Ninja Scroll (1993) : Yoshiaki Kawajiri ♥♥♥♥
(15/12/2017) หนึ่งในสามภาพยนตร์อนิเมชั่น ที่พลิกโฉมหน้าวงการไปโดยสิ้นเชิง, เรื่องราวของนินจาพเนจร บังเอิญเข้าไปพัวพันกับเบื้องหลังการแก่งแย่งชิงอำนาจการปกครอง ทำให้ต้องต่อสู้กับอัฎฐอสูร (Eight Devils of Kimon) ที่เป็นตัวแทนด้านมืด กิเลสตัณหาราคะ ความชั่วร้ายของมนุษย์
เกร็ด: สามภาพยนตร์อนิเมชั่นของญี่ปุ่น ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเสาหลัก (Milestone) แห่งวงการ ประกอบด้วย Akira (1988), Ninja Scroll (1993) และ Ghost in the Shell (1995)
Ninja Scroll เป็นภาพยนตร์อนิเมชั่นที่ผมมีความชื่นชอบมากๆตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้รับชม ในความรุนแรง เลือดสาด ภาพโป๊เปลือย ตัวละครมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว และบรรยากาศอารมณ์ที่มีความเข้มข้น ตึงเครียด รวดร้าวสั่นสะท้านหัวใจ, หวนกลับมารับชมรอบนี้ ความประทับใจยังคงเดิมไม่แปรเปลี่ยน แต่สังเกตเห็นคุณภาพและอนิเมชั่นที่ด้อยลงตามกาลเวลา ผู้ชมสมัยใหม่อาจไม่ค่อยตราตรึงเท่าที่ควร กระนั้นให้มองว่าคือความคลาสสิก และเสาหลัก (Milestone) เรื่องสำคัญของวงการ เป็นอิทธิพลแบบอย่างให้อนิเมะหลายๆเรื่องในทศวรรษต่อๆมา
Yoshiaki Kawajiri (เกิดปี 1950) นักเขียน/อนิเมเตอร์/ผู้กำกับภาพยนตร์อนิเมชั่น เกิดที่ Yokohama หลังเรียนจบเข้าทำงานเป็นนักอนิเมเตอร์ที่ Mushi Production Animation ตามด้วย Madhouse Studio เลื่อนขึ้นมาเป็น Animation Director, กำกับอนิเมะเรื่องแรก Lensman: Secret of The Lens (1984), ผลงานเด่น อาทิ Wicked City (1987), Ninja Scroll (1993), Vampire Hunter D: Bloodlust (2000), The Animatrix (2003) ฯ
หลังความสำเร็จของ Wicked City ทำให้ Kawajiri ได้รับอิสระในการเลือกสร้างผลงานชิ้นต่อไป ด้วยความสนใจในยุคสมัย Feudal/Medieval Japan ชื่นชอบอ่านนิยายชุดแฟนตาซีอิงประวัติศาสตร์เรื่อง Ninpōchō (Ninja Stories หรือ Ninja Scroll) เขียนโดย Futaro Yamada (1922 – 2001) นำพื้นหลังมาเป็นแรงบันดาลใจ และสร้างเรื่องราว/ตัวละครขึ้นใหม่ โดยพระเอก Jubei Kibagami อ้างอิงจากซามูไรชื่อดัง Yagyū Jūbei Mitsuyoshi ว่ากันว่าฝีมือดาบอันดับหนึ่งแห่งยุค เคยรับใช้โชกุน Tokugawa แต่ภายหลังลาออก(หรือถูกไล่ออกก็ไม่รู้) ยึดถือ Warrior’s Pilgrimage เร่ร่อนพเนจรไปทั่ว เพื่อผดุงความยุติธรรม
เกร็ด: นิยายชุด Ninpōchō (1958 – 1971) ของ Futaro Yamada ไม่มีระบุทั้งหมดกี่เล่ม เท่าที่หาข้อมูลใน Wikipedia พบเจอ 25 เล่ม ต่างก็เคยได้รับการดัดแปลงเป็นภาพยนตร์/อนิเมะ/ซีรีย์ นับครั้งไม่ถ้วน
ในยุคสมัย Edo Period, เมื่อห้าปีก่อนเหตุการณ์ในอนิเมะ Yamashiro Clan ขุดพบเหมืองทองขนาดใหญ่ เพื่อปกปิดความลับนี้ Himuro Gemma หัวหน้านินจาจึงสั่งให้ลูกน้องฆ่าฟันกันเอง Kibagami Jubei คือผู้รอดชีวิตหนึ่งเดียว จัดการเด็ดหัว Gemma เพื่อล้างแค้นให้กับพี่น้องที่ถูกล้างสมอง จากนั้นลาออกจากตระกูล ออกเร่ร่อนพเนจรไปทั่ว
แต่ด้วยพลังอมตะของ Gemma ฟื้นคืนชีพขึ้นมาก่อตั้งกลุ่ม อัฎฐอสูรแห่ง Kimon (Eight Devils of Kimon) ในตอนแรกอ้างว่าทำงานรับใช้ Yamashiro Clan ที่ต้องการสนับสนุนผู้นำของ Toyotomi Clan (ที่มีฉายา Shogun of the Dark) ให้ช่วยลักลอบขนทองทางเรือ ร่วมกันวางแผนใช้เป็นทุนซื้อยุทโธปกรณ์สมัยใหม่จากชาวสเปน เพื่อก่อการปฏิวัติล้มล้างโชกุน Tokugawa แต่ภายหลังกลับทรยศหักหลังทั้งสองตระกูล เป้าหมายเพื่อนำทองคำดังกล่าว ไปสร้างขุมกำลังนินจาที่มีพลังพิเศษ แล้วยกตัวเองขึ้นเป็น Shogun of the Dark
สำหรับ Jubei ที่เร่ร่อนพเนจรไปทั่ว วันหนึ่งบังเอิญเข้าไปพัวพันต่อสู้กับหนึ่งในอัฎฐอสูร ทำให้ถูกติดตามล่าฆ่า จนต้องร่วมมือกับนินจาสาว Kagero ผู้รอดชีวิตหนึ่งเดียวของ Koga Clan (ถูกกวาดล้างโดยอัฎฐอสูร) และ Dakuan สายสืบของ Tokugawa Clan ค้นพบความจริงว่า Gemma ยังมีชีวิตอยู่ จึงมีความต้องการสะสางบัญชีล้างแค้น ปิดฉากเรื่องราวในอดีตที่ยังคงค้าคาใจถึงปัจจุบัน
Kibagami Jubei (พากย์เสียงโดย Kouichi Yamadera ผลงานเด่น Spike เรื่อง Cowboy Bebop, Togusa เรื่อง Ghost in the Shell, Beerus เรื่อง Dragon Ball Super) นินจาพเนจรเร่ร่อน มีนิสัยหัวขบถ ไม่ชอบการถูกบังคับเล่นแง่ ยึดถือมั่นในอุดมการณ์ผดุงความยุติธรรม และมีฝีมือดาบเป็นเลิศ รวดเร็วทรงพลัง สามารถสร้างกระแสลมฟาดฟันศัตรูที่อยู่ห่างออกไปได้
Kagero (พากย์เสียงโดย Emi Shinohara ผลงานเด่น อาทิ Sailor Jupiter เรื่อง Sailor Moon) นินจาสาว Kunoichi จาก Koga Clan และเป็นนักทดสอบอาหารของ Mochizuki Clan ด้วยเหตุนี้ร่างกายจึงเต็มไปด้วยพิษร้ายแรง แค่เพียงสัมผัสกอดจูบก็สามารถทำให้บุคคลผู้นั้นเสียชีวิตได้, เพราะความเคียดแค้นที่พี่น้องในตระกูลของเธอถูกฆ่าล้างโดยอัฎฐอสูร แม้จะไม่ได้มีฝีมือเก่งกาจ แต่ต้องการร่วมต่อสู้เป็นส่วนหนึ่งเพื่อเอาชนะ
Dakuan (พากย์เสียงโดย Takeshi Aono ผลงานเด่น อาทิ Shirou Sanada เรื่อง Uchuu Senkan Yamato) ชายสูงวัยสายลับจาก Tokugawa Clan เป็นคนรอบรู้ เฉลียวฉลาด มากประสบการณ์ มีพลังสามารถยืดหดร่างกาย/ไม้เท้า กลายร่างกลมกลืนไปกับสิ่งรอบข้างได้ง่าย เป้าหมายของเขา เพื่อสืบค้นหาเป้าหมายของอัฎฐอสูรและทองคำของ Yamashiro Clan
พันธมิตรทั้งสามถือว่าเติมเต็มกันและกันในลักษณะ บู๊ บุ๋น และสนับสนุน เหนี่ยวรั้งด้วยเป้าหมายเดียวกัน คือต้องการต่อสู้จัดการ ทำลายล้างอัฎฐอสูร แต่ใช่ว่าพวกเขาจะไว้เนื้อเชื่อใจ พยายามรักษาระยะห่างความสัมพันธ์ ก็ไม่วายเกิดเรื่องรักๆใคร่ๆตามมา (อารมณ์ประมาณ ผู้ใหญ่จับคู่ให้หนุ่มสาว)
สำหรับอัฎฐอสูรแห่ง Kimon (Eight Devils of Kimon) นำโดย Himuro Gemma (พากย์เสียงโดย Daisuke Gōri ผลงานเด่น Mister Satan เรื่อง Dragon Ball, Robin Mask เรื่อง Kinnikuman, Hiromi Yamazaki เรื่อง Patlabor) อดีตผู้นำนินจา Yamashiro Clan เคยถูก Jubei ฆ่าตัดหัว แต่เพราะฝึกวิชาอมตะ สามารถควบคุมทุกอณูสิ่งอย่างในร่างกาย ต่อคืนกลับเป็นปกติ รวมถึงจำแลงแปลงร่างปลอมเป็นคนอื่นก็ยังได้, ตัวละครนี้เหมือนว่าจะเป็น Bisexual สามารถมีสัมพันธ์รักได้กับทั้ง Yurimaru และ Benisato (ไอ้นั่นคงเปลี่ยนเป็นชายหญิงก็ได้เช่นกัน)
สำหรับสมาชิกทั้ง 7 ขอเรียงตามลำดับการเสียชีวิต
Tessai (พากย์เสียงโดย Ryuuzaburou Ootomo ผลงานเด่น อาทิ Crocodile เรื่อง One Piece) ชายร่างใหญ่บ้าพลัง สามารถเปลี่ยนผิวหนังให้แข็งแกร่งดั่งหิน ใช้อาวุธดาบใหญ่สองคม เขวี้ยงขว้างได้ไกล แต่ด้วยตัณหาราคะ ความหื่นกระหาย พยายามข่มขืน Kagero โดยไม่รู้ตัวพิษร้ายซึมเข้าร่างกาย กัดกร่อนทำลายจากภายใน
