Broadcast News (1987) hollywood : James L. Brooks ♥♥♥♥

หลังจากที่ Network (1976) ตีแผ่เสียดสีเบื้องหลังวงการโทรทัศน์อย่างเสียๆหายๆ Broadcast News (1987) นำเสนอในสิ่งตรงกันข้าม ความ ‘romance’ ของอาชีพนักข่าว คนเบื้องหลัง และการเร่งทำงานให้เสร็จทัน Deadline, เข้าชิง Oscar ถึง 7 สาขา แม้ไม่ได้รางวัลอะไร แต่นักแสดงนำ Holly Hunter ก็คว้า Silver Bear: Best Actress จากเทศกาลหนังเมือง Berlin, “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย”

อาชีพนักข่าว อาจเป็นความฝันของใครหลายๆคนตั้งแต่เด็ก บางคนไม่ได้คิดอยากเป็นหรอก แค่ใช้เป็นทางผ่าน (สู่ความสำเร็จ) บังเอิญสอบติด หรือสมัครงานได้ก็เลยลองดู แต่ส่วนใหญ่เมื่อหลงเข้าสู่วงการนี้แล้ว ชีวิตของเขาก็จะเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง

คงเพราะนี่เป็นอาชีพที่ต้องใช้ ‘พลัง’ ในการขับเคลื่อนชีวิตมากๆ โดยเฉพาะกำหนดส่ง Deadline ราวกับชีวิตเฉียดเส้นตาย มันทำให้ผู้คนถึงระดับบ้าคลั่งเสียสติแตกกันเลยทีเดียว ด้วยเหตุนี้มันจึงมีมนต์เสน่ห์ดึงดูดบางอย่างที่ทำให้ใครก็ตามเมื่อหลงเข้ามาแล้ว จะตกหลุมรักคลั่งไคล้เลิกไม่ได้ ราวกับคนเสพยา

Broadcast News เป็นภาพยนตร์ที่ทำให้ผม ‘ฟิน’ มากๆ และเกิดการปรับเปลี่ยนทัศนคติที่เคยมีต่อวงการโทรทัศน์ หลังจากถูก Network ทำลายความเชื่อมั่นอย่างย่อยยับป่นปี้ ให้หวนกลับมาเกิดความเคารพยกย่องนับถือ คนดีก็มีอยู่ในสังคมใช่ว่าจะอุดมแต่นายทุนหน้าเลือดสนแต่เงิน, คงเพราะด้านโรแมนติกที่หนังใส่เข้ามาด้วยกระมัง ไม่ใช่แค่ความกุ๊กกิ๊กน่าชังของรักสามเส้า ชาย-หญิง-ชาย แต่ยังสะท้อนความ ‘Romance’ ของคนทำงานอาชีพสายนี้

James Lawrence Brooks (เกิดปี 1940) นักเขียน/ผู้กำกับสัญชาติอเมริกัน เกิดที่ Brooklyn, New York, ในครอบครัวเชื้อสาย Jews เพราะพ่อทิ้งไปตั้งแต่ยังไม่เกิด อาศัยอยู่กับแม่ด้วยชีวิตสุดยากลำบาก เอาตัวรอดด้วยการเขียนส่งเรื่องสั้นตลกๆให้หนังสือพิมพ์ เรียนไม่จบ New York University เพราะไม่มีเงิน แต่ได้งานเป็นนักเขียนข่าวที่ CBS New Broadcasts ระหว่างนั้นก็เขียนบทละคร ซีรีย์ The Mary Tyler Moore Show (1970 – 1977) คว้ารางวัล Emmy หลายครั้งทีเดียว, สู่วงการภาพยนตร์เมื่อปี 1978 เริ่มจากเขียนบท Starting Over (1979) ให้ Alan J. Pakula, กำกับเองเรื่องแรก Terms of Endearment (1983) กวาด Oscar ถึง 5 สาขารวมถึง Best Picture และ Best Director, ผลงานเด่นอื่นๆ อาทิ Broadcast News (1987), As Good as It Gets (1997), เขียนบท The Simpsons Movie (2007) ฯ

หลังจากคว้า Oscar มาแบบสดๆร้อนๆจาก Terms of Endearment เจ้าตัวมีความวิตกกังวลในผลงานถัดไปพอสมควร

“There’s a danger of being seduced into being self-conscious, of being aware of your ‘career’. That can be lethal.”

