
เรื่องป่วนๆของกลุ่มคน(และสุนัข) ผู้มีความขบถต่อวิถี พยายามหลบหลีกหนี ทอดทิ้งบางสิ่งอย่างจากอดีต เพื่อออกค้นหาโลกใบใหม่ สไตล์ตนเองไม่เหมือนใคร เดินทางไปจนสุดขอบระบบสุริยะ แต่สุดท้ายก็หวนกลับมาเผชิญหน้าตัวตนเอง, “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย”
greatest song, suberb music, best soundtrack, beautiful melody
เรื่องป่วนๆของกลุ่มคน(และสุนัข) ผู้มีความขบถต่อวิถี พยายามหลบหลีกหนี ทอดทิ้งบางสิ่งอย่างจากอดีต เพื่อออกค้นหาโลกใบใหม่ สไตล์ตนเองไม่เหมือนใคร เดินทางไปจนสุดขอบระบบสุริยะ แต่สุดท้ายก็หวนกลับมาเผชิญหน้าตัวตนเอง, “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย”
Paprika (2006) : Satoshi Kon ♥♥♥♥
วันๆที่แสนจืดชืด ได้ใส่ Paprika ลงไปสักนิด ชีวิตคงเพิ่มสีสัน แต่ถ้าเผลอพลาดพลั้งเททะลัก รสเผ็ดจัดหนักคงแซบซาบซ่านสั่นสะท้านทรวง
Stagecoach (1939) : John Ford ♥♥♥♥
(6/1/2017) Stagecoach อาจไม่ใช่ภาพยนตร์แนว Western ยอดเยี่ยมที่สุด แต่ถือเป็น’เรื่องแรก’ที่ได้รับการยกย่องว่ายิ่งใหญ่ จุดเริ่มต้นแจ้งเกิด John Wayne และหวนกลับมาโด่งดังอีกครั้งของผู้กำกับ John Ford, เรื่องราวการเดินทางผจญภัยบน Stagecoach ของผู้โดยสาร 9 คน ราวกับ Noah’s Ark แบกความหวังมวลมนุษยชาติให้ไปถึงเป้าหมายปลายทาง
The Good, the Bad and the Ugly (1966) : Sergio Leone ♥♥♥♥♥
(5/1/2018) ในทัศนะของผู้กำกับ Sergio Leone มนุษย์แบ่งออกเป็นสองพวกตรงกันข้าม The Good กับ The Bad แต่ก็มีคนอีกกลุ่มที่ชอบอยู่กึ่งกลางระหว่าง นิสัยโลเล กลับกลอก ปลิ้นปล้อน เห็นอะไรตอบสนองดีกว่าก็เปลี่ยนขั้วสลับข้าง ช่างมีความอัปลักษณ์ The Ugly ในสันดานโดยแท้, “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย”
กระบี่หยกฟ้าบันดาล ความยาวสองศอกเก้านิ้ว กว้างหนึ่งนิ้ว หนาสองจุดห้า ด้ามจับเคยประดับทับทิม ลวดลายแกะสลักสมัยพระเจ้าฉินอู่ (ครองราชย์ 310-307 ปีก่อนคริสต์ศักราช) ไม่ใช่แค่รูปลักษณะงดงาม แต่ยังแข็งแกร่งทนทาน มีความเฉียบแหลมคมยิ่งนัก เป็นยอดศัสตราวุธที่ชาวยุทธจักรต่างเคารพยำเกรง ถึงอย่างนั้นก็มิได้การันตีว่าผู้ครองครอบจักยิ่งใหญ่เหนือใครใต้หล้า
เมื่อตอนซีรีย์ TV pilot ไม่มีสถานีโทรทัศน์ไหนยินยอมนำออกฉาย David Lynch เลยขยับขยายเรื่องราวดังกล่าวมาเป็น Mulholland Drive (2001) เล่าถึงความฝันที่พังทลาย ตื่นขึ้นมาพบโลกความจริงที่โหดร้าย กลายเป็นผลงาน Masterpiece แห่งวงการภาพยนตร์, “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย”
Solaris (1972) : Andrei Tarkovsky ♥♥♥♥♡