Benisato (พากย์เสียงโดย Gara Takashima) นางงูสวาท เรือนร่างสุดเซ็กซี่เย้ายวน สามารถสร้างภาพลวงหลอกตาจากรอยสัก ลอกคราบ และสามารถควบคุมเรียกงูพิษทั้งหลายให้ทำตามคำสั่งได้, ถูกฆ่าโดย Yurimaru ด้วยข้ออ้างล้มเหลวในการทำงาน แต่แท้จริงเหมือนว่าคือความอิจฉาที่เธอเป็นอีกหนึ่งคนรักของ Gemma
Mushizo (พากย์เสียงโดย Reizou Nomoto) ชายหลังค่อมที่มีรังผึ้งอยู่ด้านหลัง ความสามารถพิเศษสามารถควบคุมฝูงผึ้งให้ทำตามคำสั่งได้ แต่กลับลืมคิดไปว่าถ้าตัวเองตกน้ำ ผึ้งที่อาศัยอยู่ในร่างของตนพยายามดิ้นรนหาทางเอาตัวรอด จึงเป็นการตายที่เข้าสำนวน ‘หมองูตายเพราะงู’
Utsutsu Mujuro (พากย์เสียงโดย Norio Wakamoto ผลงานเด่น Cell เรื่อง Dragon Ball Z, Charles zi Britannia เรื่อง Code Geass) นักดาบตาบอดยอดฝีมือ ออกปากท้าดวลต่อสู้กับ Jubei ที่ป่าไผ่ ด้วยความสามารถแยกแยะซุ่มเสียงที่ได้ยินอย่างแม่นยำ แถมรับรู้ทิศทางแสงใช้ดาบส่องเข้าตาคู่ต่อสู้ให้เสียเปรียบ แต่ก็ถูกจุดอ่อนความมืดบอดของตัวเองบดบัง ฟันติดดาบของ Kagero ทำให้ถูกแทงสวนเสียชีวิตโดยไมรู้ตัว
Shijima (พากย์เสียงโดย Akimasa Oomori) อีกาแห่งความมืดอาศัยอยู่ในเงา ใช้อาวุธเป็นมือกลไกเหล็ก สามารถแยกร่างเป็นพัน และสะกดจิตควบคุมคนอื่นได้, เพราะถูก Jubei ตัดขาข้างหนึ่งขาด จึงลักพาตัว Kagero หลบซ่อนตัวในเงา ถูกดาบเขวี้ยงไปปักกึ่งกลางศีรษะพอดิบพอดี
Yurimaru (พากย์เสียงโดย Toshihiko Seki ผลงานเด่น Senketsu เรื่อง Kill La Kill, Iruka เรื่อง Naruto, Duval เรื่อง One Piece) ลูกน้องมือซ้าย และคนรักชายของ Gemma ความสามารถพิเศษคือสร้างกระแสไฟฟ้าจากร่างกาย ส่งผ่านเส้นลวดที่สามารถใช้สื่อสาร ดักฟัง ชักใยผู้อื่นได้, เพราะความอิจฉาต่อ Benisato หาข้ออ้างฆ่ารัดคอ ขณะเดียวกันก็ถูกความริษยาของ Zakuro ระเบิดแหลกละเอียดเป็นผุยผง
Zakuro (พากย์เสียงโดย Masako Katsuki ผลงานเด่น Tsunade เรื่อง Naruto) นกฮูกสาวผู้หลงใหลในระเบิด ชอบนำดินปืนยัดใส่ร่างมนุษย์/สัตว์ ทำให้เคลื่อนไหวได้ หลอกล่อลวงศัตรูให้หลงเข้าใจผิด, เธอตกหลุมรักกับ Yurimaru แต่เขากลับไม่แยแสสนใจ ทำให้เกิดความริษยาเคียดแค้น เลยตอบโต้ด้วยความรักตูมตาม, เธอถูกฆ่าโดย Dakuan และ Jubei ด้วยระเบิดที่เกิดจากตัวเอง
เราสามารถวิเคราะห์พลังความสามารถ ลักษณะนิสัย เรื่องราวการกระทำของเหล่าอัฎฐอสูรแห่ง Kimon ได้กับกิเลสตัณหาราคะ ความชั่วร้ายที่อยู่ในจิตใจมนุษย์
– Himuro Gemma ได้หมดทั้งชาย-หญิง แสดงถึงความต้องการครอบครองทุกสิ่งทุกอย่างให้เป็นของตน นี่ถือเป็นที่สุดของกิเลสความชั่วร้ายมวลรวม ในเมื่อฆ่าไม่ตายก็ต้องถูกมัดตราสัง (ด้วยทอง) แล้วปล่อยให้จมดิ่งลงสู่ความมืดมิดใต้ท้องทะเล
– Tessai เป็นคนหยาบกระด้างเลวทราม แสดงตัณหาความต้องการออกมาตรงๆ ไม่ปกปิดบังหรือมีความละอายต่อราคะของตนเอง พยายามข่มขืน Kagero นั่นทำให้ภายนอกของเขามีความน่าเกลียดน่ากลัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่กลับค่อยๆถูกพิษสงกัดกร่อนทำลายจากภายใน
– Benisato นางงูสวาทที่ใช้เรือนร่างความสวยเซ็กซี่ แสวงหาความใคร่พึงพอใจส่วนตน โปรยหว่านเสน่ห์ไปทั่ว แต่คนแบบนี้สวยงามก็แค่เปลือกนอก ภายในอันตรายดั่งอสรพิษ สามารถฉกกัดทำร้ายเมื่อไหร่ใครก็ได้โดยไม่รู้ตัว
– Mushizo ผึ้งเป็นสัตว์ที่โบยบินหาน้ำหวานจากดอกไม้ มาสะสมเก็บไว้ให้นางพญาที่รัง, เปรียบตัวละครนี้คงเหมือนพ่อเล้า แสวงหาหลอกล่อลวงหญิงสาวสวยน่ารักๆ มารวบรวมเก็บไว้เพื่อสามารถนำไปใช้ประโยชน์