ความหวาดหวั่นกลัวที่จิตสำนึกของตนเอง จะหลงระเริงไปกับความสำเร็จนั้นจนทำลายอาชีพการงาน เขาจึงแปรสภาพความสับสนว้าวุ่นวายใจนั้น ให้กลายเป็นภาพยนตร์เรื่องถัดไป Broadcast News และยังเหมารวมใส่เหตุการณ์สำคัญๆหลายสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นในทศวรรษ 80s รวบเข้าไปด้วย

“One of the things you’re supposed to do every once in a while as a filmmaker is capture time and place. I was just glad there was some way to do it in a comedy.”

สมัยที่ Brooks ทำงานที่ CBS News ได้มีโอกาสรู้จัก Susan Zirinsky โปรดิวเซอร์ข่าวสาวไฟแรง กลายเป็นเพื่อนสนิท ชักชวนมาร่วมพัฒนาบทภาพยนตร์เรื่องนี้ โดยอ้างอิงเรื่องราวส่วนตัวของเธอมาใช้ ซึ่ง Zirinsky ยังได้ช่วยเหลือเตรียมตัวนักแสดงนำ Holly Hunter ตัดผมบ็อบ มอบเสื้อผ้าให้สวมใส่ (ทั้งสองไซส์เดียวกัน)

ลักษณะการเขียนบทของ Brooks รับอิทธิพลมาจากประสบการณ์ทำงานพัฒนาบทซีรีย์โทรทัศน์ คือไม่ได้มีตอนจบตั้งแต่แรกในใจ ให้เรื่องราวที่พัฒนาไปเรื่อยๆเป็นตัวบ่งชี้ชักนำเหตุการณ์และบทสรุป ด้วยเหตุนี้ตอนเริ่มถ่ายทำ นักแสดงยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าสุดท้ายแล้วตัวละครของตนจะได้ลงเอยกับใคร จึงต้องพยายามมอบโอกาสทั้งสองในรักสามเส้าพอๆกัน และตอนจบเห็นว่ามีการถ่ายทำไว้ 2-3 แบบ แล้วผู้กำกับค่อยไปตัดสินเลือกเองว่าจะให้หนังจบเช่นไร

Jane Craig (รับบทโดย Holly Hunter) โปรดิวเซอร์สาวสังกัด Basket-Case Network เป็นคนที่มีความสามารถในการทำงานสูง แต่เพราะชีวิตยังโสดไร้ที่พึ่งพักพิงทำให้อ้างว้างโดดเดี่ยวเดียวดาย แม้จะมีเพื่อนสนิทร่วมงานขาประจำ Aaron Altman (รับบทโดย Albert Brooks) ก็ไม่เคยเห็นแสดงออกจริงจังสักที จนกระทั่งการมาถึงของนักข่าวหนุ่มสุดหล่อ Tom Grunick (รับบทโดย William Hurt) ทั้งคู่ต่างมี ‘passion’ ในการทำงานที่ดึงดูดซึ่งกันและกัน, สุดท้ายแล้ว Jane จะได้ลงเอยกับใครหรือเปล่า?

Holly Hunter (เกิดปี 1958) นักแสดงหญิงยอดฝีมือสัญชาติอเมริกัน จบสาขาการแสดงที่ Carnegie Mellon University, Pittsburgh เริ่มต้นเป็นมีผลงานละครเวที อาศัยอยู่ห้องเช่าเดียวกับ Frances McDormand แสดงภาพยนตร์เรื่องแรก The Burning (1981) แจ้งเกิดกับเรื่อง Raising Zrizona (1987), คว้า Oscar: Best Actress เรื่อง The Piano (1993) และเข้าชิงอีก 3 ครั้งจาก Broadcast News (1987), The Firm (1993), Thirteen (2003) ฯ

รับบท Jane Craig โปรดิวเซอร์สาวเจ้าน้ำตา ร้องไห้เพราะความอ้างว้างโดดเดี่ยว เป็นคนชอบวางแผนจัดการโน่นนี่นั่นด้วยตนเองตั้งแต่เด็ก กระนั้นชีวิตใช่ว่าจะความคิดของเธอสามารถควบคุมบ่งการได้ทุกสิ่งโดยเฉพาะเรื่องของความรัก ที่ช่างมืดบอกและคำหาทางออกไม่ถูกสักที