ความครุ่นคิดเห็นต่อยุคสมัยสงครามเย็นของปรมาจารย์ผู้กำกับ Andrei Tarkovsky สิ่งที่มนุษยชาติกำลังร้องเรียกโหยหา ไม่ใช่การแพร่ขยายอาณาเขตพรมแดนบนโลกหรือห้วงอวกาศ แต่คือ ‘กระจก’ สำหรับสะท้อนตัวตนเองออกมา
2001: A Space Odyssey (1968)
ถ้าจะให้พูดความยิ่งใหญ่ของหนังเรื่องนี้ มันคงยาวมากแน่ๆ ผมจะเล่าประสบการณ์ส่วนตัวในการผจญภัยร่วมกับหนังเรื่องนี้ และวิเคราะห์เฉพาะจุดที่น่าสนใจ ในความเข้าใจของผมเอง หนังเรื่องนี้สามารถตีความได้หลากหลายมากๆ หลายๆอย่างไม่มีข้อสรุป ผมมองหนังเรื่องนี้แค่คือ “การสำรวจอวกาศ” และ “ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ชาติกับจักรวาล” เท่านั้น
Andrei Rublev (1966) : Andrei Tarkovsky ♥♥♥♥♡
ไม่ใช่แค่ชื่อเหมือนกัน แต่ยังเรื่องราวชีวิต จิตวิญญาณศิลปิน และความเชื่อศรัทธาต่อพระผู้เป็นเจ้า ทำให้ปรมาจารย์ผู้กำกับ Andrei Tarkovsky ระบายวาดภาพจิตรกรเอกชาวรัสเซีย Andrei Rublev ราวกับภาพยนตร์อัตชีวประวัติของตนเอง, “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย”
Tengen Toppa Gurren Lagann
เตะเหตุผล ตรรกะต่างๆทิ้งไปก่อนจะดูอนิเมะซีรีย์เรื่องนี้ คนที่ไม่ชอบอนิเมะแนว robot ให้ลองเสี่ยงดูสัก 8-10 ตอน แล้วคุณจะหยุดดูไม่ได้ เพราะนี่เป็นอนิเมะแนว Extreme Action ที่ทำให้หัวใจคุณเต้นแรงจนผิดปกติ กับตอนจบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในจักรวาล
Millennium Actress (2001) : Satoshi Kon ♥♥♥♥♥
ความฝัน คือสิ่งที่ทำให้มนุษย์มีเป้าหมายชีวิต แต่บางครั้งปลายทางมันอาจไม่มีอยู่จริง ต่อให้ฝืนดิ้นสักเท่าไหร่ก็ไปไม่ถึง จนกว่าจะตระหนักครุ่นคิดคำนึงขึ้นเองได้ แก่ตัวแล้วหวนระลึกมองย้อนกลับไป … มันช่างงดงาม และแสนเศร้าสร้อย, “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย”
ปรมาจารย์ผู้กำกับ Akira Kurosawa สรรค์สร้าง Rashômon (1950) เพื่อเป็นประตูเปิดสู่โลกยุคสมัยใหม่ (หลังสงครามโลกครั้งที่สอง) ที่มนุษย์ต่างมีความละโมบโลภ เห็นแก่ตัว หลงตนเอง สามารถพูดเล่าเรื่องราวในมุมมองต้องการ ไม่สนถูกผิดชอบชั่วดีอีกต่อไป, “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย”
L’Atalante (1934) : Jean Vigo ♥♥♥♥♡
(19/12/2017) ชีวิตคือการเดินทาง ขึ้นเรือ L’Atalante มุ่งสู่ Paris พบเจอเรื่องราวต่างๆ สุขทุกข์ หึงหวง พลัดพราก คร่ำครวญหา งดงามด้วยสไตล์ Poetic Realism ยิ่งใหญ่ไม่แพ้ Sunrise (1927), “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย”
La Strada (1954) : Federico Fellini ♥♥♥♥♡