– Utsutsu Mujuro นักดาบตาบอด ชีวิตหมกมุ่นอยู่กับเป้าหมายเดียวเท่านั้น คือการท้าพิสูจน์ว่าตัวเองว่าสามารถต่อสู้กับยอดฝีมือได้เหมือนคนปกติทั่วไป กระนั้นบางสิ่งอย่างต้องใช้ตามองเห็นถึงจะสามารถทำความเข้าใจ
– Shijima เงาที่หลบซ่อนตัวอยู่ในความมืด ไม่ชอบการเผชิญหน้าตรงๆ แต่ใช้การสะกดจิตผ่านทางสัมผัสภายใน(มดลูก) [เป็นลักษณะการข่มขืนด้วยมือ Fetish]
– Yurimaru ภายนอกดูเป็นสุภาพชนแต่ภายในเต็มไปด้วยจิตริษยาอาฆาตแค้น เพราะเป็นถึงมือขวาของ Gemma จึงเกิดความหลงตัวเอง คิดว่าฉันสูงส่งเลอค่าเหนือกว่าผู้อื่น ทั้งยังไม่ต้องการให้ใครมาเทียบเคียงเรื่องความรัก สุดท้ายกรรมสนองกรรมแบบตรงไปตรงมา
– Zakuro นกฮูกสาวผู้หมกมุ่นอยู่กับซากศพ การทำลายล้างให้สูญสิ้นซาก ถือเป็นตัวแทนของความโกรธแค้น ที่พร้อมปะทุระเบิดออกได้ทุกเมื่อ
สังเกตว่าส่วนใหญ่แล้ว เรื่องราวของอัฎฐอสูรต่างวนเวียนอยู่กับเล่ห์ตัณหาราคะ ความต้องการหมกมุ่น และการร้องเรียกหาบุคคลผู้จะให้ความสนใจกับตนเอง ถ้าไล่ๆนับดูทั้ง 7 คน
– ที่ถูกฆ่าโดย Jubei แท้ๆ มีเพียง Shijima
– Jubei + Kagero จะมี Tessai กับ Utsutsu Mujuro
– Jubei + Dakuan คือ Zakuro
– อัฎฐอสูรฆ่ากันเอง Benisato กับ Yurimaru
– และตายด้วยตนเอง Mushizo
ออกแบบศิลป์ Art Director โดย Hiromasa Ogura กับ Youji Takeshige, อนิเมะถือว่ามีความ Stylish ค่อนข้างสูงในสมัยนั้น มุ่งเน้นที่การใช้สีเพื่อสร้างสัมผัสบรรยากาศ และอนิเมชั่นที่มีความคลาสสิกแต่สามารถสื่อความหมายชัดเจน
ฉากการข่มขืน Kagero ของ Tessai สังเกตว่ามีการใช้แสงสีน้ำเงินเพื่อสร้างสัมผัสที่เย็นยะเยือก ไม่เต็มใจ แต่ก็มิอาจขัดขืน ไร้เสียงปริร้องใดๆออกจากปากหญิงสาว
ขณะที่ Sex Scene อีกฉาก ที่บ้านของ Mochizuki clan เพื่อไม่ให้ติดเรตมากไป ใช้เงาบ่งบอกสิ่งที่เกิดขึ้นด้านหลังประตู และเสียงร้องอันเร่าร้อนรุนแรง สังเกตว่ามีการเลือกใช้แสงสีอ่อน ให้สัมผัสที่นุ่มนวลกว่า นี่คงเป็นการสมยอม แต่หญิงสาวคนนั้นคือใครกัน?
แนวโน้มความเป็นไปได้: ผมคิดว่าสองคนที่กำลังร่วมรักกันอยู่นี้ แท้จริงคือ Gemma (ที่ได้สังหารผู้นำของ Mochizuki Clan ไปแล้ว) ส่วนหญิงสาวที่กำลังร่วมรักอยู่นั้นคือ Benisato เพราะความที่ทั้งสองดูไม่มีสนใจหรือละอายต่อ Kagero แม้แต่น้อย แถมยังสั่งให้กลับไปสืบสวนหาความจริงต่อ
ฉากที่มีความ Stylish ที่สุดของอนิเมะ มีเพียงสีดำ-แดง นัยยะสื่อถึงเงา-เลือด และนี่เป็นวินาทีที่ Kagero ถูกข่มขืนด้วยมือ (Fetish) จาก Shijima หญิงสาวคงที่จะเสียความบริสุทธิ์แล้วสินะ
หลังจากฆ่า Shijima สำเร็จ Kagero ก็ได้เปิดเผยกับ Jubei วิธีการที่จะถอดพิษในตัวเขา ต้องใช้ พิษล้างพิษ นั่นคือร่วมรักกับเธอ (จริงๆแค่จูบก็ใช้ได้แล้วมั้ง) สังเกตว่าฉากนี้จากสีดำ-แดง กลายเป็นดำ-น้ำเงิน ราวกับหญิงสาวมิได้มีความตั้งใจสมยอม แต่ก็เปลื้องเสื้อผ้าเปลือยเปล่า พร้อมยอมเสียตัวให้เขา แต่กับถูกตอกหน้าด้วยจิตสำนึกของของพระเอก นั่นหาใช่สิ่งที่ฉันต้องการไม่
สำหรับฉากการต่อสู้ไคลน์แม็กซ์ มีสีเด่นคือ เหลือง(ทอง)-ส้ม-แดง เป็นสามสีที่มีความกลมกลืนกันอย่างมาก ขนาดว่าชุดของทั้ง Gemma (เดิมเป็นสีน้ำเงิน) กับ Jubei (สีเขียวแก่) ก็ยังออกไปทางน้ำตาลแดง ให้สัมผัสที่เร่าร้อน ลุกไหม้ ราวกับอยู่ในขุมนรก
ถ่ายภาพโดย Hitoshi Yamaguchi เป็นการร่วมงานครั้งแรกกับ Kawajiri ก่อนมีอีกเรื่องคืิอ Vampire Hunter D: Bloodlust (2000), เทคนิคที่ใช้ถือว่าครอบคลุมจัดเต็มในยุคนั้น อาทิ เลื่อนภาพ (แพนนิ่ง), ซูมเข้า-ออก ฯ หลายครั้งได้ยินตัวละครพูด แต่ด้วยระยะไกลหรือหันหลังจะไม่เห็นตัวละครขยับปาก นี่ช่วยลดเวลาการทำอนิเมชั่นได้เยอะมาก
ตัดต่อโดย Harutoshi Ogata กับ Yukiko Itō, เทคนิคการเล่าเรื่องหนึ่ง ที่ถือว่ากลายเป็นอิทธิพลให้กับวงการมังงะ/อนิเมชั่น คือการค่อยๆเปิดเผยคู่ต่อสู้ ลูกสมุนตัวร้าย ไม่ใช่ทุกคนโผล่มาหมดตั้งแต่ต้นๆเรื่อง แต่จะค่อยเปิดเผยออกมาทีละกลุ่ม ทีละคน ตัวละครไหนสำคัญๆตำแหน่งสูง ก็จะบทบาทออกมาก่อน ขณะที่ Last Boss เริ่มจากย้อนอดีตของพระเอก (Flashback) เสียงตามสาย และขณะปรากฎตัวสร้างสร้างความเซอร์ไพรส์ แสดงความสามารถที่น้อยคนจะคาดคิดถึง
สไตล์ของผู้กำกับ Kawajiri จะทุ่มทุนให้เวลากับฉากต่อสู้มากกว่าอื่นใด เพื่อเพิ่มความตื่นเต้นเร้าใจลุ้นระทึก มักจะมีการเร่งความเร็วทั้งการเคลื่อนภาพ ตัดต่อ และอนิเมชั่น อย่างเปลวไฟในฉากต่อสู้ไคลน์แม็กซ์ จะลุกไหม้โชติช่วงชัชวาลย์ พริ้วกระพริบสั่นไหวเร่งเร็วรี่ ว่าไปสร้างความเร้าใจยิ่งกว่าขณะต่อสู้เสียอีกนะ
เพลงประกอบโดย Kaoru Wada ผลงานเด่นๆ อาทิ InuYasha Series, Samurai 7 (2004), D. Gray-man (2006-2008) ฯ มีความเชี่ยวชำนาญอย่างยิ่งในดนตรีพื้นบ้านของญี่ปุ่น ผสมผสานเข้ากับดนตรีคลาสสิกสากลได้อย่างลงตัว
บทเพลง Character Song ชื่อ Jubei ฮึกเหิมทรงพลังด้วยเสียงรัวกลองเป็นพื้นหลัง ตามด้วยทำนองจากเครื่องเป่าทูบ้า สะท้อนความกล้าบ้าบิ่น นิสัยของตัวละครนี้ได้เป็นอย่างดี
ขณะที่ Kagero บทเพลงของเธอมีทั้ง Biwa และขลุ่ย Shinobu ประกอบพื้นหลังวงออเครสต้า สะท้อนความรู้สึกอันเจ็บปวดรวดร้าว โหยหวนทุกข์ทรมานจากการสูญเสียพี่น้อง Kuga Clan หลงเหลือเพียงตัวคนเดียวไร้ที่พึ่งพอ
บทเพลง Eight Warriors of the Demon Clan มีส่วนผสมของเครื่องดนตรีที่หลายหลาย ทั้งหมดให้สัมผัสของความชั่วร้าย อันตราย ความตายที่ค่อยๆคืบคลานย่างกรายเข้ามา
บทเพลงที่ผมชื่นชอบสุดของหนังคือ Devil Swordman การต่อสู้ระหว่าง Jubei กับ Utsutsu Mujuro ในป่าไผ่ เสียง Biwa, กลอง Taiga และขลุ่ย Shakuhachi ชวนให้ผมระลึกถึงหนังเรื่อง Crouching Tiger, Hidden Dragon (2000) เป็นอย่างยิ่ง น่าเสียดายเพลงนี้ห้วนๆสั้นเกินไปหน่อย
ทิ้งท้ายด้วยบทเพลง Ending ชื่อว่า Somewhere, Faraway, Everyone Is Listening to a Ballad แต่งทำนองโดย Hiroshi Shinkawa แต่งคำร้อง Sho Jitsukawa และขับร้องโดย Ryouhei Yamanashi
ถึงไม่รู้ความหมายของคำร้อง แต่สามารถสัมผัสถึงท่วงทำนองของความคิดถึง ใครสักคนที่อาจอยู่ฟากฟ้าแสนไกลจากไปแล้ว กำลังหวนระลึก นั่งฟังฮัมร้องบทเพลงนี้อยู่ด้วยกันกับเราก็เป็นได้
หน้าหนังของ Ninja Scroll คือเรื่องราวของนินจา/ซามูไรพเนจร ต่อสู้ศัตรูผู้ชั่วร้ายเพื่อผดุงความยุติธรรม นำพาสันติสุขให้หวนกลับมาบังเกิด
แต่ใจความจริงๆ นำเสนอการต่อสู้เพื่อเอาชนะกิเลสตัณหาราคะ ความชั่วร้ายที่อยู่ในจิตใจมนุษย์ เพื่อที่ชายหนุ่มจะได้สามารถครอบครองทั้งกายและใจของหญิงสาว, จะเรียกวิวัฒนาการสืบพันธุ์ของมนุษย์ก็ยังได้
– สันชาติญาณของสิ่งมีชีวิต แรกสุดเลยเมื่อมีอารมณ์ตัณหา ความกระสันต้องการ พูดง่ายๆก็คือเงี่ยน หาที่ระบายออกมาได้ ก็ต้องใช้วิธีการสถุน บีบบังคับข่มขืนเพื่อให้ได้ร่วมรักกับหญิงสาว … Tessai ก็ถูกแทงตา ฟันนิ้ว บากกระบานไป
– หญิงสาวที่ใช้เรือนร่างความงามของตนเอง เป็นเหยื่อล่อลวงกามารมณ์ของชายหนุ่ม … Benisato จึงถูกกระแสไฟฟ้าช็อตตาย
– Mushizo อย่างที่ผมเปรียบเทียบไปกับพ่อเล้า รวบรวมน้ำผิ้งหวาน หญิงสาวสวย หลอกล่อหนุ่มๆให้มาติดกับ สุดท้ายก็ถูกอาวุธเข็มพิษผึ้ง แทงทำร้ายเลือดออกตายจากภายใน
– เมื่อความเงี่ยนของชายหนุ่ม มาถึงจุดนี้ก็เริ่มไปต่อไม่ถูกแล้ว พบเจอความมืดบอดของ Utsutsu Mujuro ถ้ายังคงหมกมุ่นในเรื่องนี้อยู่ ก็จะถูกฆ่าแบบไม่รู้ตัว มองไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น
– เมื่อหาใครร่วมรักไม่ได้ ก็สำเร็จความใคร่อยู่ในมุมมืดของ Shijima แต่คนประเภทนี้หลบซ่อนยังไงก็ไม่มิดอยู่แล้ว เพราะที่ใดมีเงาที่นั่นย่อมมีคนชั่วอาศัยอยู่
ความชั่วร้ายต่อจากนี้ มันไม่ใช่แค่ตัณหาราคะเท่านั้นแล้ว มีอย่างอื่นเข้ามาผสมโรงด้วย
– Yurimaru หนุ่มรูปงามผู้สมปรารถนาในรัก (และ Sex) แต่ยังเกิดความหึงหวงอิจฉาริษยา ชอบที่จะชักใยควบคุมผู้อื่นให้กลายเป็นเหมือนลูกไก่ในกำมือ/นกในกรง สุดท้ายเลยกรรมสนองกรรม
– Zakuro นกฮูกสาวที่เฝ้ามองรอคอยอย่างใจเย็น แต่เพราะความผิดหวังในรัก ก่อให้เกิดความเคียดแค้นสุมอก จนสุดท้ายก็ถูกเพลิงไฟของตนเองระเบิดครอกตาย
– และ Gemma บุคคลผู้เปรียบได้กับศูนย์กลางความชั่วมวลรวมแถมเป็นอมตะ ความต้องการของเขาไม่ใช่แค่ความรัก ตัณหาราคะ หรือ Sex แต่คือทุกสิ่งอย่างบนโลกใบนี้ ใครก็ตามที่สามารถเอาชนะ ย่อมหมายถึงผู้ที่เป็นคนดีแท้ สามารถควบคุมกิเลสตัณหาระคะ ความชั่วร้ายในจิตใจของตนเองได้แล้ว สมควรค่าอย่างยิ่งจะเรียกตัวเองว่า ‘สัตว์ประเสริฐ’
สำหรับ Kagero ถือว่าเป็นวัตถุทางเพศของอนิเมะเรื่องนี้ ตกเป็นเหยื่อฉุดคร่า ข่มขืน หักหลัง จากเหล่าชายฉกรรจ์ผู้หวังในเรือนร่างของเธอ แต่ทั้งๆที่ตัวเองมีพิษสงอยู่รอบตัว แต่กลับแทบมิอาจใช้มันให้เป็นประโยชน์ (ใช้ได้แค่บางที) จะมีก็เพียง Jubei ชายคนเดียวที่เข้าใจ เห็นอกเห็นใจ ไม่เอารัดเอาเปรียบ มองเธอคือผู้หญิง มนุษย์คนหนึ่ง ให้เกียรติ มอบความเสมอภาค ซ้ำยังพูดเตือนสติ
“Is your heart filled with poison as well?”
กว่านินจาสาวจะเข้าใจความหวังดีของเขา ทุกสิ่งอย่างมันก็สายเกินไปแล้ว ไม่สิ แค่จุมพิตเดียวจากใจ ก็คงถือว่าเพียงพอแล้วสำหรับเธอ ส่งมอบเป็นพลังผลักดันให้นินจาหนุ่ม ได้ต่อสู้จัดการกับที่สุดของความชั่วร้ายมวลรวม (Gemma = Germ?) เก็บกดผลักดันให้กิเลสตัณหาราคะจมลงสู่เบื้องลึกความมืดมิดในจิตใจ มิอาจหวนคืนกลับมาสร้างความเดือดร้อนวุ่นวายได้อีก
น่าเสียดายที่ตอนออกฉายในญี่ปุ่น อนิเมะเรื่องนี้ไม่ประสบความสำเร็จเลยสักนิด แต่พอส่งออกฉายต่างประเทศ กลับทำเงินล้นหลาม โดยเฉพาะในอเมริกา ตอนวางขาย VHS สัปดาห์แรก เดือนพฤษภาคม 1996 ทำยอดได้ 70,000 ก็อปปี้ กลายเป็น Best-Selling สูงสุดของค่ายที่ซื้อลิขสิทธิ์ไปเลย
เกร็ด: ผู้กำกับ James McTeigue ยกหนังเรื่องนี้ให้เป็นแรงบันดาลใจสร้าง Ninja Assassin (2009)
ตอนที่ผมเริ่มติดอนิเมะสายมืดตั้งแต่สมัยเรียน หลังจากรับชม Perfect Blue (1997) ก็รีบสรรหา Akira (1998), Ninja Scroll (1993) และ Ghost in the Shell (1995) มารับชมแบบติดๆกัน ค่อนข้างหัวเสียกับ Akira และ Ghost in the Shell เพราะดูไม่รู้เรื่อง แต่ก็เกิดความหลงใหลคลั่งไคล้ Ninja Scroll ในความสุดโหด เลือดสาด ดูรู้เรื่อง เข้าใจง่ายสุด กลายเป็นอนิเมะโปรดอยู่หลายปีจนกระทั่งเวลาผ่านไป หวนกลับมารับชมทั้ง 3-4 เรื่องนี้ใหม่ ถึงความชื่นชอบจะยังอยู่ในระดับหลงรักคลั่งไคล้ แต่ปัจจุบันผมกลับมีความชื่นชอบอนิเมะเรื่องนี้น้อยที่สุด (ไล่เรียงตามลำดับปัจจุบันก็ Ghost > Perfect Blue > Akira > Ninja)