Jane เป็นคนมี ‘Sense’ ในการทำงานสูง ปณิธานไหวพริบดีเยี่ยม ทำให้ผลงานออกมาเป็นที่ถูกใจและรักใคร่ของทุกคน อนาคตความก้าวหน้าอยู่แค่เอื้อมมือ ก็อยู่ที่ว่าจะเลือกไขว่คว้าไว้หรือเปล่า

Debra Winger ที่เคยร่วมงานกับผู้กำกับ Brooks เรื่อง Terms of Endearment ตบปากรับเล่นบทนี้เรียบร้อยแล้ว แต่ขอถอนตัวก่อนหน้าการถ่ายทำเพียงสองวัน สืบเนื่องจากกำลังตั้งครรภ์ รีบโทรติดต่อ Sigourney Weaver, Judy Davis, Elizabeth McGovern, Christine Lahti, Elizabeth Perkins แต่มันกระทันหันเกินไป Hunter ที่ยังว่างงานอยู่ ส้มหล่นใส่โดยไม่รู้ตัว

ภาพลักษณ์ของ Hunter ทรงผมบ็อบช่างน่ารักน่าชัง ตัวเล็กแต่มีความทะเยอทะยานสูง คำพูด การแสดงออก จิตใจเต็มเปี่ยมด้วยความบริสุทธิ์ ตัวละครพยายามใช้การทำงานเพื่อกลบเกลื่อนความทุกข์ที่อยู่ภายในใจ แต่หลายครั้งยังต้องอยู่ตัวคนเดียว ผู้ชมจะรู้สึกสงสารเมื่อเห็นเธอร้องไห้ออกมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย แสดงว่าบางสิ่งอย่างขาดหายไปในชีวิตของหญิงสาว

Albert Lawrence Brooks ชื่อเดิม Albert Lawrence Einstein (เกิดปี 1947) นักแสดง ตลก ผู้กำกับสัญชาติอเมริกัน เกิดที่ Beverly Hills, California, พ่อเป็นนักจัดรายการวิทยุชื่อดัง ส่วนแม่เป็นนักร้องนักแสดง ตัวเขาเลยมีความสนใจด้านนี้ตั้งแต่เด็ก เข้าเรียน Carnegie Mellon University, Pittsburgh แต่ตัดสินใจลาออกมาเป็นตลกตอนอายุ 19 ไม่นานได้จัดรายการ Talk Show ของตนเอง ในภาพลักษณ์ Egotistical, Narcissistic มีชื่อเสียงโด่งดังพอๆกับ Steve Martin, Martin Mull และ Andy Kaufman, แสดงภาพยนตร์เรื่องแรก Taxi Driver (1976), โด่งดังกับ Lost in America (1985), Broadcast News (1987), Mother (1996), Drive (2011) ฯ

รับบท Aaron Altman เพื่อนสนิทร่วมงาน แอบรัก Jane Craig แต่ไม่เคยแสดงออก เมื่อรับรู้ว่าเธอกำลังตกหลุมรักกุ้ยมาดหล่อ Tom Grunick พยายามชี้ชักนำไม่ให้หลงคารม ยินยอมเปิดเผยบอกตกหลุมรักเธอ แต่ก็รู้ว่าคงไม่เวิร์คแน่ถ้าจะสานความสัมพันธ์กันต่อ

ในเรื่องงาน Aaron ถือว่าเป็น Jack-of-All-Trade มีความรอบรู้เฉลียวฉลาด สามารถทำได้ทุกสิ่งอย่าง แต่ไม่เก่งโดดเด่นอะไรเลยสักเรื่อง แถมยังเป็นพวกปากดีอวดเก่งดีตั้งแต่เด็ก ได้ออกเดินทางรอบโลกสมคารมที่หมาดหวังไว้ ส่วนเรื่องเงินไม่รู้เหมือนกันได้สูงขนาดนั้นหรือเปล่า

