Lagaan: Once Upon a Time in India (2001)
Cricket เป็นกีฬาประจำชาติของอังกฤษ ในยุคล่าอาณานิคม ได้นำเข้ามาเผยแพร่ในอินเดีย จากไม่เคยรู้จัก ถูกบังคับให้ดู ต้องลงแข่งขัน, หนังเรื่องนี้เป็นการตีความหน้าประวัติศาสตร์ของอินเดีย กับจุดเริ่มต้นความนิยมของกีฬาในกีฬาชนิดนี้ จนมีคำพูดหนึ่งว่า ถ้าอยากจะรู้จักอินเดีย ต้องรู้จัก Cricket, “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย”
นี่ไม่ใช่กีฬาประจำชาติอินเดีย (กีฬาประจำชาติคือ Hocky) แต่ Cricket คือกีฬาแห่งชาติ ที่ชาวอินเดียทั้งประเทศจะหยุดงานมาดูถ้าทีมชาติลงแข่ง ขนาดว่ากลุ่มคนที่มีความขัดแย้งทำสงครามกัน ในวันนั้นจะหยุดพักการต่อสู้ นั่งล้อมวงดูโทรทัศน์/ฟังวิทยุ ลุ้นเชียร์ทีมโปรดให้ได้รับชัยชนะ, ไม่มีหนังสือประวัติศาสตร์เล่มไหนบันทึกไว้ ว่าคนอินเดียเริ่มรู้จัก Cricket ได้ยังไง อะไรคือจุดเริ่มต้น แต่เหตุผลที่ทำให้คนชาตินี้หลงใหลคลั่งไคล้ Cricket หนังเรื่องนี้ได้สร้างเรื่องราวที่ให้คำตอบได้สมเหตุสมผลเป็นอย่างมาก
เกร็ด: ถึง Cricket จะเป็นกีฬาประจำชาติ แต่อังกฤษกลับไม่เคยได้แชมป์โลก Cricket World Cup เลยสักครั้ง
นี่เป็นหนังอินเดียเรื่องที่ 3 ที่สามารถเข้าชิง Oscar: Best Foreign Language Film แม้จะไม่ได้รางวัลนี้ แต่ก็ทำให้หนังเป็นที่รู้จักในวงกว้างระดับโลก ถือเป็นหนึ่งในความภูมิใจของชาติเลยก็ว่าได้
สำหรับงานประกาศรางวัลของอินเดีย Filmfare Award สามารถเหมามาได้หมดที่เข้าชิง 8 รางวัล
– Best Film
– Best Director
– Best Story
– Best Actor (Aamir Khan)
– Best Music Director
– Best Lyricist
– Best Playback Singer – Male
– Best Playback Singer – Female
เช่นกันกับ National Film Awards ที่ได้มาอีก 8 รางวัล
– Best Popular Film Providing Wholesome Entertainment
– Best Music Direction
– Best Playback Singer – Male
– Best Audiography
– Best Lyricist
– Best Costume Design
– Best Art Direction
– Best Choreography
หนังเรื่องนี้ทำให้โลกได้รู้จักกับคน 3 คน ผู้กำกับ Ashutosh Gowariker นักแสดง Aamir Khan และนักประพันธ์เพลง A. R. Rahman
เริ่มจากนักแสดง Aamir Khan นี่เป็นหนังเรื่องที่สร้างชื่อให้เขาเป็นที่รู้จักในระดับโลก และเป็นเรื่องที่สองถัดจาก Baazi ที่ได้ร่วมงานกับ Gowariker, ณ ขณะนั้นฝีมือการแสดงของ Aamir อยู่ในช่วงท็อปฟอร์มสุดๆ การแสดงอันยอดเยี่ยมใน Lagann ทำให้คว้ารางวัล Best Actor จาก Filmfare Award ถือเป็นตัวที่ 2 ในชีวิต (ตัวแรกจาก Raja Hindustani-1997) ไม่เพียงเท่านั้น Aamir ยังเป็นโปรดิวเซอร์ให้หนังเรื่องนี้ด้วย