(1/1/2018) La Strada แปลว่า The Road, ถนนสายนี้ที่ Zampanò กับ Gelsomina เลือกเดินทาง แม้มิได้ราบรื่นสุขสมหวังนัก แต่พวกเขากลับขาดกันไม่ได้ เติมเต็มตั้งฉากอยู่ตลอดเวลา, นี่คือภาพยนตร์เรื่องที่ต่อยอดจากยุคสมัย Italian NeoRealism จุดเริ่มต้นสไตล์ Felliniesque คว้ารางวัล Silver Lion: Best Director จากเทศกาลหนังเมือง Venice และ Oscar: Best Foreign Language Film เป็นเรื่องแรก “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย”
Amarcord (1973) : Federico Fellini ♥♥♥♥♡
สิ่งที่ผู้กำกับ Federico Fellini จดจำได้ไม่รู้ลืม (Amarcord แปลว่า I remember) คือช่วงชีวิตวัยเด็กที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานครึกครื้นเครง อลเวงปั่นป่วน อยากที่จะหวนกลับคืน แต่มิอาจฝืนธรรมชาติเป็นไปได้, “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย”
A Touch of Zen (1971) : King Hu ♠♠♠♠♠
(25/6/2017) Zen เป็นนิกายหนึ่งในพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน นับถือแพร่หลายในแถบประเทศเอเชียตะวันออก (จีน, เกาหลี, ญี่ปุ่น) โดยคำว่าเซ็นเป็นการออกเสียงตามภาษาญี่ปุ่น ภาษาจีน 禅 อ่านว่า ฉาน มาจากภาษาบาลี ฌาน, นี่คือผลงาน Masterpiece แห่งชาวตะวันออก โดยปรมาจารย์ผู้กำกับหูจินเฉวียน (King Hu) ที่ต้องการนำเสนอว่า ความขัดแย้งทุกสิ่งอย่างในโลก สามารถยุติลงได้ด้วยการให้อภัยและปล่อยวาง, “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย”
Spirited Away (2001) : Hayao Miyazaki ♥♥♥♥♥
(12/1/2018) ในโลกแห่งวิญญาณใบนี้ ไม่ได้แค่สะท้อนจิตใจของเหล่ามนุษย์ทุนนิยมออกมาเท่านั้น แต่ยังนำเสนอวิธีการชะล้าง พ่นเอาสิ่งที่เป็นขยะชีวิตออกมา เมื่อหลงเหลือเพียงความว่างเปล่า เด็กหญิงสาวก็สามารถครุ่นคิดตัดสินใจเลือก ว่าจะกลายเป็นผู้ใหญ่เช่นไรในสังคม, “ต้องดูให้ได้ก่อนตาย”
A Clockwork Orange (1971) : Stanley Kubrick ♥♥♥♥♡
(9/7/2018) โลกอนาคตในจินตนาการของผู้กำกับ Stanley Kubrick มี Malcolm McDowell ถูกสังคมแปรสภาพด้วย Ludovico Technique ให้กลายเป็นเสมือนหุ่นจักรกล หลงเหลือเพียงรูปลักษณ์ภายนอกยังคงความเป็นมนุษย์ มิอาจครุ่นคิดตัดสินใจกระทำอะไรได้ด้วยตนเองอย่างอิสระเสรี
ใครกันคือบุคคลที่สาม? ลูกเล่นที่ชักชวนให้ผู้ชมเกิดความฉงนสงสัย ใคร่อยากรู้เห็น ชายคนนั้นเป็นใครมาจากไหน ก่อนปรากฎตัวขึ้นอย่างไม่มีใครคาดคิดถึง สร้างความครื้นเครง อลเวง เพลิดเพลินกับเสียงเพลง และความยียวนกวนบาทาของ Orson Welles
Seven Samurai (1954)
Akira Kurosawa ปรมาจารย์ผู้กำกับแห่งเอเชีย กับหนังที่ได้ชื่อว่าเป็นหนังที่ Epic ที่สุดในโลก นี่เป็นหนังเรื่องโปรดที่ผมชอบที่สุด นับตั้งแต่ที่ผมดูหนังเรื่องนี้จบเพียงครึ่งแรกเท่านั้น ครึ่งหลังคือความอลังการ ยิ่งใหญ่ในระดับที่ไม่มีหนังเรื่องไหนที่ผมดูแล้วจะรู้สึกแบบนี้ได้อีก