เหตุผลอธิบายง่ายสุด ก็คือความลึกลับซับซ้อนมิติของเรื่องราว คงไม่มีใครเถียงแน่กับ Akira, Ghost หรือแม้แต่ Perfect Blue ว่าเป็นอนิเมะที่ดูยาก ถึงรู้เรื่องก็อาจไม่เข้าใจว่าใจความต้องการสื่ออะไร และมีบางสิ่งอย่างแอบแฝงซ่อนเร้นนัยยะสำคัญไว้ ขณะที่ Ninja Scroll ในส่วนเนื้อเรื่องกลับมีความตื้นเขินเบาบาง สื่อแทนอะไรไม่ค่อยได้ แม้จะมีความสุดโหด เลือดสาด งานศิลป์ Stylish ก็ยังไม่เพียงพอช่วยให้ยืนยงคงกระพัน คงไม่ผิดอะไรหากจะกล่าว่า อนิเมะเรื่องนี้มีคุณภาพลดลงถดถอยไปตามกาลเวลา
ถ้าคุณยังเป็นมือใหม่ในวงการอนิเมะ ให้พยายามรีบสรรหา Ninja Scroll มารับชมโดยไวก่อนเลยนะครับ เพราะเมื่อไหร่ที่ถลำลึกลงไปจนติดแหงกแล้ว ค่อยมีโอกาสได้ดู ความเป็นไปได้สูงที่คุณจะพลาดโอกาสสัมผัสความสวยงามของอนิเมะเรื่องนี้อย่างเต็มอรรสรถ
แนะนำกับคออนิเมะสายโหด ชื่นชอบความรุนแรง บ้าคลั่ง Sadistic, แนว Jidai-geki (Period Drama) ส่วนผสมของ Ninja กับ Fantasy, ศิลปิน ชื่นชอบงานภาพสวยๆ Stylish, แฟนๆผู้กำกับ Yoshiaki Kawajiri ไม่ควรพลาด
จัดเรต 18+ กับภาพความรุนแรง โป๊เปลือย เลือด การตาย
TAGLINE | “Ninja Scroll อนิเมะของผู้กำกับ Yoshiaki Kawajiri แม้กาลเวลาจะลดทอนคุณภาพไปบ้าง แต่ยังคงความตื่นเต้นลุ้นระทึก ยิ่งใหญ่ทรงพลัง Stylish”
QUALITY | SUPERB
MY SCORE | LOVE
Ninja Scroll (1993)
(2/1/2016) มีหนังอนิเมะในช่วงระหว่าง 1985-1995 อยู่ 3 เรื่องที่ปัจจุบันยังคงพูดถึง และได้รับการยอมรับอย่างสูงอยู่ Akira, Ninja Scroll และ Ghost in the Shell (ภาคแรก) ผมไม่มีประวัติเกี่ยวกับหนังอนิเมะเรื่องนี้เท่าไหร่ รู้แค่ว่าผู้กำกับได้แรงบันดาลใจมาจากหนัง Samurai ในสมัยก่อนที่ฮิตมากในญี่ปุ่น โดยนำเสนอสิ่งที่หนังคนแสดงไม่สามารถทำได้อาทิ ภาพความรุนแรง รวมถึงฉากต่อสู้ที่มีแต่อนิเมชั่นเท่านั้นที่จะทำได้
Yoshiaki Kawajiri ผู้กำกับหนังอนิเมะเรื่องนี้ ในเครดิตเขาก็มีหนังอนิเมะเยี่ยมๆหลายเรื่องเลย งานกำกับดังๆของเขา เช่น Vampire Hunter D: Bloodlust, The Animatrix ถ้ากับอนิเมะซีรีย์ เขามักได้รับงาน Key Animation หรือไม่ก็ Storyboard เสียส่วนใหญ่ สไตล์ของเขาชอบทำอนนิเมะที่มี Theme Darkness เป็นหลัก เขาทำงานกับสตูดิโอ Madhouse มาตั้งแต่ปี 1972 ปัจจุบันก็ยังมีชีวิตอยู่นะครับ เป็นหนึ่งในผู้กำกับคนสำคัญของญี่ปุ่นเลย
Ninja Scroll เป็นเรื่องของ Ninja ชื่อ Jubei Kibagami พากย์โดย Kōichi Yamadera นี่เป็นทศวรรษของ Yamadera นี่เป็นหนึ่งในผลงานที่สร้างชื่อให้เขา คนจะคุ้นๆเสียงเขาจาก Spike ใน Cowboy Bebop, Ryōji Kaji ใน Neon Genesis Evangelion ปัจจุบันก็ยังพากย์อยู่ ล่าสุดก็ Corazon ใน One Piece และ Beerus ใน Dragon Ball Super เสียงของเขาเป็นนินจาที่มีความเหนื่อยล้า มีปมหลังที่ไม่อยากจดจำ ตัวละครที่เขาพากย์ในหลายๆเรื่องก็มักจะมีลักษณะบางอย่างที่คล้ายๆกันนี้
Kagero พากย์โดย Emi Shinohara เธอเป็นตัวละครที่ผมชอบที่สุดในหนังอนิเมะเรื่องนี้แล้ว ผลงานที่ดังที่สุดของเธอคือ พากย์เป็น Sailor Jupiter ใน Sailor Moon เป็นตัวละครที่มีเสน่ห์มาก ออกแบบตัวละครนี้ได้สวยอันตรายมาก แต่ผมยังคงเสียดายชะตากรรมของตัวละครนี้อย่างมาก เป็นตัวละครที่คนดูอยากให้เธอสมหวังในตอนจบมากที่สุด แต่นะ…
อีกตัวละคร Dakuan พากย์โดย Takeshi Aono ปู่แกเพิ่งจะเสียไปเมื่อปี 2012 ผลงานดังๆก็อย่าง Piccolo Daimao ใน Dragon Ball, Rihaku ใน Fist of the North Star, Shiro Sanada ใน Space Battleship Yamato เชื่อว่าคนสมัยนี้อาจจะไม่ค่อยคุ้นเสียงปู่แกเท่าไหร่แล้ว ตัวละครนี้เราจะเห็นคล้ายๆกันในหนัง Samurai หลายเรื่อง อย่างไตรภาคซามูไรของ Hiroshi Inagaki ที่ตัวละครนี้เหมือนอาจารย์ของ Miyamoto Musashi มากๆ
สำหรับคู่ต่อสู้ของกลุ่มพระเอก มีชื่อว่า The Eight Devils of Kimon หรือที่แปลว่า Eight People of the Demon Gate ตัวละครที่น่าพูดถึงมากที่สุดคงหนีไม่พ้น Genma Himuro หัวหน้าของ Eight Devils พากย์โดย Daisuke Gōri ปู่แกเสียไปในปี 2010 นี่เป็นตัวร้ายที่น่ากลัวและทรงพลังมากๆ พระเอกโชคช่วยจริงๆที่สามารถเอาชนะหมอนี่ได้ รวมถึงปมระหว่างพระเอกกับตัวร้าย ผมคิดว่ามันคลาสสิคพอสมควรในยุคนั้น ปัจจุบันพล็อตคล้ายๆกันนี้เอามาใช้กันเกลื่อนทีเดียว
สำหรับ Eight Devils of Kimon แต่ละตัวละครผมก็ชอบความหมายที่แฝงไว้ในแต่ละตัวนะ เช่นคนที่ใช้เชือก ก็เป็นคนที่ชอบชักใจนำพาผู้อื่น, หญิงสาวที่มีรอยสักงู และงูนั้นกลับมีชีวิตขึ้นมา แสดงถึงคนที่มีพิษภัยขึ้นมาจริงๆ … การลำดับการเอาชนะก็สามารถนำความหมายแฝงมาเรียงต่อกันได้พอดีเลย
หนังมีส่วนผสมของ feudal Japan อยู่ เป็นช่วงที่ผู้ร้ายชุกชุม เจ้าหน้าที่ไม่ปฏิบัติหน้าที่ กินสินบน ประชาชนรากหญ้าตกอยู่ในความยากลำบาก เรื่องดำเนินไปโดยใช้องค์ประกอบพวกนี้ผสมผสานเข้ากันอย่างลงตัว ผมชอบฉากสู้สุดท้ายมากนะ สู้กันบนเรือขนทอง ความหมายคือความความสุขที่จมดิ่งลงสู่มหาสมุทร เป็นจุดจบของของประเทศถ้ายังคงดำเนินต่อไปแบบนี้ ตอนดูครั้งแรกๆผมตีความว่ามันคือจุดจบของความ corruption ที่จมดิ่งลงไป แต่มันก็สามารถมองเป็นความมั่งคั่งที่ไปไม่ถึงฝั่ง จมล่มลงกลางทางก็ได้
เพลงประกอบที่แสนระทึกโดย Kaoru Wada เขาทำเพลงให้กับอนิเมะดังๆอย่าง Inuyasha, D.Gray-man (แอบหวังให้ปู่แกกลับมาทำให้ D.Gray-man ss ใหม่ในปีนี้ด้วยนะ) ใน Ninja Scroll เสียงเครื่องดนตรีพื้นบ้าน ที่ฟังแล้วให้อารมณ์ยังกะดูหนังเรื่อง Seven Samurai เลย คืออลังการ ยิ่งใหญ่ สวยงาม ตื่นเต้น เสียงเหมือนเสียงฮอร์นที่ทำให้ฮึกเหิม ฟลุตที่ทำให้พริ้วไหวใจหวิวๆ และโดยเฉพาะเสียงกลอง ถ้าได้ฟังกับลำโพงดีๆละก็ ตื่นเต้นสุดๆเลย
หนังอนิเมะเรื่องนี้ มีความรุนแรงอย่างมาก ไม่แนะนำให้กับเด็กอายุต่ำกว่า 15 ดูนะครับ ที่ฉากเลือดสาด ภาพโป๊เปลือย เป็นหนังสำหรับผู้ใหญ่ ที่ถ้าคุณโตและชอบดูอนิเมะ ผมแนะนำให้ดูเลย หนังเรื่องนี้มีแนวคิดที่ค่อนข้างน่าสนใจ ดูสนุก แม้อาจจะเดาง่ายมาก เพราะมันเป็นหนังอนิเมะที่พระเอกชนะผู้ร้าย ตอนจบก็เดาได้อยู่แล้วว่าต้องเป็นยังไง แต่ก็มีการเล่าเรื่องที่สนุก มีการหักเลี่ยมเฉียมคม หักมุมนิดหน่อย มีฉากการต่อสู้เจ๋งๆมากมาย ถ้าผมบอกว่า Rurouni Kenshin มีส่วนคล้ายกับหนังอนิเมะเรื่องนี้อย่างมาก ไม่รู้ว่าได้แรงบันดาลใจมาหรือเปล่า ถ้าคุณชอบ Rurouni Kenshin ห้ามพลาด Ninja Scroll นะครับ
คำโปรย : “Ninja Scroll หนังอนิเมะกำกับโดยปรมาจารย์ Yoshiaki Kawajiri ถึงจะมีภาพความรุนแรง แต่ก็แฝงไว้ด้วยความสวยงาม เพลงประกอบไพเราะอลังการ คอหนังอนิเมะห้ามพลาด”
คุณภาพ : SUPERB
ความชอบ : LOVE
Leave a Reply