หลังจากที่ Gowariker ได้ Aamir เป็นนักแสดงนำแล้ว แต่ยังไม่สามารถหาผู้สร้างหนังได้ จึงไปคุยปรึกษากับ Aamir ซึ่งเขาเห็นโอกาสดีที่จะสร้างบริษัทของตัวเองขึ้น นี่จึงถือเป็นหนังเรื่องแรกที่ Aamir Khan ได้กลายเป็นโปรดิวเซอร์หนัง, ผมชอบแนวคิดการเป็นโปรดิวเซอร์หนังของ Aamir เขาบอกว่า ‘ถ้าผู้กำกับบอกว่าต้องการอูฐ 50 แล้ว โปรดิวเซอร์ถามว่าทำไมไม่ 25 ตัว ใช้แค่ 25 ตัวไม่ได้เหรอ … เป็นผมคงไม่ถามเรื่องแบบนี้ให้เสียเวลา เพราะผมเข้าใจดีว่าทำไมผู้กำกับถึงต้องการปริมาณเท่านั้น’
If the director tells the producer that he wants 50 camels, the latter will probably say, ‘Why not 25? Can’t you manage with 25 camels?’ Whereas, if he is telling me the same thing… I will not waste time asking him questions because I am also creatively aware why he needs them.
หนังเรื่องนี้เป็นการรวมทีมของนักแสดงชื่อดังหลายคน เพราะ Cricket เป็นกีฬาที่ต้องใช้ผู้เล่นถึง 11 คน แล้วยังมีผู้เล่นฝ่ายตรงข้าม ผู้ชมอีกเป็นจำนวนมาก รวมถึงมีการคัดเลือกนักแสดงสัญชาติอังกฤษเพื่อสมทบด้วย
งานภาพโดย Anil Mehta ถือว่าโดดเด่นเลยละ, งานภาพของ Lagann มีความคล้ายคลึงกับ Lawrence of Arabia คือให้ความรู้สึกแห้งแล้ง ดูแล้วจะรู้สึกคอแห้ง ไม่ชุ่มชื้นเลย, เรื่องราวของหนังก็มีใจความประมาณว่า ผู้คนอดอยาก ไม่มีเงิน ไม่มีอะไรจะกิน แต่รัฐบาลอังกฤษกลับต้องการรายได้เพิ่ม วิธีการที่ใช้ก็คือ ‘เพิ่มภาษี’ (Lagann แปลว่า ภาษี) น่าเสียดายที่ผมดูหนังเรื่องนี้ด้วยไฟล์คุณภาพค่อนข้างต่ำ แต่ก็ยังรู้สึกได้ว่า งานภาพมีความสวยงามอลังการ ยิ่งใหญ่สมจริงที่สุด
ช่วงครึ่งหลังที่เป็นการแข่งขัน Cricket มาพร้อมกับการตัดต่อที่น่าทึ่ง (ตัดต่อโดย Ballu Saluja) โดยเฉพาะช่วงท้ายที่เนื้อเรื่องกำลังบีบอารมณ์คนดู จังหวะก่อนตีลูกสุดท้ายใช้การสโลโมชั่น ก่อนที่จะปรากฎหน้าของพระเอก ขึ้นมาพร้อมกับเพลงประกอบของ A.R. Rahman ณ จังหวะนั้น อารมณ์นั้น ผลแพ้ชนะมีความยิ่งใหญ่เกินคำบรรยาย
คอหนังสมัยนี้ เชื่อว่าพูดถึง A.R. Rahman อาจจะคุ้นหู เพราะเคยกวาดเรียบกับรางวัลเพลงประกอบหนังเรื่อง Slumdog Millionaire (2008) ถือว่าเป็นนักประพันธ์เพลงคนแรกของเอเชียที่ได้ Oscar 2 สาขา Best Original Score กับ Best Music และยังได้ Grammy Award ในปีนั้นอีกด้วย, ใน bollywood เอง ชื่อของ A.R. Rahman ก็ถือครองสถิติมากมายในสาขาเพลง เริ่มต้นสายอาชีพจากประพันธ์เพลงในหนังภาษา Tamil (น่าจะเป็นภาษาเกิดของเขา) จากนั้นก็ประพันธ์เพลงประกอบให้หนังทุกเรื่อง ทุกภาษาที่เขาสนใจ ความสำเร็จก็กวาดรางวัลมา(น่าจะ)ครบทุกสำนักแล้ว, Lagann ถือเป็นหนังที่มีเพลงประกอบสวยงาม ไพเราะ ลงตัวมากๆ มีเพลงติดหูหลายเพลงทีเดียว, สไตล์เพลงของ Rahman คือความหลากหลายครับ เพลงพี่แกเอาจริงๆไม่มีเอกลักษณ์เท่าไหร่ แต่มีกลิ่นอายของความเป็นตัวของตน และอินเดียผสมแทรกอยู่ในทุกๆเพลง นี่สามารถเรียกได้เลยว่า ‘อัจฉริยะ’ ผมเลือกเพลง Mitwa มานะครับ เป็นเพลงที่ได้รางวัล Best Playback Singer – Male จากทั้ง National Film Awards และ Filmfare Award
สำหรับคนที่ต้องให้เครดิตมากที่สุด จะเป็นใครไปไม่ได้ ผู้กำกับและเขียนบท Ashutosh Gowariker, วิสัยทัศน์ของเขาใน Lagaan นั้นลงตัวมากๆ ตั้งแต่เริ่มเรื่อง ใช้วิธีการเล่าเรื่องแบบส่งไม้ต่อ หญิงสาวกำลังตามหาพระเอกเธอออกถามคนโน้นนี้ ก็ชี้เป้าไปโน่นนี่ ให้ไปถามคนถัดไป กว่าที่จะหาพบ… แค่จุดเริ่มต้นนี้ก็ทำให้ผมตื่นเต้นมากๆเลยทีเดียว เพราะรู้สึกตั้งแต่วินาทีนั้นว่านี่ต้องเป็นหนังที่สนุกแน่ๆ
ช่วงการตามล่าหาผู้เล่น Cricket ที่ต้องใช้ถึง 11 คน การโผล่มาของตัวละครแต่ละคน ก็เป็นอะไรลุ้นระทึก ตื่นเต้นอย่างมาก ให้ความรู้สึกเหมือนตอนดู Seven Samurai ขณะกำลังตามหาซามูไรทั้ง 7 (คือรู้ทั้งรู้ว่ายังไงก็หาได้ครบนะแหละ ความน่าสนใจจึงอยู่ที่ แต่ละคนจะมีเอกลักษณ์อะไร เป็นใคร และมีเหตุผลอะไรถึงเข้าร่วม นี่น่าสนใจมากๆ)
ครึ่งหลังกับการแข่ง Cricket บอกเลยว่าผมไม่เคยดู Cricket มาก่อน ไม่รู้ด้วยว่ามันเล่นยังไง กติกาเป็นยังไง แล้วในหนังเล่นกัน 3 วัน ทำไมนานจัง! ตอนดูผมก็ไม่ได้ทำความพยายามเข้าใจอะไรเลยนะครับ (หนังมีคำอธิบายเล็กน้อย แต่คนที่ไม่เคยรู้จัก ก็คงไม่เข้าใจหรอกว่ากติกาเป็นยังไง) กระนั้นคุณก็สามารถดูหนังพอจะเข้าใจได้ (เพราะกติกามันไม่ได้สำคัญเท่าผลลัพท์), นี่เป็นกีฬาที่สู้กันได้ดุเดือดมาก เร้าใตลุ้นระทึกขึ้นเรื่อยๆ ทั้งๆที่ไม่มีการปะทะกันแม้แต่น้อย ใครจะไปคิดว่ามันตื่นเต้นได้ขนาดนี้, แรกๆผมรู้สึกฮากองเชียร์ เฮลั่นทุกครั้งที่ป้องกันได้หรือทำคะแนนได้ อะไรมันจะขนาดนั้น แต่ตี่คือเหตุผลที่ทำไมกีฬานี้ถึงได้รับความนิยมอย่างมากๆในอินเดียและเอเชียกลาง เพราะ คนอังกฤษเขาไม่เฮกันเวลาทำแต้ม แต่คนอินเดีย ถึงจะแต้มไม่สำคัญ ก็เฮ เพราะมันคือชัยชนะ แม้จะเล็กแค่ไหน แต่มันคือความภูมิใจที่ผู้เล่นทำได้
ผมไปอ่านเจอว่า คนอินเดียไม่ใช่คนประเภทที่ชอบทะเลาะเบาะแว้ง ดังนั้นกีฬาที่ต้องใช้กำลังต่อสู้ ห่ำหั่นกันจึงไม่ใช่กีฬาที่พวกเขาชอบเลย, Cricket เป็นกีฬาที่ไม่มีการปะทะกันแม้แต่น้อย แต่มีการใช้สมองและความสามารถของผู้เล่นแต่ละคนอย่างเต็มที่, ปรัชญาความสามัคคีในกีฬา Cricket คือ ทุกคนต้องแสดงความสามารถของตัวเองอย่างเต็มที่ ทีมถึงจะได้รับผลประโยชน์อย่างสูงสุด, นี่คือเหตุผลของคนอินเดียที่ชอบ Cricket เป็นที่สุด ขนาดว่ามี Leagues ภายในประเทศ จัดแข่งกันระหว่างรัฐ และนักกีฬา Cricket ที่คุณควรรู้จักถ้ามีโอกาสไปเที่ยวอินเดีย คือ Sachin Tendulkar ไม่มีเด็กคนไหนในอินเดียไม่รู้จัก Sachin คนที่เคยไปอเมริกา จะเห็นคนที่นั่นเล่น Street Basket กันอยู่ทั่วไป ที่อินเดีย เราก็จะเห็นคนอินเดียเล่น Cricket กันอยู่ทั่วไป
ผลงานอื่นๆของผู้กำกับ Ashutosh Gowariker ที่ผมได้เคยดูแล้วอย่าง Swades และ Jodhaa Akbar ถือว่าเป็นความพยายามในการนำหนัง bollywood เปิดประตูสู่สากลมากๆ, ใน Swades คือการเปิดโลกทัศน์ของสังคมอินเดีย ส่วน Jodhaa Akbar เป็นการสร้างหนังในระดับ Epic ที่มีเรื่องราวเรียบง่ายของจักรพรรดิอักบักรมหาราช, Gowariker นับเป็นผู้กำกับที่น่าสนใจทีเดียว
ผมยกให้ Lagann เป็นหนังเรื่องโปรดอีกเรื่อง หลังจากดูผ่านครึ่งแรกไปก็รู้สึกว่าต้องใช่แน่ และครึ่งหลังก็ไม่มีอะไรให้ผิดหวังเลย ถือว่ายอดเยี่ยมเกินความคาดหมาย, ชอบตรงที่อารมณ์ของหนัง จะค่อยๆทวีความตื่นเต้น เร้าใจ ลุ้นระทึก ยิ่งช่วงท้ายลุ้นจนนั่งแทบไม่ติดเลยว่า จะจบยังไง? จะชนะไหม? จนกระทั่งถึงช่วงเวลาขณะนั้น มันคือไคลน์แม็กซ์ที่สวยสดงดงามมากๆ และตอนจบสุดท้าย ก็เป็นฝนฟ้าดลบันดาลประทานให้
อีกหนึ่งสุดยอดการแสดง การกำกับที่ยอดเยี่ยม และเพลงประกอบสุดไพเราะ ควรค่าอย่างยิ่งที่จัก “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย”
คำโปรย : “Lagaan พบกับการแสดงอันสุดยอดของ Aamir Khan เพลงประกอบชั้นเลิศจาก A.R. Rahman และแนวทางการกำกับของ Ashutosh Gowariker นี่เป็นหนังที่ทำให้คุณเข้าใจว่าทำไม คนอินเดียถึงหลงใหล บ้าคลั่งในกีฬา Cricket เป็นที่สุด ”
คุณภาพ : LEGENDARY
ความชอบ : FAVORI
Leave a Reply