ภาพลักษณ์ของ Brooks คือตลกหน้านิ่งที่สามารถเรียกเสียงหัวเราะจากความเยิ่อหยิ่ง เห็นแก่ตัวเอง ไฮไลท์การแสดงคงคือขณะที่พูดบอกรักกับ Jane มีการออกไปเตรียมตัวนอกห้องแล้วเดินกลับเข้ามา แต่ผมขำกระจายตอนอ่านหนังสือพร้อมร้องเพลงไปด้วย ชีวิตจริงมันทำไม่ได้หรอกนะครับ

William McChord Hurt (เกิดปี 1950) นักแสดงสัญชาติอเมริกัน เกิดที่ Washington, D.C. โตขึ้นเข้าเรียน Juilliard School ร่วมชั้นกับ Christopher Reeve, Robin Williams มุ่งสู่ละครเวที ตามด้วยภาพยนตร์แจ้งเกิด Altered States (1980), โด่งดังกับ Body Heat (1981), คว้า Oscar: Best Actor เรื่อง Kiss of the Spider Woman (1985), ได้เข้าชิงกับ Children of a Lesser God (1986), Broadcast News (1987), A History Of Violence (2005)

รับบทโดย Tom Grunick ผู้ประกาศข่าวหนุ่มสุดหล่อเนี๊ยบ จากเคยทำงานหนังสือพิมพ์คงไม่ประสบความสำเร็จเลยมุ่งสู่วงการโทรทัศน์ ได้รับคัดเลือกทำงานจากเทป Audition ที่ถูกใจมากๆ มีความหลงใหลคลั่งไคล้ในพลังงานการทำงานของ Jane Craig แม้ทั้งสองจะไม่เคยได้ร่วมรักกันจริงๆ แต่ครั้งหนึ่งเมื่อ Grunick นั่งโต๊ะประกาศข่าว และ Jane ป้อนคำพูด/ข้อมูลใส่หู ก็ราวกับทั้งคู่เหมือนกำลังมี Sex อย่างเคลิบเคลิ้มถึงสวรรค์ชั้นเจ็ด

Grunick เป็นคนที่ชอบแสวงหาความตื่นเต้นท้าทายในชีวิต ตั้งแต่เด็กแม้การเรียนจะไม่ประสบความสำเร็จสักเท่า แต่เมื่อมีความคิดตั้งใจ พูดเน้นย้ำสามครั้งว่าต้องทำอะไร ก็สามารถคาดหวังประสบความสำเร็จได้เลย การเข้าสู่วงการโทรทัศน์น่าจะโดยบังเอิญ นี่คงเป็นอาชีพเข้าทาง ถูกใจ ตกหลุมรัก อนาคตเลยสว่างสดใสอย่างรวดเร็ว ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณ Jane ที่โดยไม่รู้ตัว เป็นแรงบันดาลใจ ปลุกปั้นให้เขากลายเป็นสุดยอดฝีมือ

Hurt กับบทบาทนี้ไม่ใช่แค่ความหล่อเนี๊ยบ ในมาดเพลย์บอยหว่านโปรยเสน่ห์ให้สาวๆเคลิบเคลิ้มหลงใหล แต่การแสดงออกภายนอกกับสิ่งที่อยู่ข้างในช่างแตกต่างตรงกันข้าม (เหมือนตัวละคร Anti-Hero) นั่นทำให้เมื่อถึงจุดๆหนึ่ง Jane ไม่สามารถยินยอมรับการกระทำของเขาได้ เพราะไม่อยากพบเห็นตัวตนแท้จริงที่หลบซ่อนอยู่ภายใน

Jack Nicholson พอคว้า Oscar ตัวที่สองสาขาสมทบจาก Terms of Endearment ก็กลายมาเป็นขาประจำ Cameo ในหนังของ James L. Brooks หลายๆเรื่อง (ซึ่งเรื่องนี้เห็นว่าไม่รับค่าตัว), รับบท Bill Rorish ผู้ประกาศข่าวหลักของสถานี มาดสุดเนี๊ยบดูดีมีสง่าราศีจับ เต็มเปี่ยมด้วย Charisma นี่สินะที่เรียกว่า ‘รุ่นใหญ่’ ของจริง สร้างสีสันให้หนังอย่างยิ่งเลย

เกร็ด: คุ้นๆว่าเป็นหนัง Debut ของ John Cusack ได้รับเครดิต ‘Angry Messenger’ คุณอาจไม่ทันเห็นหน้าเขาหลอก แต่ขณะหลายตัวละครถูกไล่ออก มีเสียงชายคนหนึ่งตะโกนขึ้นว่า ‘sons of bitches!’

ถ่ายภาพโดย Michael Ballhaus (1935 – 2017) ตากล้องยอดฝีมือสัญชาติ German ขาประจำของ Rainer Werner Fassbinder หลังจากอพยพสู่อเมริกามีผลงานดังอย่าง The Color of Money (1986), The Last Temptation of Christ (1988), Goodfellas (1990), The Age of Innocence (1993), The Departed (2006) ฯ เข้าชิง Oscar: Best Cinematography สามครั้งไม่เคยได้รางวัล Broadcast News (1987), The Fabulous Baker Boys (1989), Gangs of New York (2002)

สิ่งโดดเด่นมากๆของหนังคือการใช้เทคนิค Deep-Focus ด้วย Split-Focus Diopter พบเห็นภาพจากสองระยะชัดคมกริบทั้งสองฝั่งในฉากรายงานข่าวด่วน, ช็อตนี้ Jane นั่งอยู่บนแท่นโปรดิวเซอร์ด้านบน จับจ้องมอง Tom ที่โต๊ะผู้ประกาศข่าว

และในมุมกลับกัน เมื่อ Tom มีโอกาสจับจ้องมอง Jane ที่นั่งอยู่บนแท่นโปรดิวเซอร์ สังเกตว่าหูของเขามีความคมชัด แต่ใบหน้าจะเบลอๆนิดหน่อย ขณะที่ภาพของ Jane นั่นคมกริบ

ก่อนมาลงเอยช็อตนี้ กล้องจะค่อยๆหมุนรอบตัว Tom จากด้านหน้ามาจบด้านหลัง 180 องศา พร้อมๆกับเสียงพูดของ Jane ที่จะค่อยๆแทรกซึม ดังเข้าไปในหัวของเขา(และผู้ชม) ก่อนพูดออกมาต่อหน้ากล้อง

นี่ถือเป็นช็อต Masterpiece ของหนังเลยนะ ทำให้ผู้ชมสามารถจินตนาการตามถึงความยากยิ่งในการรายงานข่าวสด ตาต้องจับจ้องมองกล้อง ปากพูดไปเรื่อยๆ หูฟังคำของโปรดิวเซอร์ ต้องคนมีสมาธิโคตรๆ สมองไว ไหวพริบดีเยี่ยมเท่านั้น ถึงสามารถแยกแยะและครุ่นคิดวิเคราะห์ พูดแสดงออกได้ทันท่วงทีขนาดนี้

ตัดต่อโดย Richard Marks ขาประจำทุกเรื่องของผู้กำกับ Brooks ผลงานดังอย่าง The Godfather: Part II (1974), Apocalypse Now (1979), Julie & Julia (2009) ฯ

เนื่องจากหนังมี 3 ตัวละครนำ แม้ส่วนใหญ่จะอยู่ร่วมฉาก แต่ถ้าไม่ก็มักมีการตัดสลับแทรกใส่เรื่องราวของบุคคลที่หายไป เข้ามาร่วมด้วยเสมอ อาทิ
– ตอนที่ Aaron ไม่ได้เข้าร่วมรายงานสด นอนเล่นเรื่อยเปื่อยอยู่ที่บ้าน แรกๆก็ทำเป็นไม่สนใจแต่ก็อดไม่ได้ สุดท้ายกลายเป็นเหมือน ‘Super-subs’ โทรหา Jane บอกข้อมูลสำคัญๆเพิ่มสีสันให้การรายงานสด
– ฉากที่ Jane ออกเดทกับ Tom ส่วน Aaron นั่งโต๊ะเป็นผู้รายงานข่าวเหงื่อไหลพรักๆ ใช้การตัดสลับไปมาให้เห็นว่า ช่วงเวลาที่หญิงสาวมีความสุขกับชายคนหนึ่ง หนุ่มอีกคนราวกับกำลังตกขุมนรกเพลิงทั้งเป็น
ฯลฯ

นำตอนจบ Alternate Ending มาให้รับชมดูกันด้วย เป็นฉากที่ Jane พ่ายแพ้ต่อหัวใจตัวเอง หลังจากถูกตื้อ สารภาพ พูดสนองความจริง จึงยอมเลือกรักกับ Tom กอดจูบ…, ผมว่านี่เป็นตอนจบที่ไม่ค่อยเวิร์คเท่าไหร่ เพราะเหมือนสิ่งที่ Jane ยึดถือเชื่อมั่นมา สุดท้ายมาพังทลายสิ้นสุด ณ จุดนี้พอ

เพลงประกอบโดย Bill Conti นักแต่งเพลงสัญชาติอเมริกันเชื้อสายอิตาเลี่ยน โด่งดังกับ Rocky (1976), For Your Eyes Only (1981), The Right Stuff (1983) ฯ

บทเพลงมีทำนองง่ายๆ ฟังสบาย เพลิดเพลินผ่อนคลาย อาจไม่ค่อยติดหูผู้ฟังนัก แต่ช่วยเติมเต็มบรรยากาศโรแมนติกรักสามเส้าของหนังได้อย่างลงตัว

ในมุมของคอหนังรักโรแมนติก จะมองว่า Broadcast News คือเรื่องราวรักสามเส้าของ Jane กับ Aaron และ Tom สุดท้ายแล้วเธอจะเลือกใคร?
– หนึ่งคือเพื่อนรักสนิทสนมมายาวนาน พึงพาได้เสมอ แต่ยังไม่เคยแสดงความรู้สึกออกมา
– ขณะที่อีกคนหนุ่มหน้าใหม่หล่อกระชากใจ นิสัยแอบเลวนิดๆ แต่มีความมืออาชีพเชี่ยวชำนาญการ พบเจอต่างหลงใหลคลั่งไคล้ซึ่งกันและกัน

แต่ในมุมมองของนักข่าว/นักวิจารณ์ ส่วนใหญ่จะเห็นพ้องตรงกันว่า หนังนำเสนอเรื่องราววิถีชีวิตของคนทำงานเบื้องหลังในวงการโทรทัศน์ ความรักทุ่มเทที่พวกเขามีให้ต่อสายอาชีพนี้ สะท้อนลงไปเรื่องราวโรแมนติกของตัวละคร ระหว่างชีวิตกับการทำงาน บางครั้งก็เลือกได้เพียงอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น

“There is love and there is work, Yet we have but one heart.”

การปลดพนักงานออกช่วงท้าย ยังคงสะท้อนค่านิยมที่อ้างอิงมาจากหนังเรื่อง Network (1976) เรตติ้งคือดัชนีชี้วัด ความอยู่รอดของบริษัท ถึงต่อให้พวกเขาทำงานอยู่ร่วมกันมีความสัมพันธ์ฉันท์ครอบครัว แต่เมื่อผลลัพท์ออกมาไม่ตอบสนองความต้องการของผู้ชม ก็ย่อมถูกกลไกของโลกทุนนิยมโละทิ้งทำลาย แต่ชีวิตถ้ายังไม่ตายก็ต้องดิ้นรนสู้ต่อไป

ความสับสนว้าวุ่นวายใจของผู้กำกับ Brooks ที่ถ่ายทอดออกมาในภาพยนตร์เรื่องนี้ เปรียบได้กับอารมณ์ความรู้สึกของตัวละคร Jane Craig ไม่รู้จะเลือกใครดีระหว่างหนุ่มสองคน หรือเมื่อครอบครัวทีมข่าวกว่าครึ่งถูกไล่ออก แต่ฉันกลับได้เลื่อนตำแหน่งเพิ่มเงินเดือน มันไม่ใช่สิ่งน่ายินดีปรีดาแม้แต่น้อย กระนั้นเธอก็ตัดสินใจอยู่ต่อ ไม่ใช่เพื่อตัวเอง เพราะนั่นคือสิ่งยอดเยี่ยมทรงคุณค่าสุดในชีวิตที่หญิงสาว/ผู้กำกับ Brooks จักสามารถถ่ายทอด นำเสนอ แสดงคุณค่าความสำคัญของตนเองออกมาได้

ด้วยใจความของหนังนี้ทำให้ผมรู้สึกว่า ผู้กำกับ Brooks มีความหวาดหวั่นวิตกกลัวเป็นอย่างยิ่ง ก็เล่นคว้า Oscar ประสบความสำเร็จสูงสุดตั้งแต่ภาพยนตร์เรื่องแรกที่สร้าง นี่มันก็ไม่ใช่เรื่องดีเลยนะ เพราะเท่ากับต้องแบกรับความกดดันหนักอึ้งในผลงานเรื่องถัดไป เพื่อให้สมศักดิ์ศรีราคาคุยกับที่เคยได้รับรางวัลมา ด้วยเหตุนี้จึงหายหน้าหายตาไปถึง 4 ปี ผลลัพท์กลายเป็นภาพยนตร์เรื่องนี้ ต้องถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว

ด้วยทุนสร้าง $15 ล้านเหรียญ ทำเงินได้ในอเมริกา $51.2 ล้านเหรียญ รวมทั่วโลก $67.3 ล้านเหรียญ ถือว่าพอหอมปากหอมคอ

ออกฉายในเทศกาลหนังเมือง Berlin ทำให้ Holly Hunter คว้ารางวัล Silver Berlin Bear: Best Actress ไปครองได้

ขณะที่ Oscar เข้าชิง 7 สาขา ไม่ได้สักรางวัล ประกอบด้วย
– Best Picture
– Best Actor (William Hurt)
– Best Actress (Holly Hunter)
– Best Supporting Actor (Albert Brooks)
– Best Writing, Screenplay Written Directly for the Screen
– Best Cinematography
– Best Film Editing

ผู้ชนะปีนั้นคือตัวเต็ง The Last Emperor (1987) กวาดเรียบไป 9 รางวัลแบบไม่แบ่งใคร (แต่ถ้าผมเป็นกรรมการ Academy ปีนั้น คงจะโหวตให้ Broadcast News แน่ๆ)

ส่วนตัวตกหลุมรักหลงใหลหนังเรื่องนี้มากๆในความ ‘romance’ ของอาชีพผู้สื่อข่าว (ไม่ใช่ในประเด็นรักสามเส้านะครับ), ความน่ารักน่าชังของ Holly Hunter, ไดเรคชั่นของผู้กำกับ James L. Brooks, งานภาพอันนุ่มนวลของ Michael Ballhaus และการทำให้ทัศนคติต่อวงการโทรทัศน์ของผมเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง

“ต้องดูให้ได้ก่อนตาย” เพื่อเป็นการเปิดโลกทัศน์ มีทัศนคติต่อวงการโทรทัศน์ในอีกมุมหนึ่งที่แตกต่างออกไป สร้างอิทธิพลแรงบันดาลใจ และเกิดความเคารพนับถือในคนทำงานสายอาชีพนี้ ‘ไม่ใช่ทุกคนจะสามารถเป็นผู้สื่อข่าวได้แน่ๆ’

Broadcast News อาจไม่ใช่ภาพยนตร์ที่มีความทรงพลัง หรือยิ่งใหญ่เหนือกาลเวลา แต่ถือว่ามีคุณค่าต่อผู้คนในวงการโทรทัศน์อย่างยิ่งยวด (มากกว่า Network อย่างแน่นอน) ถ้าคุณทำงานสายนี้ มีความเพ้อฝันอยากเป็นนักข่าว ต้องหาหนังเรื่องนี้มารับชมให้จงได้

แนะนำกับคอหนังรอม-คอม รักสามเส้า ชื่นชอบบรรยากาศชิลๆ ภาพสวยๆ การแสดงโดดเด่นเป็นธรรมชาติ, หลงใหลในทศวรรษ 80s, แฟนๆผู้กำกับ James L. Brooks และนักแสดงนำ Holly Hunter, William Hurt, Albert Brooks แถมด้วย Jack Nicholson ไม่ควรพลาด

จัดเรต PG กับความรักสามเส้า และความหื่นกระหายของนางเอก

TAGLINE | “Broadcast News ของผู้กำกับ James L. Brooks นำเสนอความ ‘romance’ ของอาชีพนักข่าว ผ่านตัวละครของ Holly Hunter ได้อย่างน่ารักน่าชัง”
QUALITY | RARE-GENDARY
MY SCORE | LOVE

Leave a Reply

avatar

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.

  Subscribe  
Notify of
%d bloggers like this: