแบบวาดรูปเป็นแน่

ถ่ายภาพโดย William Lubtchansky สวยงามมากๆ โดยเฉพาะการเคลื่อนกล้องที่มีความลื่นไหล ตัดต่อโดย Nicole Lubtchansky (สองคนนี้เคยแต่งงานกันและหย่ากัน) ซึ่งสามารถรับส่งแต่ละฉากได้เข้าขากันมากๆ (ตอนนั้นสงสัยยังเป็นสามีภรรยากันอยู่) สำหรับฉากที่มีการตั้งกล้องไว้เฉยๆ มีเลือกมุมได้น่าสนใจมากๆ ในบางครั้งเราจะเห็นแต่มือที่กำลังวาดรูป (ถ่ายข้ามไหล่), บางครั้งเราจะเห็นแต่คนวาด ไม่เห็นรูป, บางครั้งเห็นทั้งนางแบบและภาพที่กำลังวาด, และหลายครั้งเห็นอาการบิดไปบิดมาของนางแบบที่อดทนอดกลั้นต่อความเจ็บปวด

หนังเรื่องนี้ไม่ถือว่ามีเพลงประกอบนะครับ เพราะใช้การเรื่องราวดำเนินแบบสมจริง Realistic เหตุการณ์ในหนังเกิดขึ้นต่อเนื่องประมาณ 4-5 วัน มีตัดสลับเหตุการณ์บ้าง แต่ไม่มีช่วงเวลาคาบเกี่ยวกัน เพลงประกอบจะได้ยินเพลงเฉพาะที่เปิดจากวิทยุ หรือตัวละครร้องฮัมขึ้นมาเท่านั้น, Sound Effect นี่สิจัดเต็ม เสียงคอแร้งกรีดกระดาษ, พู่กันลงสี, ชอล์ก ถ่านขูดกระดาษ ฯ Sound Effect ดังชัดกว่าเสียงพูดคุยอีก นั่นเพราะผู้กำกับต้องการให้ผู้ชมได้สัมผัสกับการสร้างงานศิลปะ ภาพวาดอย่างเต็มที่ ไม่มีเสียงรบกวนอื่นเลย

Frenhofer วาดอะไร? ปกติแล้วการดูภาพวาดดังๆ มันจะมีใจความบางอย่างให้เราศึกษาเข้าใจได้ เช่น ภาพนี้มีแรงบันดาลใจอะไร สร้างขึ้นที่ไหน แสดงความรู้สึกยังไง การใช้เส้น ปากกา สี ประเภทกระดาษ ฯ เพื่ออะไร และสไตล์ของนักวาดมีลักษณะใด, ส่วนตัวผมสามารถวิเคราะห์สไตล์ของนักวาดภาพดังๆหลายคนได้ อาทิ Van Gogh, Picasso ฯ แต่กับ Frenhofer ถ้าเอาภาพมาให้ผมดูเลยก็คงส่ายหัว ไม่เข้าใจว่าใจความของภาพคืออะไร แต่หนังเรื่องนี้มีการอธิบายออกมาเป็นคำพูดให้คนที่ไม่มีความรู้เรื่องศิลปะเลยสามารถเข้าใจได้ นี่เจ๋งมากๆ, ภาพวาด La Belle Noiseuse นั้นมีภาพเดียวเท่านั้น ทุกครั้งที่วาดภาพหนึ่งเสร็จ Frenhofer จะมีความรู้สึกว่า ตนสามารถทำได้ดียิ่งกว่านี้ เขาจึงพัฒนาฝีมือ รับความเสี่ยงขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงภาพสุดท้าย นั่นคือ La Belle Noiseuse ที่แท้จริง (ภาพที่ถูกเทปูนทับไป) ภาพวาดนับสิบก่อนหน้านั้น ไม่ถือว่าเป็น La Belle Noiseuse นะครับ ผมก็ไม่รู้ในภาษาของเด็กศิลป์เขาเรียกว่าอะไร มันคงเป็นการทดลองวาด ลองผิดลองถูก ฯ ในหนังเราจะเห็นพัฒนาการของ Frenhofer เริ่มจากวาดภาพในสมุด ใช้คอแร้งจิ้มหมึกดำ จากนั้นก็เริ่มวาดในกระดาษ ใช้พู่กัน ใช้ชอล์ก ใช้ถ่าน ใช้สี ใช้น้ำมัน ฯลฯ สำหรับนางแบบ ท่าที่เป็นแบบแรกๆก็ยังดูธรรมดา เป็นธรรมชาติ จากนั้นก็เริ่มบิดซ้ายขวา ต้องแน่น ต้องรัด สิ่งที่ต้องการอยู่ภายใต้เนื้อหนัง โครงกระดูก กล้ามเนื้อ เส้นเลือด เส้นเอ็น ฯ นี่คือใจความของภาพวาดและเป็นใจความของหนังด้วยนะครับ สิ่งที่เราเห็นด้วยตา มันอาจสวยงาม แต่สิ่งที่อยู่ข้างในมันคือความลึกซึ้ง

เหตุที่ La Belle Noiseuse ถือว่าเป็น Masterpiece เพราะมันวาดภาพออกมาจากข้างใน ไม่ใช่ภายนอกของนางแบบ ซึ่งภาพเป็นยังไงไม่มีใครรู้ หนังมีแค่คำอธิบายว่า “A thing was Cold and Dry” เราไม่ได้เห็นอะไรเลย (ทำเป็น MacGuffin ไปเสียงั้น) แต่การไม่เห็นภาพ ทำให้ผมรู้สึกว่ามันทำให้หนังกลายเป็น Masterpiece ไปเลย เพราะมันกลับกัน รูป La Belle Noiseuse ต้องใช้ใจมอง ใจเราเห็นหรือเปล่า ถ้าใจไม่เห็น ตาก็ไม่เห็นนะครับ

การที่ตัวละครของ Emmanuelle Béart เกิดความกลัว เพราะภาพวาดนั้นมันคือสิ่งที่อยู่ข้างใน เป็นตัวตนของเธอจริงๆ นี่ทำให้ผมเข้าใจเหตุผลที่ Frenhofer ไม่อยากวาดภาพของแฟนสาวตัวเองเมื่อ 10 ปีก่อน เพราะถ้าเขาวาดสำเร็จ ภาพวาดนั้นจะเป็นเหมือนกับภาพนี้ที่แสดงข้างในจิตใจของแฟนสาวเขาออกมา มันอาจทำให้เขาไม่สามารถรักเธอได้อีก เพราะต้องเลือกระหว่างจะรักเธอหรือรักภาพนี้มากกว่า (ทั้งสองภาพคือตัวตนของคนๆเดียวกัน) ซึ่งตอนนั้น Frenhofer เลือกรักเธอมากกว่าที่จะวาดภาพข้างในเธอออกมา, การได้คนอื่นมาเป็นแบบให้ มันทำให้ Frenhofer ไม่ต้องวิตกว่าภาพที่ออกมามันจะทำลายจิตใจของใคร กระนั้นมันก็ทำร้ายจิตใจของนางแบบอยู่ดี นี่น่าจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่งด้วยที่ว่าทำไมถึงห้ามวาดหน้า ผมคิดว่ามีความเป็นไปได้ว่าภาพ La Belle Noiseuse อาจจะมีใบหน้าของเธอวาดอยู่ด้วย ซึ่งใครก็ตามที่เห็นจะรู้ว่า นี่เป็นรูปวาดของใคร และภาพมันสื่อถึงจิตใจข้างในตัวตนของเธอว่าเป็นอย่างไร เพราะถ้าเป็นโครงร่างเฉยๆ (แบบภาพที่เห็นในตอนจบ) เธอคงไม่เกิดความกลัวขนาดนั้น

ภาพวาดที่เราเห็นตอนสุดท้ายมันคืออะไรกัน ผมรู้สึกเหมือนโดนประชดนะครับ เพราะมันคือภาพเปลือย จริงๆ ไม่มีหัว ไม่มีแขน ไม่มีขา ไม่มีตัวตน เป็นเนื้อ หนัง มัง สา แท้ๆ ไม่มีใจความอะไรอยู่ข้างในเลย ตอนผมเห็นร้องออกมาว่า อะไรฟร่ะ! นี่หรือคือ masterpiece ผมไม่สามารถอธิบายความหมายของภาพนี้ เพราะไม่เข้าใจว่ามัน masterpiece ยังไง ใครบอกได้ช่วยไขให้ผมกระจ่างทีนะครับ

คนจะดูหนังเรื่องนี้ได้ต้องใจเย็นพอสมควร มีเวลา ให้โอกาส และเปิดใจให้กว้าง ผมเองบอกตามตรงไม่คิดว่าหนังจะยอดเยี่ยมได้ขนาดนี้ ตอน Andrei Rublev ก็เช่นกัน ผมเกือบจะหยุดดูตั้งแต่เรื่องที่ 2 แต่พอถึงเรื่องที่ 3 มันมีอะไรบางอย่างที่ดึงผมเอาไว้ ลากยาวไปถึงตอนจบก็แบบว่า อ้าปากค้าง พูดไม่ออก หนังมันสุดยอดไปเลย!!! หนังเรื่องนี้อาจไม่ได้มีตอนจบที่ถึงขนาดนั้น แต่ใจความหลายๆอย่างมันเก็บสะสมมาเรื่อยๆ ถ้าเผลอกดข้ามเมื่อไหร่จะพลาดอะไรสำคัญๆบางอย่างไป ถ้าคุณสามารถทนได้ก็ทนไปเลยครับ 4 ชั่วโมง ครั้งหนึ่งในชีวิต ซึ่งเมื่อผ่านครั้งแรกไปเชื่อว่าต้องมีรอบ 2-3 ต่อแน่นอน

ผมไม่มีความเชี่ยวชาญด้านการวาดรูปเลยนะครับ ดูตอนเขาวาดรูปก็ไม่ได้เข้าใจอะไร ไม่รู้ว่าเทคนิคพวกนี้คืออะไร ทำเพื่ออะไร มีประโยชน์อะไร แต่ผมสามารถเข้าใจจุดมุ่งหมายของศิลปิน เข้าใจภาพวาดนี้ได้เพราะหนังมีการนำเสนอที่ยอดเยี่ยมมากๆ ผมดูภาพเปลือยไม่เป็น ดูหนังจบก็ยังดูไม่เป็น แต่ก็พอเข้าใจศาสตร์และศิลป์ประเภทนี้ ความสวยงามของมันไม่ใช่แค่เปลือกนอก แต่คือสิ่งที่อยู่ข้างใน เมื่อใดที่มีคนสามารถนำเสนอออกมาข้างนอกได้ นั่นแหละครับที่เรียกว่า Masterpiece

หนังเรื่องนี้ 18+ แน่นอน แต่แค่เรต R พอนะครับ ไม่ถึงกับ NC-17 เพราะมันไม่ได้มีฉากรุนแรงอะไร แค่โป๊เปลือย ดูแล้วไม่น่าเกิดอารมณ์อะไร (ในฝรั่งเศสจัดเรต 15+ เท่านั้น) แนะนำกับเด็กสถาปัตย์ เรียนศิลป์ นักวาดรูปทั้งหลาย นี่เป็นหนังที่ “ต้องดู” เลย สำหรับคนชอบหนังดีๆ ใช้ความอดทนสักหน่อยคุณต้องชอบหนังเรื่องแน่ ไม่แนะนำกับพวกมือถือสาก และนักดูหนังรุ่นใหม่ที่ปากคาบสายสินธุ์แต่ใจคิดอย่างอื่น

TAGLINE | “La Belle Noiseuse โดยผู้กำกับ Jacques Rivette ใจความของภาพเปลือยไม่ได้อยู่ที่เนื้อหนังภายนอก แต่อยู่ในกระดูก เส้นเอ็น ลึกเข้าไปในจิตใจของคน”
QUALITY | RARE-GENDARY
MY SCORE | LOVE 

1
Leave a Reply

avatar
1 Comment threads
0 Thread replies
0 Followers
 
Most reacted comment
Hottest comment thread
0 Comment authors
Best of Painter & Artist Films | RAREMEAT BLOG Recent comment authors

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.

  Subscribe  
newest oldest most voted
Notify of
trackback

[…]  La Belle Noiseuse (1991)  : Jacques Rivette ♥♥♥♥◊ ถ้าอยากดูจิตรกรขณะสร้างสรรค์ผลงาน ต้องดู La Belle Noiseuse แม้งานศิลปะจะเป็นภาพเปลือย แต่วิธีการนำเสนอของ Jacques Rivette จะทำให้คุณคลั่งไคล้และหลงใหลกับเข้าใจความสวยงามที่อยู่ภายในมากกว่าเรือนร่างของผู้มาเป็นแบบ, เชื่อว่าหลายคนอาจจะทนกับความยาวของหนังไม่ได้ กด fast forward ไปก็ได้สำหรับคนที่ไม่อยากรอ แต่อย่าพลาดกดข้ามช่วงสนทนาแม้แต่น้อย เพราะมันสอดแทรกประเด็นที่เป็นใจความสำคัญของหนังอยู่เรื่อยๆ […]

%d bloggers like this: